ย่างเข้ายามซื่อสองเค่อแล้วแต่หานฮูหยินกลับยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง บ่าวต้นห้องชะเง้อชะแง้มองหลายครั้งหลายคราแต่พอเห็นแววตาของบ่าวขั้นหนึ่งอย่างเสี่ยวถงทุกคนก็รีบเก็บสายตากลับ ควรทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น ส่วนผู้ถือถาดเสื้อผ้าเครื่องประดับก็กลับไปรอปรนนิบัติอยู่ห้องข้าง กระทั่งล่วงเข้ายามอู่จึงได้ยินเสียงคนบนเตียงเคลื่อนไหว เสี่ยวถงจึงรีบร้อนมารั้งผ้าม่านขึ้นแต่สีหน้าแววตานั้นดูจะสดใสกว่าวันวานมากนัก อาจเป็นเพราะก่อนที่นายท่านจะออกไปได้สั่งกำชับว่าพวกนางต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินให้ดี ดูท่าทางแล้วนายท่านก็ไม่ได้ไร้ใจต่อคุณหนูสิบห้าของตนเสียทีเดียว พอลืมตาขึ้นเห็นแสงสว่างด้านนอกแจ่มชัดเช่นนั้น เจียงซูหลันก็รีบถาม “ยามใดแล้ว” ค่ำคืนที่ผ่านมามิใช่หานไป่จิ้งผู้นั้นมีคำสั่งให้นางไปคารวะน้ำชายามเช้าลี่อี๋เหนียงที่เรือนรู่เยว่หรอกหรือ สายจนป่านนี้ไม่รู้ว่าจะโดนโทษทัณฑ์ใดบ้าง เห็นคุณหนูมีท่าทีรีบร้