แรดจังวะ

1012 คำ
ต่อจากความเดิม “จริงดิ กูคิดไว้แล้ว เป็นมึงใช่ไหมไอ้โจรบ้ากามที่สาวๆ ใน มหา’ลัย พูดถึง เขาว่ามีผู้ชายสวมชุดช่างสีน้ำเงิน ชอบเดินไปเดินมาตอนกลางคืน พอหาเหยื่อได้ก็สไลด์ปีกาจูโชว์” “ไอ้สาดดดด มึงเนี่ยนะ คิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย คนอย่างกูแค่ขยิบตา ขี้คร้านจะมีคนวิ่งมาช่วยระบายน้ำกะทิเข้มข้นไม่หวาดไม่ไหว” “อี๋ ไม่เอาแล้วโว้ย คุยกับมึงทีไร นอนฝันร้ายทุกที” ผมยิ้มกว้างก่อนแก้เผ็ดด้วยคำพูดจี้ใจดำมัน “น้ำหน้าอย่างมึง ทำได้แค่ฝันเปียกสิ ไอ้ขุนน้ำน้อย ฮ่าๆ ๆ” ห้องน้ำเงียบอย่างที่ผมคิด เวลาดึกสงัดอย่างนี้ ผมรู้สึกผ่อนคลายมาก ผมเปิดน้ำอุ่นอาบอย่างสบายใจ หลังจากถูตัวไปสักพัก มือดันซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้น ผมไม่ใช่คนตื่นตัวง่าย แต่ในหัวคิดอะไรวนไปมาเกินกว่าเหตุ ทั้งหมดก็เป็นเรื่องสัปดนที่เคยคุยกับขุนน้ำ เพียงประเดี๋ยวเดียว ผมก็เกิดอาการงุ่นง่าน ผมก้าวยาวๆ ไปยังห้องอาบน้ำ ในขณะที่เปิดประตูเข้าไป และถอดกางเกงขาสั้นออก น้องชายผมก็ตั้งฉากกับพื้น และผมยังไม่ทันได้สัมผัสความร้อนที่กำลังเต้นเร่าๆ อยู่ข้างใน หูผมก็ได้ยินเสียงประหลาด มันเป็นเสียงครางต่ำๆ พร้อมเสียงจุ๊บจั๊บคล้ายมีคนกำลังแอบกินไอศกรีมโคนอย่างสุขสม แน่แล้ว คืนนี้มีคนแอบมาขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด และเสียงนั้นทำให้หัวใจผมแทบระเบิด!!! หลังจากพี่โจขอตัวกลับคณะฯ ผมก็ไปตามนัดของกีกี้กับจักจั่น สองสาวเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมและสอบได้ที่นี่เหมือนกัน กีกี้เป็นสาวหวานมาก ส่วนจักจั่นนิสัยคล้ายลูกสาวกำนัน เรามีแผนปรึกษาเรื่องการจัดกิจกรรมร่วมกับเด็กนักเรียนชั้นประถมเมื่อเราไปออกค่ายรับน้อง ระหว่างที่คุยกันอย่างออกรส หูผมก็ได้ยินเสียงทุ้มห้าวของใครบางคนแดกดันว่า “แรด!” เมื่อทิวามาถึงโต๊ะที่ผมกับสองสาวนั่งอยู่ บรรยากาศตึงเครียดก็โอบคลุมเราทุกคน “คุณชายขุนอย่าเฉยสิ บอสใหญ่อยู่ข้างหลังแกแล้ว” กีกี้ว่าพร้อมคว้าสมุดเล่มบางมาพันเป็นกระบองและทำท่าจะตีผม “ไปเดินเล่นที่สวนข้างหลังมหา’ลัยกัน” ไอ้ทิชวนผมง่ายๆ แบบนั้น ราวกับไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน บ้าแล้ว ผมไม่ได้สมองเสื่อมนะ ยังเคืองอยู่ และเคืองมากเสียด้วย ตอนนี้เลยเห็นคนตัวโตเป็นอากาศธาตุ “ปะ ไปเดินเล่นกัน อากาศกำลังดี” มันชวนอีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มน่าฟังมาก ไม่มีวี่แววจิกกัดสักนิด “เดินเล่นอะไร” ผมยั้งปากตัวเองไม่ทันเลยถามกลับด้วยเสียง