หัวใจจะวาย อยู่ ๆ พี่ดัชซ์ก็ลุกขึ้นและจับขาฉันกางออกจากกันอย่างรวดเร็ว แถมเขายังโน้มลงมาทั้งที่มือยังกดขาฉัน ริมฝีปากและจมูกอยู่ห่างหน้าเพียงแค่คืบ
“ปะ ปล่อยนะพี่ดัชซ์”
“เธอก็แค่เด็กน้อย อย่ามาลองดีกับฉัน”
“ฉันก็แค่อยากออกไปจากที่นี่ พี่น่ะปล่อยได้แล้ว” เขายิ้มที่มุมปากก่อนจะปล่อยขาฉันและใช้ศอกค้ำเตียงแทน แต่ทว่ามันมีข้อเสีย เพราะตอนนี้ตัวพี่ดัชซ์ทาบทับบนตัวฉันแล้ว ไอ้ที่ว่าใกล้... ใกล้ขึ้นไปอีก ใกล้จนลมหายใจร้อน ๆ รดตามใบหน้าฉัน
“เธออยู่กับฉันเธอจะปลอดภัย” เขาพูดขึ้นมาเบา ๆ แต่เล่นเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ตรงหว่างขาฉันรู้ว่ามันคืออะไร มันกำลังเบียดเสียดแนบชิดกับของฉันอยู่จนรู้สึกได้
โอ๊ย... ทำงาน N มาเกือบห้าปี ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนขึ้นขี่ฉันแบบนี้เลยนะ
“แต่พี่เป็นคนฆ่าพี่แนน พี่ฆ่าพี่แนนแถมยังมัดศพถ่วงน้ำ ขนาดคนที่
พี่รักพี่ยัง...”
“หยุดพูดสักทีนานะ ฉันจะพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่ได้ฆ่า
ใครทั้งนั้น”
ฉันจมอยู่กับความเงียบมองหน้าพี่ดัชซ์ ตอนนี้ถึงจะใกล้กันมากแต่ฉันกลับไม่รู้สึกกลัวเขาเลย อะไรกัน... นี่ฉันเชื่อคำพูดที่พิสูจน์อะไรไม่ได้งั้นเหรอ?
แกเป็นบ้าไปแล้วรึไงนานะ
“งั้น พี่ละ ลงไปได้แล้ว ฉันหนัก” สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ดันตัวเขาออกไปเอง
“เธอกลัว?”
“เปล่า ฉันหนัก”
“ไม่อยากโดนเอาแล้วรึไง”
คนบ้ามาถามอะไรตอนนี้ ใครก็ได้ช่วยฉันที เอาเข้าจริงฉันสู้พี่ดัชซ์ไม่ได้เลย ใจเต้นแรงมากหน้าก็ร้อนเหมือนถูกเผา เมื่อก่อนนี่คือที่ที่ฉันอยากอยู่
แต่ตอนนี้มันอึดอัดใจเป็นบ้า ต่อให้เขาพูดยังไง คำว่าเขาอาจจะเป็นคนฆ่าพี่แนนก็ยังค้างอยู่ในหัวฉัน
“ฉันถาม... ว่าไม่อยากโดนเอารึไง”
“มะ ไม่ ไม่อยาก” ฉันตอบเสียงติดขัด แล้วเลือกเบี่ยงหน้าหลบไม่ให้เขาเห็นว่าฉันแก้มแดงแค่ไหน นี่แค่วันแรกนะ วันที่สองที่สามล่ะ
ตาย ๆ อีนานะ แผนเผินไม่ต้องคิดมันแล้ว ใจสั่นกับผู้ชายก่อนเลย
ภูมิต้านทานออกจะเยอะไม่เคยหวั่นไหวกับแขกสักคน แต่มาเจอรักแรกแค่นี้ไปไม่เป็นเลยนะ
“นึกว่าจะแน่” แล้วพี่ดัชซ์ก็หยัดลุกกลับไปนอนที่เดิม ก่อนจะดึงผ้าห่มอีกผืนห่ม เขาหลับไปอย่างรวดเร็ว มีแต่ฉันนี่แหละที่ใจยังเต้นโครมคราม เหลียวมองด้านข้างเขาอยู่บ่อยครั้ง
แล้วเมื่อเห็นว่าเขาหลับสนิท ฉันก็เผลอพลิกตะแคงหันไปมองเขาจนผล็อยหลับไป
‘แกร๊ก แกร๊ก’
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงไขโซ่ที่ข้อเท้า ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งมองคนตัวโตที่กำลังถอดโซ่ไปวางไว้บนพื้นตาปรือ ๆ
“ไปล้างหน้าแปรงฟัน จะได้ลงไปทำงาน” ฉันพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินมึนหัวไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันตามที่เขาสั่ง จากนั้นก็ออกมาเช็ดหน้าลวก ๆ และเดินตามเขาลงไป
ทุกคนกำลังทำงานของตัวเอง เมื่อฉันไปถึงก็หันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่พี่บาสไม่อยู่แล้ว เขาไปไหนนะ หรือว่าเขาไม่ได้ทำงานที่นี่ เป็นแค่คนที่ถูกจ้างพาตัวฉันมา
“มองหาใคร” พี่ดัชซ์ถามเสียงแข็ง เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ชะเง้อมองรอบ ๆ โกดัง ไม่สนใจเขา
“เอ่อพี่บาส... เขาไปไหนเหรอ?”
“ทำไมต้องถามหามัน ติดใจอะไรมัน?” อ้าว ถามไม่ได้เหรอวะ?
“เฮียบาสไปพบนายใหญ่ครับน้องนานะ” พี่ล่ำบึกหนึ่งในนั้นตอบแทน
จนพี่ดัชซ์เริ่มแนะนำให้ฉันรู้จักอย่างเป็นทางการทีละคน และฉันก็ไม่ทันได้สงสัยว่านายใหญ่อะไรนั่นเป็นใครมัวแต่จำชื่อ
พี่คนตัดสกินเฮดกล้ามโตลายสักมังกรชื่อ ‘บอล’
พี่คนที่ย้อมหัวแดงผิวคล้ำ ๆ ลายสักรูปพญานาคไทย ๆ ชื่อ ‘กัสโซ่’ และมีอีกหลาย ๆ คนที่ฉันจำเกือบไม่หมด แต่ทว่าทุกคนไม่ได้มองฉันด้วยสายตาโลมเลียเลย กลับพูดจาเป็นกันเองจนฉันไม่รู้สึกอึดอัด และสนิทใจขึ้น
จนมาถึงตอนทำกับข้าว ให้ตายนี่ฉันโดนจับมาทำไมเนี่ย... ฉันทำกับข้าวไม่เป็นเลย เงอะงะ ทำของหล่น จากที่โดนโยนงานมาให้ กลับกลายเป็นตัวเองเป็นลูกมือพี่บอลที่เป็นพ่อครัวประจำที่นี่แทน
“คั่วพริกแกงให้หอมแล้วใส่กะทิลงไปให้แตกมัน” ฉันมองตามแล้วกลืนน้ำลายดังอึก กลิ่นเขียวหวานตลบอบอวลทั่วโกดัง ครัวที่นี่เป็นครัวเปิด ระหว่างที่ทำอาหารเห็นหมดว่าทุกคนทำอะไรกันอยู่
คนอื่น ๆ กำลังเลื่อยไม้ ส่วนพี่ดัชซ์นั่งอยู่อีกมุมกับแมคบุ๊คของเขา เขาหันมามองฉันอยู่หลายครั้ง และบางครั้งก็นั่งขมวดคิ้วกับหน้าจอ จนฉันนึกสงสัย
“พี่บอลคะ”
“ครับ”
“พี่ดัชซ์เขาทำอะไรที่คอมนั่นคะ?” พี่บอลมองตามแล้วยิ้ม
“เฮียคงกำลังดูหุ้น” หุ้น?
“เขาเล่นหุ้นเหรอคะ? แล้วที่เลื่อยไม้กันทำอะไรเหรอ?” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ถามให้รู้ไปเลยจะได้จบ
“ใช่ เฮียรวยมาก มีเงินดิจิตอลในบัญชีก่อนติดคุกตอนนั้นค่าเงินไม่เท่าไหร่ แต่ตอนออกมาเหรียญนึงหลายล้าน เฮียมีร้านมีดให้เฮียบาสดูแลและรับงานจากนายใหญ่เป็นครั้งคราว ส่วนเลื่อยไม้งานของพวกพี่เอง พวกพี่อยากทำชิ้นส่วนฟอร์นิเจอร์ เฮียดัชซ์ก็ลงทุนให้มีอาชีพ”
ฉันอึ้งเหมือนกันนะที่รู้อะไรแบบนี้ เมื่อก่อนพี่ดัชซ์ก็น่ารักและดีกับฉันมาก ทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมฉันกับยายที่อุบลพี่ดัชซ์จะเป็นคนหิ้วขนมดัง ๆ ที่กรุงเทพมาให้กินตลอด
เมื่อก่อนเขาเป็นคนจิตใจดีจนฉันอิจฉาพี่แนน ยายฉันรักเขามาก พอรู้ข่าวว่าเขาเป็นคนฆ่าพี่แนน ยายกับฉันเลยใจสลายกันไปเลย
“น้องนานะมีอะไรจะถามอีกมั้ย?” พี่บอลดึงฉันออกมาจากภวังค์ จนฉันรีบสลัดเรื่องเก่าออกจากหัวหันปั้นยิ้มให้กับเขา และใช้โอกาสนี้ถามเรื่องที่สงสัยต่อ
“นายใหญ่คือใครเหรอคะ?” พี่บอลส่ายหน้าทันที
“พี่บอกไม่ได้ เขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่ช่วยเฮียออกมา และเฮียก็ช่วยพวกพี่ออกมาอีกที น้องนานะไว้ใจเฮียเถอะ เฮียพยายามมากที่จะพาน้องนานะมาอยู่ที่นี่”
พี่บอลพูดแบบนี้ แสดงว่าเขารู้ทุกเรื่องแน่ ๆ และไม่แน่อาจรู้เรื่อง
พี่แนนด้วย ได้โอกาสแล้วอีนานะ
“เขาบอกว่าพี่สาวนานะยังไม่ตาย พี่บอลรู้เรื่องนี้มั้ยคะ”
มือที่คนแกงเขียวหวานในหม้อชะงัก แล้วพี่บอลก็หันมามองฉันด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเดิม
“ผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้เป็นแนนคนเดิม พี่บอกได้แค่นี้ และไม่ว่าเฮียดัชซ์จะพูดอะไรเชื่อเฮียเถอะ” ไม่ว่าจะพูดอะไรฉันควรเชื่องั้นเหรอ?
