นานะ | อยากโดนยกซด

1764 คำ
5 ปีที่แล้ว หลังจากที่จัดพิธีฌาปนกิจศพพี่แนน ไม่กี่วันยายฉันก็ทรุดหนัก “ยายไม่กินข้าวหน่อยเหรอ?” ฉันตักข้าวราดด้วยแกงเดินไปนั่งพับเพียบข้างยาย ที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดเข่ามองเหม่อออกไปที่หน้าต่าง ยายนั่งแบบนี้เกือบทุกวัน บางวันก็ร้องไห้ฟูมฟาย บางวันก็พูดคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง “ไม่... ยายกินไม่ลง” “ยายกินหน่อยนะ พี่แนนหลับสบายแล้ว ถ้ายายไม่กินจะป่วยเอานะ” ฉันว่าพลางตักข้าวเตรียมป้อน แต่ยายเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางไม่ยอมกิน “ยายไม่มีเงินส่งแกเรียนหรอกนะนานะ แนนไม่อยู่อะไรก็แย่ไปหมด” ฉันวางจานลงแล้วถอนหายใจ ก่อนหน้านี้ยายไม่ให้ฉันเรียนต่อ แต่ฉันก็ยังดื้อดึงที่จะเรียนจนสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพได้ “ยายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น นานะจะหาเงินเรียนและส่งเงินให้ยายเอง” ยายหันมามองฉันทั้งน้ำตา “ทำไม่ได้หรอก เราไม่เหมือนแนน พี่เราทั้งเก่งทั้งขยัน คนที่ถูกเลี้ยงแบบสุขสบายอย่างเราจะหางานที่ไหนทำได้ ไหนจะเรียนอีก หยุดฝันลม ๆ แล้ง ๆ เถอะนานะ ฮึกฮือ...” ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่ได้ยินแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ฝืนเอื้อมไปจับไหล่ที่สั่นเทาของยายเพื่อปลอบท่าน “ยาย... นานะจะทำให้ได้ ยายไม่ต้องห่วงนะ ยายจะสุขสบายเหมือนตอนพี่แนนยังอยู่ ค่ายานานะจะหาให้เอง” “ฮือ ๆ ทำไมแนนต้องตายยายคิดถึงแนน” หลังจากนั้นยายก็ร้องไห้ ฟูมฟาย ข้าวไม่กินไม่หลับไม่นอนจนทรุดเข้าโรงพยาบาลอีกรอบด้วยโรคเนื้อร้ายที่ท่านเป็นอยู่ ฉันลำบากใจที่จะจากท่านมา แต่ทว่า... ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้คงไม่มีเงินมาจ่ายค่ายามะเร็งของยาย ฉันจึงฝากให้ญาติดูแลยายและเข้ากรุงเทพ ใช้เงินเก็บจากที่พี่แนนให้มาเช่าอาพาร์ทเม้นท์อยู่ก่อนมหาลัยเปิด ก่อนจะออกหางานทำเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ เป็นคนส่งของตามสำนักงาน และสุดท้ายได้ถูกทาบทามมาทำงาน N ระดับไฮคลาสบริการแค่นักธุรกิจและนักการเมืองกระเป๋าหนา การเอาตัวรอดจากพวกมือปลาหมึกเป็นอะไรที่ฉันเหนื่อยใจที่สุด แต่งานคืองาน และที่สำคัญพอฉันทำได้ฉันก็มีเงินซื้อยาจ่ายค่าหมอให้ยายอยู่กับฉันนานขึ้น ถึงแม้ว่าฉันกลับไปยายจะไม่เคยคิดถึงเลยก็ตาม ฉันรู้... คนที่จะเยียวยายายได้คือพี่แนนเท่านั้น พี่แนนคือคนสำคัญของยาย และอีกหลาย ๆ คน ‘ปัง’ ‘เคร้ง’ ปืนเก็บเสียงที่ดังข้างหู ๆ ทำให้ฉันสติหลุดรีบนั่งลงปิดหูทันที ก่อนที่จะหันไปมองคนเหนี่ยวไกลข้างหลังทั้งตกใจทั้งน้ำตาคลอ พี่ดัชซ์ยิงรูปพี่แนนเข้ากลางหน้าผากและตอนนี้รูปก็หล่นแตกที่พื้นไปแล้ว เขาเป็นบ้าไปรึไง! นี่มันคอนโดที่ฉันแชร์กับเพื่อนนะ ถ้านิติได้ยินเข้าจะไม่เฉ่ง เอาเหรอ “พี่ทำแบบนี้ทำไม?” “ถ้าเจอหน้าพี่สาวเธอ ฉันอาจจะทำมากกว่านี้” ฉันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบรูปถ่ายหน้าศพขึ้นมา โชคดีที่กระจกไม่แตกมากฉันจึงนำไปวางที่โต๊ะกลางห้องแทน จนพี่ดัชซ์เขาเดินตามและนั่งลงที่โซฟา สายตาคมจ้องมองรูปถ่ายด้วยอารมณ์ที่ฉันไม่แน่ใจ เขาดูโกรธและเศร้าในคราวเดียวกัน มองรูปพี่แนนด้วยสายตานิ่งเรียบอยู่เนิ่นนาน จนฉันเก็บกระจกที่แตกเสร็จเขาก็ยังมองอยู่ “พี่จะกินข้าวไหม?” ฉันเห็นแล้วหงุดหงิดจึงตัดสินใจถามไป จะมองทำไมนักหนาวะ “ไม่ละ เธอกินเถอะ เมื่อเช้ากินน้อยไม่ใช่เหรอ?” บอกฉันแต่ตายังไม่ละจากรูปพี่แนน ทำเป็นเกลียด ทำเป็นโมโห แต่สุดท้ายก็รักพี่สาวฉันใช่มั้ย ฉันเลี่ยงเดินไปในครัวเปิดตู้หยิบซีเรียลออกมาเทใส่ถ้วยแล้วหยิบนม เย็น ๆ ราดลงไป ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งมองพี่ดัชซ์และตักมันเข้าปากไปด้วย เขาบอกเจอพี่แนนจะทำมากกว่านี้ เหอะ! ฉันว่าคงไม่ใช่ เขาอาจจะวิ่งไปกอดแล้วฟูมฟายคิดถึงมากกว่า นึกแล้วหงุดหงิด เป็นอะไรวะเนี่ย ขนาดเมื่อก่อนฉันหลงรักเขาแทบตาย ฉันยังไม่เป็นแบบนี้เลย “ฉันจะลงไปธุระ เธอห้ามไปไหนจนกว่าฉันจะมา” ฉันพยักหน้าตอบ แล้วมองตามหลังคนตัวโตที่ลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกไป และเมื่อพี่ดัชซ์ปิดประตูห้องเท่านั้นแหละ ฉันก็รีบใช้โอกาสนี้เดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือตัวเองบนโต๊ะโทรหาญาติทันที เพราะปกติฉันคุยกับยายทุกวัน ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง โทรออก | ป้านิด (นานะทำไมเมื่อวานไม่โทรมา ป้าโทรหาก็ไม่ติด) “เมื่อวานมีเรื่องยุ่งนิดหน่อยค่ะ ยายเป็นยังไงบ้างคะ ถามหานานะ บ้างมั้ย?” (ไม่ได้ถามหานานะ แต่ยังเพ้อถึงแนนตลอดเลย ตอนนี้หมอบอกว่ายายอยู่ได้ไม่เกินสามเดือนแล้วนะเพราะสภาพจิตใจแย่ลงทุกวัน เฮ้อ... ป้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไง คุยด้วยทุกเช้าเย็นแต่ก็เอาแต่เพ้อหาแนน) สะ สามเดือน สามเดือนเองเหรอ? มือที่ถือโทรศัพท์แนบหูเริ่มสั่น “เรามีวิธีอื่นไหมคะป้านิด ยาอะไรก็ได้หรือรักษาแบบไหนนานะจ่าย ได้หมด” (หมอบอกว่ายาที่ดีคือกำลังใจ ตอนนี้ยายเราไม่สู้แล้ว ละเมออยากตายตามแนนไปด้วยซ้ำ กลับมาดูใจแกหน่อยก็ดีนะนานะ เดือนนี้ยังไม่มาเลย ไม่ใช่เหรอ) ฉันยกมือปิดปากทันที อยากจะร้องไห้แทบบ้าแต่ก็ต้องฝืนตัวเองไว้เพราะไม่ให้ยายได้ยิน “งะ งั้นขอคุยกับยายหน่อยค่ะ” (ได้จ้ะ) แล้วป้านิดก็เงียบไป ก่อนฉันจะได้ยินเสียงยายพูดขึ้นมาเสียง แหบสั่น (ไม่... ต้องมา ยายจะไปอยู่กับแนนแล้ว) “ไม่ได้นะคะยาย ยายยังมีหนูอีกคนนะ หนูจะกลับไปอยู่กับยายเอง” (ไม่ ยายไม่อยากอยู่แล้ว ยะ อยากไปกับแนน) “ยาย” (อยาก ไป กับแนน...) “ยาย ยายต้องสู้นะ ฮึก ๆ ยายอยู่กับนานะเถอะ” (จะไป... กับแนน) หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินแต่ประโยคเดิม ยายพูดมันซ้ำ ๆ โดยที่ไม่ฟังฉันเลย จนฉันแม่งจะไม่ไหวแล้ว ฉันก็หลาน ฉันก็รัก การมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเป็นที่เพิ่งทางใจให้ฉันมันยากนักรึไง นี่ก็ห้าปีแล้วนะทำไมต้องอาลัยพี่แนนขนาดนั้น ฉันเป็นคนวางสายเอง ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟามองรูปถ่ายที่มีรอยกระสุนกลางหน้าผาก พี่แนนสวมชุดพยาบาลยิ้มสดใส มองเผิน ๆ เหมือนกำลังมองหน้าฉันอยู่เลย เหอะ ขอโทษนะพี่ ฉันอิจฉาพี่ว่ะ ห้าปีที่แล้วฉันอิจฉาที่พี่ได้ทำงานดี มีแฟนดี เก่งทุกอย่าง ตอนนี้ฉันก็อิจฉาพี่ที่ตายไปแล้วก็มีแต่คนต้องการ หรือฉันควรตายเหมือนพี่วะ คนอื่น ๆ จะได้เห็นหัวอีนานะคนนี้บ้าง ‘แกร๊ก’ ฉันปาดน้ำตาทันทีเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกและเป็นพี่ดัชซ์ที่ถือถุงจากร้านสะดวกซื้อเข้ามา เขามองฉันเล็กน้อยก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา แล้วหยิบกระป๋องเบียร์ออกมายื่นให้ “กินซะ” ฉันเบือนหน้าไปทางอื่น “ไม่ พี่กินเถอะ” เขาไม่สนใจคำปฏิเสธฉัน กลับเปิดเบียร์ให้แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้ารูปถ่ายพี่แนน แต่คราวนี้พอเห็นหน้าพี่แนนอีกครั้งมันทำให้ฉันกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก จนหลังจากที่พี่ดัชซ์ยกเบียร์ไปอึกใหญ่เขาถามขึ้น “เป็นอะไร?” “เปล่า” ฉันปฏิเสธทันที ก่อนความเครียดที่วิ่งวนอยู่ในหัวจะทำให้ฉันตัดสินใจหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มบ้าง “เห็นอยู่ว่าร้องไห้” “ตาพี่ดีเกินไปแล้ว” “ร้องเพราะมองรูปนี้ใช่มั้ย?” ฉันอ้ำอึ้ง แต่ทว่าคนนั่งข้างไม่รอคำตอบ เขายกเท้าถีบรูปพี่แนนล้มตึงทันที ‘ปึก’ “พี่ทำอะไรอ่ะ นั่นตีนเลยนะ” “ใช่ตีน แล้วมันก็เหมาะกับพี่สาวเธอดี” ฉันเบิกตากว้างมองหน้าพี่ดัชซ์ด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะนั่งยกเบียร์ดื่มต่อและหยิบรีโมทเปิดทีวีดูอย่างสบายใจเฉิบ เราอยู่ในความเงียบกัน และขณะนั้นสายตาก็มองไปที่จอทีวีแอลอีดีที่ฉายหนังเรื่องนึงอยู่ จนฉันรู้สึกเพลิน ดื่มเบียร์หมดกระป๋องแล้วกระป๋องเล่าพี่ดัชซ์เขาก็เปิดให้ใหม่โดยไม่ถาม พอหมดพี่เขาก็ไปซื้ออีกสิบกระป๋อง ให้ตายขนาดทำงาน N กับลูกค้าฉันยังไม่ดื่มขนาดนี้เลย ตอนนี้ฉันรู้สึกเมาแล้วจริง ๆ หนักหัวเป็นบ้า “ทำงาน N แต่คออ่อน” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับสร้างความอยากเอาชนะให้กับฉัน “อ่อนตรงไหน เอามานี่จะกินให้ดู” ว่าแล้วฉันก็แย่งเบียร์ในมือพี่ดัชซ์มาทันที ก่อนที่จะกระดกพรวด ๆ จนเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก นี่เป็นการดื่มเบียร์ครั้งแรกที่ฉันกรอกใส่ปากอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่ามันเมาฉิบหายเลยค่ะ “พอแล้ว” เขาดึงกระป๋องเบียร์กลับแล้วดื่มเองบ้าง ส่วนฉันยกหลังมือเช็ดปากมองหน้าเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ดูตรงขอบกระป๋องที่พี่ดัชซ์ยกดื่มสิ ตรงนั้นเราจูบกันทางอ้อมเลยนะ เรื่องอกุศลที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้แก้มฉันร้อนผะผ่าวขึ้นมาทันที ทำไมฉันอยากเป็นกระป๋องเบียร์ล่ะ อยากโดนยกซดบ้าง “พี่ดัชซ์...” ฉันเรียกเสียงเบาแล้วขยับไปใกล้ ๆ เขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม