" เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"
" ท่านเป็นถึงแม่ทัพ กว่าจะมาถึงตำแหน่งนี้ย่อมต้องใช้สติปัญญาและเล่ห์เหลี่ยมในกลศึก กับข้าท่านย่อมมีแผนการ จะด้วยแผนใดข้าก็มิสนใจ "
" ทำไม?"
" ข้าคงต้องเล่นไปตามกงล้อของท่าน จากคุณหนูใหญ่ กลายเป็นสาวใช้ จากนั้นก็เป็นเชลย ข้าเพียงปรับตัวตามสถานการณ์เจ้าค่ะ อีกอย่างข้าก็อยากให้งิ้วเรื่องนี้จบลงเร็วๆ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร จิตใต้สำนึกของข้าก็ยังหวังว่าความเที่ยงตรงยังคงอยู่ ถึงแม้จะริบหรี่ก็ตาม "
" เจ้ารู้อะไรมา บอกข้า! " เขาทุบโต๊ะดัง นางทำเพียงยิ้ม นึกถึงนายจ้างที่มักวางมาดเจ้านายเสียเหลือเกิน
" ข้ารู้น้อยกว่าท่าน " นางกล่าวพร้อมส่ายหน้า เขามีโทสะใช้มือบีบที่คอนาง แต่มิลงมือ นางแค่หลับตา รออยู่นาน จึงเอ่ยถาม
" เจ้ามิกลัวตายเลยรึ " นางลืมตา
" กลัว? กลัวสิ ข้าเป็นคนย่อมมีความกลัว แต่...ข้าปลงกับชะตาชีวิตของเชลยเจ้าค่ะ " นางยิ้มน้อยๆ ทำให้เขาปล่อยมือจากลำคอนางและเอ่ยขึ้น
" เช่นนั้นเจ้าก็จงทำตามหน้าที่เชลย ซึ่งข้าจะเป็นผู้กำหนด " พูดจบเขาก็ลุกไป ปล่อยให้นางมองตามร่างกำยำที่บัดนี้เห็นเพียงแผ่นหลังและลับตาไป
งานภายในจวนนางมิได้ยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด มีเพียงแต่งานในกองทัพ นางต้องมาปะ ชุนชุดของทหาร เมื่อเสร็จใช่ว่านางจะได้หยุดงาน มื้อเที่ยง หรือมื้อค่ำ นางก็ต้องจัดเตรียม ให้เสร็จ ว่างเมื่อใดชุดที่ทหารสวมใส่นางก็ต้องจัดการซัก และผู้ที่มักจะนำชุดทหารมาให้นางก็ยังคงเป็นชายหนวดรกรุงรังเช่นเดิม เขามักส่งสายตาแปลกๆให้กับนางเสมอแต่นางเลี่ยงที่จะไม่สบสายตา
ทุกวันนางมิมีเวลาได้คิดเรื่องใด ตกค่ำนางก็ต้องไปนอนที่ห้องเก็บของเหมือนเช่นเดิม และตื่นแต่ยามอิ๋น กิจวัตรของนางต้องทำอย่างนี้ทุกๆวัน นานร่วมเดือน งานเหล่านี้ยังไม่สร้างความเหนื่อยใจมากไปกว่าการจัดการอาหาร ช่วยคัดลอกงาน ฝนน้ำหมึก หรือไม่ก็ต้องบีบนวดให้กับเทียนฟ่งอวิ๋นตามคำสั่ง และยิ่งนางอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ เขากลับเรียกร้องให้นางทำทุกอย่างมากยิ่งเช่น ไม่ว่าจะเป็นป้อนอาหาร ช่วยเขาอาบน้ำ หรือแม้แต่จะโดนเขาถูกเนื้อถูกตัวบ้างในบางคราว แต่นางก็รู้สึกอึดอัด
" ท่านแม่ทัพ บุรุษกับสตรีมิควรใกล้ชิดกัน ข้าขอเตือนท่านนะเจ้าคะ "
" แล้วไง เจ้าเป็นเชลย ข้าเป็นผู้กำหนดโทษ ข้ามิได้มองเจ้าเฉกเช่นสตรีทั่วไป "
" แล้วโทษของข้าต้องยอมให้ท่านโอบกอด ป้อนอาหาร บีบนวด หรือแทะโลมด้วยหรือเจ้าคะ " นางตาขวางใส่เมื่อได้ยินเขาตอบเช่นนั้น กอปรเขากำลังใช้มือโอบเอวนางในขณะที่นางคีบอาหารใส่ชามเขา ยามทานมื้อค่ำ
" อะไรเจ้ายังมิชินกับโทษของเจ้าอีกหรือ "
" ไม่ชิน " นางตอบอย่างเร็ว เพราะก่อนหน้า นางคิดว่าการเป็นเชลยโทษของนางจะต้องหนักหนา เช่นจับศีรษะกดลงน้ำ โบยเมื่อไม่ยอมพูดความจริง หรืออยู่ในคุกแล้วโดนเหล็กเผาไฟจี้ตามเนื้อตัว นางจึงได้กล้าลั่นวาจาให้พวกเขาตัดสินฆ่านางเสีย เพราะหากนางโดนเช่นนั้นสู้ฆ่านางให้ตายในคราเดียวเสียยังดีกว่ามาทรมานให้ตายอย่างช้าๆ
" อย่างไรถึงจะชิน พาเจ้าขึ้นเตียง เหมือนกับท่านลุงหวงดีไหม " เขาเอ่ยมือก็ยังคงรวบเอวแน่นขึ้น ส่วนฝ่ามือก็เริ่มอยู่ไม่สุข นางคิดในใจว่านี่คงต้องแผนอะไรสักอย่างเป็นแน่
" เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ชินใหญ่เจ้าค่ะ ข้าถนัดขึ้นกับเตียงชายสูงวัย มิใช่ชายรูปร่างกำยำ ยิ่งเป็นชายนักรบยิ่งแล้วใหญ่เจ้าค่ะ "
" สิ่งนั้นจะกังวลไปไย จวนข้ามีทหารเป็นร้อย มาสิข้าจะทำให้เจ้าชิน " เขาลุกขึ้น ปล่อยมือจากการรวบเอวเป็นจูงมือนางแล้วลากถูนางออกจากเรือนใหญ่ ไปยังลานกว้างที่ทหารนั่งทานมื้อค่ำกันอยู่ นางฝืนจากการลากจากเขา เขาจึงอุ้มนางพาดบ่า นางดิ้นอย่างแรงโดยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่เขาหรือจะยอม กลับใช้ฝ่ามือตีไปที่ก้นของนางอย่างแรง จนนางร้องออกมาเพราะความเจ็บแสบ
" ถ้ารู้ว่าการตีเจ้า ทำให้เจ้าหยุดพยศ ข้าควรทำตั้งแต่แรก "
" ท่านมันเลว สวะ ปล่อยสิโว้ย "
" พูดจาให้ไพเราะหน่อย ข้าแค่จะตอบแทนเจ้า ที่คอยดูแลทหารของข้าอย่างดี นานร่วมเดือน และข้าก็ได้ยินว่าเจ้ายังไม่ชิน ข้าคิดที่จะช่วยสงเคราะห์เจ้าเชียวนะ "
" สงเคราะห์มารดาท่านสิ ปล่อยนะ ข้าไม่ไป " นางเห็นว่าเขาเดินเร็วเพียงใด ไม่นานก็ถึงลานฝึก เขาปล่อยนางลงโดยมิได้ประคอง ทำให้ล้มลงไปกองกับพื้น สายตาทหารมองจ้องมายังนาง บ้างใบหน้าเรียบเฉย บ้างยิ้มเปิดเผย บ้างมองนางไปทั้งตัวดั่งนางคือลูกแกะน้อยที่หลงเข้าป่าเจอเหล่าราชสีห์หลายร้อยตัวที่ชุมนุมล่าเหยื่ออยู่ ใบหน้าที่ตระหนก เริ่มซีดไร้สีเลือด ปากเริ่มสั่นพูดออกมา
" ทะ..ท่าน..ทั้งหลาย ข้าเป็นสตรีเพศเดียวกับมารดาพวกท่าน ชายชาตินักรบที่ได้รับการยกย่องจากชาวแว่นแคว้นคงไม่คิดจะทำอันใดกับสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงเช่นข้าจริงไหม " นางพูดไปดวงตาก็เริ่มชื้น นางพยายามกลืนน้ำลายแต่เหมือนมีอะไรสักอย่างมาจุกที่ลำคอ นางก็ได้พูดไปแล้ว แต่ไร้การตอบกลับ มีเพียงแต่ชายร่างใหญ่ หนวดเครารกรุงรังคนเดิม แต่วันนี้เขาถอดเสื้อทำให้นางเห็นลำตัวมีรอยฟันที่แผงอกอยู่ 2-3 รอย เดินเข้ามาใกล้
" ไม่ อย่า.. อย่า ข้าจะทำงานให้พวกท่านทุกอย่าง ได้โปรด " นางคุกเข่า เอาศีรษะโขกไปที่พื้นเพื่อขอร้อง จังหวะที่ศีรษะจะโขกลงพื้นครั้งที่สาม มือหนาลงไปรองทำให้ศีรษะแนบลงไปยังฝ่ามือ
" แม่นาง " เสียงอันกังวาน แม้จะไม่ได้เอ่ยดัง แต่ในใจผู้ฟังกลับเหมือนเสียงมัจจุราช ทำให้นางเงยมองภาพตรงหน้า นัยน์ตาของนางโตแล้วส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น มือสองข้างปิดตาคล้ายภาพเบื้องหน้าเป็นสิ่งที่มิควรมองอย่างยิ่ง