ฉันหันมองพี่ดัชซ์อย่างไม่ตั้งใจซึ่งพอดิบพอดีที่เขาหันมาสบตา หัวใจฉันกระตุกวูบไปเลยค่ะ ไม่คิดว่าสายตาที่นิ่งเรียบคู่นั้นจะเริ่มกลับมามีอิทธิพลได้อีกครั้ง หรือฉันควรเชื่อเขาสักสิบเปอร์เซ็นต์ดี
และหลังจากนี้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
แกงเขียวหวานไก่เสร็จแล้วพี่บอลเป็นคนทำ ฉันมีหน้าที่ถามซอกแซกและหยิบของให้นิดหน่อย เราทานกันง่าย ๆ พอหม้อไปตั้งกลางโต๊ะคนอื่นก็ตักข้าวใส่จานใครจานมันราดด้วยแกงร้อน ๆ ไปนั่งกินคนละมุม รวมถึงพี่ดัชซ์ด้วย
ส่วนฉันมองแกงเขียวหวานในหม้อแล้วรู้สึกผิดมาก ดูทุกคนไม่มีพิษภัยเลย และอาหารเพียงอย่างเดียวก็ดูอร่อยสำหรับพวกเขา เฮ้อ... พับแผนทิ้งไป
แบบนี้ใครจะกล้าทำให้ท้องเสียล่ะ
“พอน้องนานะช่วยทำ ไอ้บอลทำอร่อยขึ้นเยอะเลย” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา
“ใช่ น้องนานะช่วยกูเยอะมาก”
“ฮ่า ๆ” ทุกคนขำกันร่วนเล่นเอาฉันเผลอยิ้มตามไปด้วย แต่พี่ดัชซ์ไม่ขำเขาแค่ปรายตามองแว๊บนึง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินถือจานมาที่หม้อแกงเขียวหวานที่ฉันยืนอยู่
เอิ่ม... ฉันยังไม่ได้ตักข้าวเลยเขาจะเติมแล้วเหรอ
“วู้ยเฮียกู วันนี้เจริญอาหาร” โดนแซวหนึ่งกรุบ และจากนั้นพี่ ๆ ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนพี่ดัชซ์ส่งนิ้วกลางไปให้
“จะแดกข้าวหรือแดกตีนกู”
“แดกข้าวคร้าบเฮีย...” แล้วเขาก็หันมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ทำไมเธอไม่กินข้าว”
“ก็กำลังจะตักอยู่นี่ไง”
“รีบกิน ฉันมีงานให้เธอทำอีกเยอะ”
พี่ดัชซ์ว่าจบก็ตักแกงราดข้าวไปอีกช้อนก่อนจะเดินไปนั่งกินหน้าแมคบุ๊คที่เดิม ฉันจึงตักของตัวเองบ้างและนั่งกินข้างหม้อนั่นแหละ ตักใส่ปากคำนึงเคี้ยวนานเป็นชาติ เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้รู้สึกงุ่นง่านในใจยังไงไม่รู้
ฉันโดนคนที่เข้าใจว่าเป็นฆาตกรเกือบห้าปี จับมาที่นี่โดยที่ไม่เต็มใจ
แต่ทำไมรู้สึกชิลจังวะ?
เหมือนจะอยากหนีออกไปแต่อีกใจก็ลังเล แล้วสิ่งที่พี่บอลพูดเขาน่าเชื่อถือได้ใช่มั้ย? เวรจริงฉันกำลังสับสน
“อ้าวเฮียมาแล้วเหรอ ไปกินข้าวดิ หม้อแกงเขียวหวานอยู่ข้างน้องนานะ” ฉันหันขวับมองไปที่ประตูโกดังทันทีจนสบตากับใครบางคนเข้า เขาคือพี่บาสและตอนนี้เขาก็กำลังเดินตรงไปหยิบจาน ก่อนจะตักข้าวเดินมาหาฉัน
นี่ไง... ความอึดอัดมาเยือนอีนานะแล้ว