สิบปีต่อมา…ณ ประเทศไทย
“ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับคุณนิชา”
เมื่อสิ้นเสียงของเอเดนมือซ้ายของโลแกนซึ่งถูกส่งมาเป็นการ์ดดูแลและตามติดชีวิตของเธอตลอดระยะเวลาสิบปีสิ้นสุดลง ใบหน้างดงามปานนางฟ้าก็หุบยิ้มลงแทบจะทันที เพราะนั่นหมายความว่าชีวิตที่สวยงามของเธอตลอดระยะเวลาสิบปีกำลังสิ้นสุดลงแล้วนั่นเอง
นับตั้งแต่วินาทีที่นิชาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากคฤหาสน์ตามหลังการ์ดไปขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปยังสนามบินต่อไปยังประเทศอเมริกา เธอตระหนักได้ว่าอิสระภาพทั้งหมดตลอดระยะเวลาสิบปีของเธอสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต่างจากดอกไม้ที่ถูกพรากออกจากกิ่งก้านใบ เพื่อไปประดับไว้บนแจกันอันสวยงามให้กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าผู้มีพระคุณได้เชยชมตามความพึงพอใจ
หลายชั่วโมงต่อมาเธอก้าวเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มโดยมีการ์ดเดินตามหน้าตามหลังไม่ห่าง ก่อนที่จะหยุดชะงักเท้าอยู่ตรงหน้าบุรุษหนุ่มรูปงามที่ยืนเด่นสง่าอยู่ท่ามกลางการ์ดที่ล้อมรอบตัวไม่ต่ำกว่าสินคน
นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลทองภายใต้กอบแว่นตาใส่ กวาดมองหญิงสาวที่ตนตั้งใจมายืนรอต้อนรับอยู่ตรงห้องรับแขกด้วยตัวเองอย่างพิจารณา จากเด็กสาวถักผมเปียตัวเล็กเมื่อสิบปีก่อนตอนนี้เธอได้กลายเป็นหญิงสาวที่งดงาม มีรูปร่างสง่าโดดเด่น ทุกการก้าวเดินของเธอราวกับนางพญาหงส์ที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี สมกับที่จะต้องมาเป็นผู้หญิงของมาเฟียหนุ่มผู้ทรงอำนาจที่สุดในเวลานี้อย่างเขาที่สุด
“สวัสดีค่ะท่าน”
นิชายกมือไหว้บุรุษหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรลูกครึ่งไทย-อเมริกา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ทว่าปราศจากรอยยิ้ม แลดูเคร่งขรึมตลอดเวลาเช่นเดิมราวกับเมื่อสิบปีก่อนที่เธอได้พบหน้าของเขา จะต่างก็ตรงที่ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนนี้มาก แถมใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเกลี้ยงเกลามีไรหนวดเคราขึ้นล้อมกรอบขับใบหน้าเขาให้ดุดันกว่าเดิมมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังหล่อเหลาไร้ที่ติเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดใดมาอธิบายได้
“ยินดีต้อนรับสู่บ้าน นิชา”
“ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ ยังคงคำพูดน้อยไว้เช่นเมื่อสิบปีก่อน เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป ต่างจากชายหนุ่มที่เอ่ยชื่นชมเธออย่างจริงใจ
“ไม่ได้เจอกันมานาน เธอดูดีกว่าที่ฉันคิดไว้มาก”
อันที่จริงความงามของเธอนั้นไร้ที่ติ แต่คนที่เอ่ยชมคนไม่เป็นอย่างเขาพูดได้แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว
“ขอบคุณค่ะท่าน”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท ก่อนที่โลแกนจะหันมาทางหญิงยุโรปวัยกลางคนรูปร่างผอมบางคนหนึ่งพลางเอ่ยแนะนำเธอ
“นี่คือป้าเฮเลน่า เธอจะดูแลและคอยช่วยเหลือคุณระหว่างอยู่กับผมที่นี่ ถ้าคุณขาดเหลืออะไรให้แจ้งป้าเฮเลนได้เลย”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณป้าเฮเลน”
หญิงสาวเอ่ยพลางส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร การที่เธอเลือกเรียกชื่อเล่นตามประโยคท้ายของชายหนุ่มทำให้เจ้าของชื่อยิ้มตอบอย่างเป็นมิตรกลับมาเช่นกัน
“ป้าก็ยินดีรับใช้คุณนิชา เช่นกันค่ะ”
สองสาวส่งมือไปข้างหน้าสัมผัสกันเป็นการทักทายด้วยความยินดี ก่อนที่เสียงทุ้มราบเรียบจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“มาถึงเหนื่อยๆ ก็พักเถอะ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาพูดคุยเรื่องหน้าที่ของคุณกัน”
เพราะเวลานี้ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว โลแกนเข้าใจดีว่าหญิงสาวต้องการพักมากกว่าที่จะมานั่งคุยเรื่องงาน หรือความรับผิดชอบในหน้าที่เอาตอนนี้ เขาเลยเอ่ยขึ้นเพื่อให้เธอได้พักตามอัธยาศัย
“ค่ะท่าน ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
นิชาน้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนที่เฮเลน่าจะทำหน้าที่พาเธอไปดูห้องนอนที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับเธอ ซึ่งตั้งอยู่บนเซฟเฮ้าส์ชั้นที่สอง โดยแต่จะมุมของบ้านมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ทุกที่
หญิงสาวที่รู้สึกคุ้นชินกับการรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่นของการ์ดเลยไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยห้องนอนส่วนตัวก็ยังคงเป็นพื้นที่สำหรับเธอเพียงคนเดียว
เมื่อนิชาเดินเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวแล้วเธอก็เดินสำรวจห้องของตัวเองเป็นอันดับแรก ห้องที่เธออยู่ตอนนี้กว้างใหญ่กว่าห้องที่เธออยู่เมืองไทยมาก การตกแต่งก็ดูหรูหรากว่า เช่นเดียวกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง สะดวกต่อการหยิบจับมาใช้งาน
“คุณนิชาทานอะไรมาหรือยังคะ ถ้ายังเดี๋ยวป้าจะให้เด็กนำมาให้”
เฮเลน่าที่สั่งเด็กรับใช้ให้เอาเสื้อผ้าข้าวของในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จัดเข้าตู้เสร็จแล้ว เธอก็เดินมาถามเจ้าของห้องที่ตอนนี้ยืนพิงขอบโต๊ะเครื่องแป้งมองการกระทำของเด็กรับใช้อยู่เงียบๆ
“ไม่ค่ะ นิชาไม่ทานอาหารหลังหกโมงเย็น”
กฎเหล็กอีกข้อของการเป็นผู้หญิงของมาฟียคือการดูแลรูปร่างให้ดูดี สมส่วน ไร้ที่ติ เธอเลยถูกฝึกให้กินอาหารตรงเวลาและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาสิบปีจนตอนนี้ได้กลายเป็นนิสัยติดตัวเธอไปเสียแล้ว
……………………………………..
“กรี๊ด!!!”
ในคืนนั้นนิชาต้องสะดุ้งตื่นมากลางดึก หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอลุกขึ้นมาสวมชุดคลุมทับชุดนอนสีหวานอีกชั้น แล้วก้าวออกมาจากห้องด้วยความเร่งรีบ เพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
เสียงหวานเอ่ยถามการ์ดคนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น พลางกวาดสายตามองลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งเป็นต้นต่อของเสียง แล้วก็พบกับหญิงสาวอกสะบึ้มนางหนึ่งที่อยู่ในชุดรัดรูปสีแดงสดกำลังควานเอากระเป๋าสะพายมาคล้องแขนโดยมีการ์ดล้อมอยู่ไม่ต่ำกว่าสามคน
“คุณลินดาอาละวาดครับ”
“คุณลินดาเป็นใคร แล้วทำไมเธอต้องอาละวาดด้วยละคะ”
นิชาเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ ขณะที่ยังคงมองเหตุการณ์ด้านล่างว่ามันจะจบลงยังไง
“เป็นหนึ่งในผู้หญิงของท่านครับ แต่ตอนนี้เธอจะถูกส่งตัวกลับไปที่ฮาเรม แต่เธอไม่ยอมกลับก็เลยเป็นอย่างที่คุณนิชาเห็นนั่นแหละครับ”
“หนึ่งในผู้หญิงของท่าน สรุปตอนนี้ท่านมีผู้หญิงกี่คนคะ”
“ผู้หญิงที่ท่านอนุญาตให้เข้ามาในนี้มีแค่คุณลินดา กับคุณซาร่าครับ”
คำบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาของการ์ดทำให้หัวใจของนิชาไหวไปวูบหนึ่ง เพราะตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเจ้าชีวิตของเธอ ถึงแม้ตอนนี้เธอยังไม่ได้ทำหน้าที่บำเรอเขาเรื่องบนเตียง แต่ก็พอจะเดาได้ว่าหากวันหนึ่งเขาเบื่อเธอก็จะถูกส่งไปขายต่อยังฮาเรม ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งในธุรกิจมืดของมาเฟียอย่างเขา
เพียงไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็สงบลง เมื่อการ์ดสองคนหิ้วปีกหญิงสาวที่มีนามว่าลินดาออกไปจากที่ตรงนั้น ซึ่งนิชาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าผู้หญิงคนดังกล่าวจะเป็นยังไงต่อไป สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้คือหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องนอนไป แล้วก็ข่มตานอนให้หลับจนกว่าจะถึงรุ่งเช้านั่นเอง