ตอนที่ : 6 อดีตอันคลุมเครือ

1932 คำ
3 อดีตอันคลุมเครือ หญิงสาวที่เพิ่งเก็บกระเป๋าเข้าตู้เสร็จเป็นอันต้องชะงักเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุรมณถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นแฟนของตัวเอง “พี่ปาล์ม” แต่พอประตูถูกเปิดออกก็ต้องตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเขา “คลิก” เชิญภพก้าวเข้ามาในห้องของแขกพร้อมกับกดล็อกประตู “พี่ปาล์มล็อกประตูทำไมคะ แล้วเข้ามาทำไม” สุรมณถอยห่าง สายตามองคนรักเก่าอย่างไม่ไว้วางใจ “พี่ก็จะมาคุยกับสุให้รู้เรื่องน่ะสิ ว่าทำไมสุถึงได้ทิ้งพี่ไปแบบไม่บอกไม่ลากันอย่างนั้น” เชิญภพถามโพล่งแบบไม่อ้อมค้อม “สุไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ปาล์ม” หญิงสาวพูดแล้วก็เดินหลบฉากไป แต่เขาก็ตามติดแล้วกระชากท่อนแขนให้เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากัน “สุรมณตอบพี่มาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทิ้งพี่!” เรื่องคาใจเมื่อหนึ่งปีก่อนทำให้เชิญภพจับอดีตคนรักเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน “ปล่อยสุนะ ไม่อย่างนั้นสุจะร้องให้คุณวัธน์ช่วยจริงๆ ด้วย” “ร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก ป่านนี้คงไปอยู่กับเมียตัวจริงของเขาโน่น” “พี่ปาล์มพูดอะไร” “ก็ยัยปานยังไงล่ะ ลืมแล้วหรือยังไงว่าสองคนนั้นเขาแต่งงานจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เรื่องนั้นสุรู้ค่ะ รู้ดีด้วยว่าพวกเขาแต่งกันแค่หลอกๆ” “ต่อให้เขามีเมียอยู่แล้วก็จะแย่งว่างั้น” “พี่ปาล์มอย่ามาหาเรื่องสุ!” สุรมณสะบัดจนหลุดออกมา หญิงสาววิ่งไปตรงประตูห้องหมายจะเปิดออกไป แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่ตรงเข้ามาแล้วรวบรอบเอวของเธอเอาไว้ ลากมาทิ้งลงบนเตียงนอนโดยมีเขาทาบทับลงมา “พี่ปาล์มปล่อยสุ อย่าทำแบบนี้นะ” หญิงสาวดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุม “พี่จะทำมากกว่านี้สุ ถ้าสุไม่พูดความจริงกับพี่” “พี่ปาล์ม อื้อ!” สุรมณดิ้นขลุกขลักหนีคนที่แนบริมฝีปากเข้ามา “อย่าดีดดิ้นไปเลยสุ ทำอย่างกับพี่ไม่เคยจูบ” สุรมณหน้าชาวาบ “นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้พี่ปาล์มไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแตะต้องตัวของสุ” “ไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นเหรอสุ” เชิญภพกัดฟันกรอด สิทธิ์โดยชอบธรรมถูกลิดรอนโดยไร้สาเหตุ เขาไม่มีวันยอมรับโดยเด็ดขาด “อื้อ! ปล่อยสุนะพี่ปาล์ม” หญิงสาวทุบตีคนที่กำลังปล้ำถอดเสื้อของเธออยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้ เสื้อยืดคอกว้างถูกดึงหลุดจากหัวไหล่ ชั้นในตัวน้อยถูกร่นขึ้นเหนืออก “อื้อ!” คนร้องน้ำตาไหลพราก ตั้งแต่คบกันมาเชิญภพไม่เคยหักหาญน้ำใจเธอแบบนี้ หญิงสาวนอนร้องไห้น้ำตานองหน้า ขณะที่คนจูบยอดอกของเธอนั้นชะงักงันไป ‘ไอ้บ้าปาล์มแกทำอะไรลงไปวะ’ คิดได้ก็รีบดึงชั้นในลงปิดนวลเนื้อของสาวเจ้า แล้วดึงเสื้อยืดขึ้นไว้ตามเดิม “ฮึก ฮะฮือ” เสียงสะอื้นไห้อย่างคนเสียใจทำเชิญภพต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างคนรู้สึกผิด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปโอบกอดอีกคน แล้วดึงให้เข้ามาซบตรงอกของตนเอง “พี่ขอโทษ อย่าร้องเลยสุ” เขาจูบปลอบขมับเบาๆ ลูบต้นแขนให้อีกคนคลายความรู้สึกกลัว “สุเกลียดพี่ปาล์ม” คนร้องต่อว่าทั้งที่หน้ายังสะอื้นไห้แนบอกของเขา “แต่พี่ยังรักสุเหมือนเดิมนะ แค่พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมสุถึงทิ้งพี่ไปแบบนั้น” เชิญภพยังค้างคาใจในเรื่องนี้ เขาดันตัวคนร้องออกห่างจากตัวแล้วมองสบสายตาของหญิงสาว ปลายนิ้วปาดไล้คราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ “จำได้ว่าพี่ไม่เคยทำให้สุต้องร้องไห้ จำได้ว่าพี่ไม่เคยทำผิดต่อสุ แล้วทำไมสุถึงทำกับพี่แบบนั้น” ทั้งน้ำเสียงและแววตาต่างตัดพ้อผู้หญิงคนตรงหน้า สรุมณไม่ตอบแต่ผินหน้าหนีไปอีกทาง ความรู้สึกบางอย่างมันอัดแน่นอยู่ข้างใน “สุจ๋า บอกพี่ได้ไหม อย่าให้พี่ต้องคาใจกับเรื่องของเราแบบนี้ ไม่รักพี่แล้วเหรอ” คำถามนี้ทำให้สุรมณต้องรีบหันกลับมา กัดปากตัวเองเอาไว้แน่น ทั้งเสียใจและรู้สึกผิดเต็มไปหมด “ว่ายังไงสุ พี่ทำผิดอะไร ช่วยบอกพี่ทีพี่ไม่รู้จริงๆ” น้ำเสียงโอนอ่อนพร้อมสายตาเว้าวอน ทำให้สุรมณไม่อาจทำใจแข็งได้อีกต่อไป “สุขอโทษค่ะพี่ปาล์ม สุเข้าใจผิด” “เข้าใจผิด?” “ตอนนั้นสุเห็นพี่ปาล์มนอนอยู่กับผู้หญิงในห้อง สุโกรธมากเลยตัดสินใจไปแบบไม่ลา ไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากฟังคำแก้ตัว” เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อนง่าย เลยเลือกหนีหน้าหายไปเฉยๆ “เดี๋ยวๆ ตอนไหนสุ พี่ไปพาผู้หญิงคนไหนมานอนด้วย พี่ไม่เคยทำแบบนั้น” “คุณปานไงคะ” “ยัยปาน! หรือว่าตอนนั้น โอย ตายแล้วสุ ยัยปานจะไปงานศพรุ่นน้องที่มหา’ลัยเลยไปค้างที่ห้องพี่ เราพี่น้องนอนเตียงเดียวกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว สุทำไมไม่ถามพี่” เชิญภพตบหน้าผากตัวเองหนึ่งที เพราะเรื่องนี้ทำให้เขากับสุรมณต้องห่างกันไป “สุโกรธและเกลียดการนอกใจที่สุด พอเห็นคาตาแบบนั้นก็เลย...ก็ใครบอกให้พี่ปาล์มนอนกอดน้องสาวแบบนั้นด้วยล่ะ” “ก็ยัยปานติดนอนกอดตุ๊กตา เลยชอบมากอดพี่แทนอยู่เรื่อย” “ก็ภาพมันน่าคิดนี่คะ สุก็เลย” “เข้าใจผิดแบบร้ายแรง ทำพี่เสียใจไปเป็นปี แล้วนี่ยังจะมาเป็นคนรักของผัวยัยปานอีก พี่ไม่ยอมนะสุ” “ไม่ยอมแล้วจะให้ทำยังไงคะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้สุกับวัธน์เขาก็เอ่อ” “สุมองหน้าพี่” เชิญภพตรึงหญิงสาวให้หันหน้ามามองสบสายตากัน มองให้ลึกเข้าไปในดวงตาคู่คุ้นเคย “แล้วตอบพี่ว่ายังรักพี่อยู่ไหม” “พี่ปาล์มอย่าบังคับสุได้ไหม” “ตอบมาสุ ขอความจริงด้วย แล้วทุกเรื่องพี่จะจัดการเอง” สุรมณกะพริบตาถี่ๆ หญิงสาวหัวใจหวั่นไหวตั้งแต่เห็นเขาในตอนแรกแล้ว ความผิดหวังและเสียใจในอดีตทำให้เธอตัดสินใจรับรักกวีวัธน์อย่างง่ายดาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วก็แค่ประชดชีวิตที่ไม่สมหวังด้วยกันทั้งคู่ “สุ ถ้าสุไม่รักพี่แล้วพี่ก็จะปล่อยมือจากสุ” พูดแล้วก็ปล่อยมือให้หลุดจากหัวไหล่ของหญิงสาว “พี่ปาล์ม…” ทำไมเธอถึงหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจกับคำว่า ปล่อยมือ “ปล่อยทั้งที่หัวใจยังรัก” “พี่ปาล์ม” หญิงสาวโผเข้ากอดเขาอย่างคนยังรักหมดหัวใจเช่นเดียวกัน เชิญภพกอดหญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า เพียงแค่นี้ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าอีกคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับตนเอง “สุกลัววัธน์จะโกรธ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่ด้วย” “เรื่องนั้นพี่จัดการเองสุไม่ต้องกลัวนะ” “พี่ปาล์มจะทำยังไง” “จะไม่ให้ยัยปานหย่ายังไงล่ะ” “หา!” ในร้านกาแฟของเชิญขวัญ เจ้าของร้านปาดเหงื่อหลายรอบแล้วเมื่อหมดเรื่องจะรั้งเขาได้อีก ลูกค้าคนสำคัญก็กำลังดื่มด่ำกับกาแฟรสชาติโปรดปรานพร้อมด้วยขนมเค้กอีกสองจาน “ทำไมมองผมตาละห้อยเชียวคุณปาน ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง” ถูกมองมากๆ เข้าก็ชักสงสัย “โอย พ่อคุณหล่อล้ำหล่อเลิศหล่อไม่ปรึกษาใครจริงๆ” “ก็เห็นจ้องเอาๆ ช่วยไม่ได้นะบุญมีแต่กรรมบัง ได้สามีหล่ออย่างผมทั้งทีแต่ไม่มีวาสนาได้ร่วมเรียงเคียงหมอน คุณทำบุญมาน้อยนะผมว่า” “ค่ะ คงทำมาน้อยจริงๆ” พูดแล้วก็กลอกตามองบนใส่เขา ไม่รู้ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน แต่มีอย่างหนึ่งที่เชิญขวัญรู้สึกดีขึ้น คือกวีวัธน์ในวันนี้ไม่ใช่เจ้าบ่าวหน้าดุเหมือนในอดีต ‘สงสัยโลกเป็นสีชมพูเลยอารมณ์ดีตาม’ “เอ่อ นี่คุณปานอันไหนที่ผมควรจะเอาไปฝากสุเขาดี” ชายหนุ่มมองเค้กในตู้กระจกแล้วหันมาถามความเห็นเจ้าของร้าน “มีตั้งหลายหน้า คุณสุเขาชอบกินรสไหนเป็นพิเศษไหมคะ” “ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ผมซื้ออะไรไปให้สุเขาก็กินหมดละ” “หืม เป็นแฟนกันยังไงเนี่ยไม่รู้ว่าแฟนชอบกินอะไร คุณต้องใส่ใจคนรักให้มากกว่านี้รู้ไหม” “นี่หลอกด่าใช่ไหม” “ไม่ใช่ แค่แนะนำ อันนี้ดีไหม เครปเค้กสายรุ้งครีมไขมันต่ำ รับประกันสาวๆ ชอบเพราะกินแล้วไม่อ้วน” เจ้าของร้านหยิบเครปเค้กสายรุ้งใส่กล่องให้เขาไปสองชิ้น “เอาอีกไหมคุณ” “พอแล้วแค่สองชิ้นนี่แหละจะได้กินคนละชิ้น คิดตังค์ด้วยละไอ้ที่กินไปเมื่อกี้นี้” “ไม่คิดหรอกคุณ ถือว่าเลี้ยงกาแฟกับเค้กสามีตัวเอง” พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ “พรุ่งนี้เราก็จะเป็นอิสระต่อกันแล้ว นี่ผมว่าจะขอสุเขาแต่งงาน คุณพอจะมีไอเดียหรือบรรยากาศดีๆ ช่วยผมคิดหน่อยสิ ผมว่าจะขอแต่งงานแล้วก็ไปหย่ากับคุณต่อเลย” “เอ่อ เอางั้นเหรอคุณ เดี๋ยวปานจะหาดอกไม้สวยๆ มาให้คุณเปิดเพลงเพราะๆ มีป้ายไฟตัวโตๆ ว่า แต่งงานกันเถอะ คุณว่าดีไหม” คนคิดจินตนาการตามคำพูดตัวเองแล้วอมยิ้มในหน้า “เพ้อเจ้อ” “อ้าว ก็คุณถามว่ามีไอเดียไหม ปานก็ช่วยคิดแล้วนี่ไง นี่ถ้ามีผู้ชายสักคนมาขอแต่งงานแบบนี้นะปานจะตอบตกลงในทันที” “อย่างคุณนี่นะจะมีคนมาขอแต่งงานด้วย นี่เข้าขั้นมโนลึกไปแล้วนะ” “ใช่เซ้ ใครจะหล่อเลือกได้อย่างคุณล่ะ แต่ว่า...ป่านนี้สองคนนั่นคงเรียบร้อยแล้วมั้ง” หญิงสาวเผลอคิดดังไปหน่อย “เรียบร้อยอะไร” “อ่อ เปล่าๆ คุณจะกลับเลยไหมเดี๋ยวปานขับรถไปส่ง” “ก็ดีเหมือนกัน” กวีวัธน์พยักหน้าตอบรับ เพราะขามานั้นเขานั่งรถเชิญขวัญมา เชิญขวัญลอบมองไปทั่วบริเวณบ้าน เผื่อว่าสองคนนั่นจะเคลียร์ปัญหารักกันไม่จบ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นพี่ชายของตนเองนั่งเล่นอยู่ตรงระเบียงชั้นล่างของตัวบ้าน โดยปราศจากเงาของสุรมณ “ค่อยยังชั่ว” “อะไรของคุณ” “เปล่า ปานหมายถึงค่อยยังชั่วที่พี่ปาล์มยังอยู่บ้าน นึกว่าจะออกไปทำธุระเสียอีก พอดีมีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อย” เชิญขวัญแก้ตัวระหว่างดับเครื่องยนต์เมื่อรถมาจอดสนิทตรงลานจอดหน้าบ้าน อีกคนก็ยิ้มรับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว บางทีหญิงสาวก็นึกสงสารเขาเหมือนกัน ได้แต่ถอนหายใจอย่างคนรู้สึกผิด “คุณวัธน์อย่าลืมหยิบกล่องเค้กที่หลังเบาะไปด้วยนะคะ” หญิงสาวเตือนคนที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถไป “จริงด้วย ดีนะที่คุณบอกผม” เขาบอกยิ้มๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้ากล่องเค้กด้านหลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม