จารวีมองตามไปอย่างแปลกใจ ตรงหน้าของเธอน่าจะเป็นจุดบริการลูกค้ามากกว่าบ้านพักเก่า ๆ โทรม ๆ ตรงโน้น แต่เมื่อเจ้าของสินสอดอยู่นั่น เธอจึงจำเป็นต้องเดินไปหาเขาถึงที่
‘ไปยัยวีเรื่องมันจะได้จบ ๆ’
จารวีเดินบนพื้นทรายได้สามก้าว เรือที่มาส่งเธอก็แล่นออกจากท่าไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหันหลังกลับมามองอย่างตกใจ จะร้องเรียกก็ไม่ทัน หันซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเรือสักลำอยู่ตรงนี้ หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ปรากฏว่าไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียว หัวใจเริ่มเต้นคร่อมจังหวะอย่างไม่รู้ตัว มองหาคนงานของที่นี่สักคนก็ไม่เจอ ทำเป็นใจกล้าเดินไปหาทัพพ์ที่บ้านพักของเขา
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านพักแสนเก่า ทว่าแค่ภายนอกเท่านั้น เพราะภายในนั้นทัพพ์ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ระเบียงหน้าบ้านพักเปิดอ้ากว้างไว้ เสมือนพร้อมต้อนรับแขกอยู่ตลอดเวลา มีแก้วกาแฟวางอยู่กับโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่อง แต่ไม่เห็นเจ้าของอยู่ตรงนั้น
“คุณทัพพ์อยู่ไหมคะ” หญิงสาวลองตะโกนเรียกเขาเบา ๆ แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ จึงลองเพิ่มเสียงเรียกเขาขึ้นอีกหน่อย
“คุณทัพพ์ เอ่อ” หญิงสาวยืนตกตะลึงกับสภาพของคนที่นุ่งแค่กางเกงเลผ้าฝ้ายสีน้ำตาลไหม้แค่ตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยแผงอกสีน้ำผึ้งบึกบึนให้เห็น หญิงสาวไม่ได้ตกใจกับหุ่นหนา ๆ ของเขา แต่ตกใจกับหนวดเคราครอบหน้ากับแววตาดุ ๆ ซึ่งมองมาเหมือนเธอกำลังมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้เขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อือ” ทัพพ์ไม่ได้รับไหว้ เขาเอ่ยเสียงตอบรับในลำคอแล้วมองแขกผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“คุณทัพพ์ใช่ไหมคะ” กว่าจะเอ่ยถามออกมาได้ก็กลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก มือข้างหนึ่งกระชับสายสะพายกระเป๋าเอาไว้แน่น มีเหงื่อซึมออกด้วยความตื่นเต้น
“คุณเป็นใคร” ทัพพ์ถามหญิงสาวก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่นบนเก้าอี้ไม้หน้าระเบียง
“ฉันชื่อจารวีค่ะ เป็นน้องสาวของพี่ดาว ที่โทรคุยกับคุณป้าพรเรื่องจะเอาสินสอดมาคืนค่ะ” จารวีพูดไปกลั้นลมหายใจไปด้วย เขาไม่เชิญให้เธอขึ้นบนบ้าน เธอเองก็ไม่กล้าขึ้นไปโดยพลการเช่นเดียวกัน
“จะยืนอยู่นั่นอีกนานไหม”
“คะ”
“ขึ้นมาสิ !”
“เอ่อ ค่ะ” คนไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไร ทำไมถึงโดนตะคอกใส่ พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วก้าวขึ้นบันไดบ้านที่มีแค่สามขั้นของเขา
ด้านบนเป็นพื้นไม้แข็งแลดูสะอาดสะอ้าน กวาดตามองคร่าว ๆ พบว่าด้านในมีเครื่องมือเครื่องไม้สำหรับอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีประตูกั้นด้านในเอาไว้ ประดับด้วยม่านสีขาวปลิวไสวไปมา
“จะกินน้ำอะไร ก็ไปหาเอาเองในตู้เย็นนะ” เขาบุ้ยหน้าไปทางห้องครัว
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไปเปิดตู้เย็นหาน้ำกินก่อนจารวี” เขาสั่งเสียงแข็ง ราวกับบอกว่าถ้าจารวีไม่ไปหาน้ำกิน เขาก็จะไม่คุยด้วย
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาดัง ๆ ก่อนจะวางกระเป๋าสะพายเอาไว้บนเก้าอี้ตัวที่ว่าง แล้วเดินแหวกม่านสีขาวเข้าไปภายในบ้านพัก เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องครัวแสนกะทัดรัดแต่ทันสมัยของเขา หญิงสาวเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาเทใส่แก้วแล้วยกออกมาด้านนอก ยกขึ้นดื่มก่อนวางไว้บนโต๊ะไม้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“กินน้ำแล้วค่ะ เรามาคุยเรื่องธุระของเราดีกว่านะคะ” จารวีไม่อยากยืดเยื้ออีกต่อไป หญิงสาวนำของที่อยู่ในกระเป๋ามาวางไว้บนโต๊ะ
ทัพพ์ไม่ได้สนใจเงินสองสามปึกตรงหน้า กับทองคำที่วางอยู่ด้านข้าง เขากลับให้ความสนใจกับคนนำมามากกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจันทร์ดาวมีน้องสาวหน้าตาสะสวยถึงเพียงนี้ แม้จะไม่ได้สวยปราดเปรียวเหมือนคนพี่ แต่ก็ถือว่าสวยใช้ได้ทีเดียว เขาสำรวจเจ้าของใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต กับขนตางอนได้ทรง ผมยาวถึงกลางหลัง ผิวพรรณก็ขาวอมชมพู
“คุณทัพพ์คะ” คนรู้ตัวว่าถูกมองนานเกินไป เรียกชื่อเขาเบา ๆ
“ว่ามา” ทัพพ์ค่อย ๆ เบนสายตาออกจากหญิงสาว แล้วหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยออกมา เพราะดูแลสีหน้าแววตาของจารวี สื่อว่ามีเรื่องไม่สบายใจอยู่มากในตอนนี้
“สินสอดไม่ครบค่ะ”
“ว่าไงนะ !” เขาแทบจะตะคอกใส่คนพูด แววตาขึงขังขึ้นมาในทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมา
“อย่าเพิ่งโกรธนะคะ คือแม่ของฉันเอาเงินสินสอดส่วนหนึ่งไปโปะหนี้บ้านน่ะค่ะ มันก็เลยไม่ครบ แม่อยากจะขอผ่อนผันในการค*****นในส่วนที่ขาดไปคุณทัพพ์จะว่ายังไงคะ” จารวีพูดแล้วก็หายใจติดขัดขึ้นมา เพราะแววตาของคนฟังนั้นไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้เลย
ทัพพ์มองไปยังกองสินสอดที่วางอยู่บนโต๊ะ เขากะด้วยสายตาคร่าว ๆ ก็พอรู้ว่าขาดประมาณเท่าไหร่ มุมปากยิ้มเยาะขึ้นก่อนจะมองหน้าอีกคนตรง ๆ
“ถ้าคืนต้องครบ ถ้าไม่ครบไม่ต้องคืน”
“อ่า” จารวีอ้าปากค้างไม่รู้จะต้องเอ่ยอะไรออกมา รู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนอยากโทรศัพท์ไปปรึกษามารดาตอนนี้เลย
“ที่นี่ไม่มีสัญญาณมือถือเหรอคะ”
เขาไม่ตอบทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วหันไปยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ซ่อนรอยยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปากเอาไว้ภายใต้ถ้วยกาแฟใบนั้น