“นานะพี่มีเรื่องจะคุยด้วย กินข้าวเสร็จไปคุยกันได้ไหม” ฉันวางช้อนลงทันที ก่อนจะลุกขึ้นเดินเอาจานไปเก็บ ทุกคนมองตามฉันแม้กระทั่งพี่ดัชซ์เอง
ก็เช่นกัน
จนพี่บาสเขาวางจานลงแล้วเดินมาคว้าแขนหมับ!
“เดี๋ยวนานะ พี่ขอโทษ”
ฉันสะบัดมือเขาสุดแรง ก่อนที่จะหันไปมองหน้าเขาด้วยอารมณ์โกรธจัด
“ที่พี่เข้าหานานะ เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย?”
“...”
“ที่มาทำเป็นดี คอยช่วยเหลือเพราะเรื่องแค่นี้ใช่มั้ย?” พี่บาสหันไปมองทุกคนแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนเขาจะคว้าข้อมือฉันอีกครั้งแล้วกระตุกเข้าไปหา
“ออกไปคุยกับพี่ข้างนอก”
ฉันสะบัดมืออีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมเดินนำออกมาคุยหน้าโกดัง ตอนนี้ฉันได้เห็นรอบ ๆ โกดังแล้ว โกดังถูกถมดินยกพื้นขึ้นมา และข้างล่างมันเป็นทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น
มันโล่งสบายตาไปหมด จนฉันหันมาเห็นคนข้าง ๆ เท่านั้นแหละก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปทันที
“พี่อธิบายได้”
“อธิบายอะไร? พี่เป็นคนโปะยาสลบนานะกับมือแล้วส่งนานะให้พี่ดัชซ์ ทำไมต้องเอาความรู้สึกนานะมาล้อเล่นด้วย!”
“ตอนแรกพี่เข้าหานานะเพราะเรื่องนี้จริง ๆ แต่หลังจากนั้นมันไม่ใช่ พี่รู้สึกดีกับเรานะ และพี่เองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่พี่จำเป็น”
“จำเป็น?”
“ใช่ พี่สาวนานะยังไม่ตายนะ” อีกแล้ว ฉันเบื่อจะฟังเรื่องนี้เป็นบ้า นี่ฉันกำลังโดนคนพวกนี้รวมหัวกันหลอกอยู่รึเปล่าวะ พี่แนนตายไป! แล้วฉันนี่แหละเป็นคนเก็บกระดูก ตอนนี้อัฐิก็อยู่ที่อุบล ปีก่อน ๆ ยังเข้าฝันให้หวยป้าข้างบ้านอยู่เลย
ถ้าศพไม่ใช่พี่แนนจะเป็นใคร ดีเอ็นเอก็ใช่ซะขนาดนั้น
“พี่กับพี่ดัชซ์กำลังเล่นอะไรกันวะ ปั่นหัวนานะแก้แค้นที่ติดคุกหัวโตเหรอ? ถ้าพี่แนนไม่ตายแล้วอยู่ไหน? บอกมาสิ! นานะจะไปให้เห็นกับตา”
ฉันว่าแล้วตั้งท่าเดินหนีเขา แต่พี่บาสคว้าแขนไว้ก่อน
“ไม่ได้ มันอันตราย”
“นั่นพี่สาวนานะ! อันตรายตรงไหน? พวกพี่ต่างหากที่อันตราย”
“ใช่ไง ตอนนี้แนนกำลังหาตัวนานะอยู่ เมื่อวานก็ไปดักรอนานะที่คอนโด ทุกอย่างอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด คนดีอาจจะไม่ดีก็ได้” ดักรอที่คอนโด?
งั้นฉันควรกลับคอนโดเพื่อรู้ความจริงสินะ
“งั้นนานะจะกลับคอนโดตอนนี้ล่ะ”
“นานะ อย่า!”
ฉันสะบัดมือพี่บาสสุดแรงก่อนจะเดินมุ่งลงไปข้างล่าง แต่เมื่อเท้าเหยียบหญ้าเท่านั้นแหละ! วินาศสันตะโรก็มาเยือน เท้าฉันหลุบหายไปทันที
‘ตู้ม...’
กรี๊ด... อีดอกจิก! ที่เห็นเขียว ๆ มันคือบึงจอกแหนเว้ย! และตอนนี้ฉันกำลังจะจมน้ำ พยายามยกมือตบน้ำตีขาพัลวันเพื่อดันตัวตัวเองขึ้น
“แค่ก ๆ ช่วยด้วย!” ฉันโผล่หน้าขึ้นมาขอความช่วยเหลือ ทั้งหัวทั้งหน้าเต็มไปด้วยจอกแหน แม่งเอ๊ย! กำลังจะสะบัดบ๊อบสวย ๆ แต่ทำไมกูโง่ได้เพียงนี้
มันจะมีน้องเหี้ยมางับนมฉันไหมเนี่ย
อ้าว แล้วทำไมไม่ช่วยฉันสักทีพวกผู้ชายโง่!
“แค่ก ๆ ช่วยด้วย!” พี่บาสกำลังจะก้าวลงมาช่วย แต่พี่ดัชซ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากโกดังจับไหล่เขาไว้ อิพี่ดัชซ์บ้าเขาอยากให้ฉันตายรึไง
“แค่ก ๆ พี่ดัชซ์! ช่วยด้วย!” พี่ ๆ ล่ำบึกกลั้นขำกับท่าทางของฉันที่ทั้งสำลักพ่นแหนออกมาจากปาก และตีน้ำฟุ้ง จนพี่ดัชซ์เขานั่งยอง ๆ ลงมองมาอย่างใจเย็น และจากนั้นส่ายหัวเอือมระอา
“ยืนขึ้นนานะ” ยืน?
และเมื่อฉันลองวางเท้าที่ตีน้ำลงเท่านั้นแหละ พี่ ๆ ล่ำบึกก็ขำก๊ากออกมาทันที อ้าว... น้ำแค่ช่วงเอวเอง ฉันปล่อยไก่เหรอเนี่ย
“ขึ้นมาแล้วไปอาบน้ำซะ อยากไปคอนโดมากใช่มั้ยฉันจะพาไป” พี่บาสหันขวับมองพี่ดัชซ์ แต่เขาไม่มีคำอธิบายใด ๆ เดินกลับเข้าไปในโกดังด้วยสีหน้าเรียบเฉย คนอื่น ๆ จึงกรูมาช่วยพยุงฉันขึ้นจากน้ำ ก่อนที่ฉันจะรีบเข้าไปอาบน้ำ
สระผม เตรียมพร้อมกลับคอนโดอย่างอารมณ์ดี
แต่พอกำลังจะก้าวขาลงบันไดเหล็กรอยยิ้มฉันก็หุบลง เพราะฉันได้ยินเสียงพี่บาสกับพี่ดัชซ์คุยกันข้างล่าง
‘มึงจะพานานะกลับคอนโดทำไม รู้ว่าอันตราย’ เสียงพี่บาส
‘นานะอยากเห็นแนน กูจะพาไปให้เห็นกับตา เด็กบ้านั่นดื้อฉิบหาย ถ้าไม่เห็นจะ ๆ ก็คิดจะหนีอยู่นั่นแหละ’
เด็กบ้างั้นเหรอ? พี่ดัชซ์นั่นแหละที่บ้า
‘ไปตอนนี้แนนอาจจะกลับไปแล้วก็ได้’
‘เดี๋ยวกูไปค้างที่คอนโดสามวันสามคืน มันต้องมีสักวันที่แนนโผล่หัวมา’
ฉันมองลอดช่องบันได เห็นว่าพี่บาสหน้าถอดสีไปเลย และเขาก็
ถามขึ้นมา
‘กูขอถามหน่อย เมื่อคืนมึงแค่เฝ้าไม่ให้น้องหนี ไม่ได้ล่วงเกินน้องใช่มั้ย?’
‘ไม่ กูไม่ได้ทำอะไร’
‘แล้วมึงชอบน้องมั้ย? ถ้ามึงไม่ชอบนานะ อย่าล่วงเกินน้อง อย่าให้ความหวังน้องนะเว้ย’
บอกตัวเองดีกว่ามั้ยไอ้เบื๊อก ฉันนึกเคืองพี่บาสในใจก็จริง แต่หัวใจฉันมันกลับไม่รักดี อยู่ ๆ ก็เต้นแรงขึ้นลุ้นกับคำตอบจนได้ เพราะเมื่อก่อนนี่คือสิ่งที่ฉันอยากรู้ จริงอยู่ที่อะไร ๆ ไม่เหมือนเดิม แต่เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เป็นคน ๆ เดียวที่ฉันยากจะหักห้ามใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหนฉันก็หลงรักเขา แม้จะผิดต่อพี่สาว
ตัวเองก็ตาม
จนพี่ดัชซ์ตบไหล่พี่บาสแล้วบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
‘กูไม่เคยชอบนานะ กูถึงรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ฉะนั้นมึงไว้ใจได้’
ไม่เคยชอบ... ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ยอีนานะ เขารักแต่พี่แนน อะไรก็พี่แนน ๆ และที่ทำแบบนี้ ไม่แน่เขาอาจจะทำเพราะพี่แนนก็ได้ เขาไม่ได้เป็นห่วงแกหรอก
อือ... ไม่รู้จะพูดอะไรเลย อยู่ ๆ ขาก็อ่อนปวกเปียกจนฉันทรุดนั่งลงที่บันได เถียงกับความรู้สึกที่ไม่รู้มาจากไหน มันก็ดีแล้วที่เขาไม่ชอบ เพราะตอนนี้อะไร ๆ มันก็ไม่เหมือนเดิม ฉันเองก็เกลียดเขาแล้ว ส่วนเขาเองก็ไม่เคยรัก ฉะนั้นความรู้สึกที่คั่งค้างมันควรจบ
‘กูเห็นนานะเป็นน้องคนนึงเท่านั้น’
พอได้ยินประโยคยืนยันนั้นฉันก็จับราวบันไดลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะ
ปาดน้ำตาออกด้วยหลังมือสีหน้าเรียบนิ่ง และเดินลงไป
“ไปกันได้รึยัง” สองคนนั้นหันขวับมามองฉัน
“อืม ไอ้บาสกูฝากดูที่นี่ด้วย”
“ได้ ระวังตัวล่ะ”
“อืม” ฉันมองหน้าบี่บาสแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินตามหลังพี่ดัชซ์ออกไปขึ้นรถ ระหว่างทางฉันไม่คุยกับเขาสักคำ และเขาเองก็ไม่พูดอะไรกับฉัน
จนเราเข้ามาในตัวเมืองรถเริ่มติด จอดแช่อยู่กับไฟแดงเกือบร้อยวิเขา
ก็ถามขึ้นมา
“เป็นอะไร?”
“เปล่า”
“เห็นอยู่ว่าเป็น พวกผู้หญิงแม่งเอาใจยากฉิบ” ฉันหันขวับไปมองพี่ดัชซ์
ตาเขียว
“ทำไม? เคยเอาใจด้วยเหรอถึงพูดแบบนี้”
“เป็นไรทำไมต้องขึ้นเสียง?” เขาถามกลับมาเรียบ ๆ และขมวดคิ้วชนกัน
“เปล่า จริง ๆ พี่ปล่อยให้ฉันอยู่คอนโดคนเดียวก็ได้ ถ้าเจอพี่แนนจริง ๆ
พี่แนนไม่ทำอะไรฉันหรอก”
“ดื้อเกินไปแล้วนะ บอกอะไรรู้จักฟังบ้างสิ!” เขาตวาดฉันกลับ แต่ฉันกลัวที่ไหน มันน้อยใจนะเว้ยไอ้พี่ดัชซ์บ้า
“ถามตรง ๆ ที่ทำแบบนี้พี่ยังรักพี่แนนอยู่รึเปล่า? ตัวเองก็อยากเจอ
อยากคืนดีใช่มั้ย?” ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจถามออกไปอย่างประชดประชัน แต่พี่ดัชซ์ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วลอบถอนหายใจออกมาทันที
“ไม่ล่ะ ได้ยินชื่อก็จะอ้วก”
“ไม่เชื่อ”
“ถ้าไม่เชื่อก็อย่าถาม อยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ ไม่เป็นรึไง” แน่นอนว่าฉันกอดอก
เบ้ปากใส่ และไม่พูดอะไรกับเขาจนถึงคอนโด แต่หลังจากถอยรถเข้าซองเขากลับไม่ยอมลงจากรถ อยู่ ๆ สายตาคมก็กวาดมองรอบ ๆ อย่างพินิจก่อนจะหยุดมองไปที่รถคันนึงที่จอดอยู่ไม่ไกลจากรถเรา
“เห็นรถอัลฟาร์ดสีดำคันนั้นมั้ย?”
“อืม” ฉันตอบในลำคออย่างไม่ใส่ใจ และตั้งท่าจะลงจากรถ แต่ทว่าพี่ดัชซ์พูดบางอย่างขึ้นมาก่อน
“นั่นรถพี่สาวเธอ” ฉันชะงักและหันขวับไปมองทันที รถคันนั้นกำลังจอดอยู่และตอนนี้ฉันเห็นผู้ชายชุดดำลงจากรถสามคน เดินชะเง้อป้องมือที่หน้าผากมองขึ้นไปบนตึกหาอะไรก็ไม่รู้
“ผะ ผู้ชายพวกนั้นเป็นใคร?”
“คนของพี่สาวเธอ พี่สาวเธอเป็นเมียน้อยนักการเมือง มีอิทธิพลล้นมือ” ฉันมองพี่ดัชซ์อึ้ง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเล่น เอาแต่มองตรงไปที่รถคันนั้นด้วยสายตานิ่งลึก ใจฉันก็ไหวตามกับเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
น้ำตาพาลเอ่อออกมา มือไม้เริ่มสั่นจนไม่สามารถควบคุมได้
“มะ ไม่จริง พี่แนนไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วไหนล่ะ ที่พี่บอกว่าพี่แนนยังไม่ตายฉันไม่เห็นจะเจอเลย” ฉันยังพยายามหาหลักฐานจากเขา
“คงไม่ลงจากรถง่าย ๆ ถ้าไม่เจอเธอ”
“งั้นฉันจะลงไป” พี่ดัชซ์คว้าแขนฉันไว้ทันที
“ตอนนี้ไม่ได้ต้องวันหลัง รอจนกว่าพวกมันจะไป เราค่อยขึ้นห้องปรึกษากันอีกที” ฉันเชื่อเขาหันกลับมานั่งสังเกตการณ์รถอัลฟาร์ดคันนั้นเหมือนเดิม
จนสักพักใหญ่พวกชายชุดดำกลับขึ้นรถและขับออกไป เราสองคนถึงรีบขึ้นห้องกัน
ฉันแตะคีย์การ์ดที่พี่ดัชซ์ให้มือสั่น ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวตัวเองทันทีเมื่อประตูเปิดออก เพราะรูปหน้าศพพี่แนนอยู่ในห้องนี้ ฉันอยากคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะเดินเข้าหาความจริงในไม่กี่วันข้างหน้า
ถ้าพี่แนนยังไม่ตาย... ยายคงจะดีใจมาก ฉันอยากให้พี่แนนกลับไปหายายสักครั้งเป็นกำลังใจให้ท่านมีชีวิตต่อ