เขียวๆ ทั้งที่หัวใจพองฟูมาก เพราะทิวาเป็นฝ่ายมาขอคืนดีก่อน คุกเข่าสิโว้ย เอาแหวนออกมาด้วย จากนั้นก็พูดหวานๆ กับกูว่า “Will you marry with me?” ผมหลับตาพริ้ม สนุกกับความคิดพิลึกของตนเอง กระทั่งทิวากระแอมไอเตือนสติ ผมเลยทำเป็นหงุดหงิดใส่ พร้อมกัดฟันเสียงดังกรอดๆ เพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งอยู่เงยหน้ามองทิวาแป๊บหนึ่ง เหมือนจะถามกันว่าแล้วชะนีสองตัวไม่เกี่ยวใช่ไหม ผู้ชายจะง้อกัน พวกฉันจะ ได้ใส่เกียร์หมาถอย “ก็เดินที่สวนไง มีไอศกรีมโบราณกินด้วยเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” มันบอกและยิ้มกว้าง แม้จะดูคล้ายฝืนทำ แต่ผมยอมรับว่าน่ารักมาก ถึงในใจนั้นลิงโลดแต่ผมก็เก๊กหน้าเครียดจัดเพื่อให้สมจริง ก่อนตอบกลับ “กูคุยงานอยู่ มึงกรุณาแหกตาดูหน่อย” คิ้วหนาๆ ของทิวาเลิกสูง ดวงตาคมเรียวมองกีกี้กับจักจั่นอย่างขอความคิดเห็น ไม่ใช่สิ กำลังใช้สายตาขับไล่เพื่อนทั้งสองคนมากกว่า “ขุนไปเถอะ งานนี้เอาไว้คุยวันหลังก็ได้ ยังไงก็ไม่มีใครอยากทำหรอก ขี้คร้านพอไปถึงแล้วเจองานหนักๆ ทุกคนก็หมดแรงแล้ว” จักจั่นว่าพร้อมทำมือไล่ผมไปให้พ้นๆ เธอคงสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากทิวา “อ้าว ตะกี้ยังบอกจะวางแผนให้เสร็จไง” ผมท้วงสาวๆ ทั้งสองคน “อย่าร่ำไร” จากคำพูดออดอ้อน และเสียงทุ้มน่าฟังกลายเป็นเสียงดุเข้มแบบออกคำสั่ง ผมหันมองทิวาอีกแวบหนึ่ง บอกตามตรงใจเต้นแรงมาก มันวางสีหน้าขรึมก็จริง แต่มองแล้วเหมือนกำลังอ่อยผม พอสำรวจมันอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมก็ตายสงบศพสีชมพูอยู่ตรงนั้น ทิวาใส่ชุดได้ยั่วยวนความหื่นของผม กางเกงขาสั้นอวดช่วงขายาวกำยำ เสื้อยืดก็ไม่รู้จักใส่ตัวมันที่ใหญ่กว่านี้ นอกจากเป็นแขนกุด ยังรัด ลำตัวจนดูเหมือนพวกซูเปอร์ฮีโร่ “เอางี้ พวกเราไม่ทำแล้วเว้ย เดี๋ยวมีผู้ชายพาไปเที่ยว” จู่ๆ สองสาวพยักหน้าพร้อมกันราวนัดหมายไว้ และรีบเก็บข้าวของอย่างไว “เป็นแผนพวกเธอใช่ไหม ได้...เดี๋ยวเราเอาคืนแน่” ผมเอ่ยจบก็ถอนหายใจแรงๆ หลายเฮือกให้เพื่อนผู้หญิงทั้งสองคน เมื่อสองสาวผุดลุกจากม้านั่งไป ผมจึงลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าทิวาและชี้มาที่ชุดของตัวเอง ผมยังใส่ชุดนักศึกษาเสียเต็มยศ ส่วนทิวาอยู่ในชุดสุดหวิว ซึ่งกำลังเรียกเลือดกำเดาของผมให้ไหลจนหมดตัว! “มึงน่ารักแล้ว ใส่ชุดอะไรเดินเล่นก็ได้” ผมไม่ได้หูฝาดแน่ๆ นี่ทิวามันหยอดคำหวานเป็นกับเขาด้วย เชี่ยเอ๊ย...พูดแบบนี้ ใจกูบางไปหมดแล้ว!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม