โทรศัพท์มือถือของเกวลินส่งเสียงเรียกว่ามีสายเข้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวรีบเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครกันที่โทรหาเธอ แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของนายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นพ่อ ‘นี่ยังไม่ถึงสามชั่วโมงเลยที่พ่อกลับไปบ้าน คงจะโทรมาถามข่าวแม่แน่ๆ’ หญิงสาวคิด
“ค่ะพ่อ”
“เกว...เกวลูก...” นายพงษ์ศักดิ์ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่อย่างนั้น ไม่กล้าพูดกับลูกสาว
“พ่อคะมีอะไรหรือเปล่า?”
คนเป็นลูกถามออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อเสียงที่พูดตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของนายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นพ่อ แต่มันเป็นเสียงของผู้ชายที่ไหนไม่รู้ที่พูดกับเธอ
“เธอชื่อเกวลินใช่มั้ย”
“คุณเป็นใครน่ะ แล้วพ่อของฉันอยู่ที่ไหน ฉันจะคุยกับพ่อ” หญิงสาวพูดบอกน้ำเสียงตกใจ
“พ่อเธอเค้าก็อยู่ตรงนี้แหละ แต่ฉันว่าเธอรีบกลับมาบ้านจะดีกว่านะ มาคุยตกลงกันที่บ้านเธอดีกว่า พูดทางโทรศัพท์มันไม่สะดวก อ้อ แล้วก็ไม่ต้องโทรฯบอกใครด้วยนะ ไม่งั้นฉันไม่รับปากความปลอดภัยของพ่อเธอ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งไปทันที
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!”
เกวลินพูดกรอกเสียงกลับไปแทบจะเป็นตะโกน ก่อนจะรีบติดต่อกลับไปที่เบอร์ของผู้เป็นพ่อ แต่ปลายสายไม่สามารถติดต่อได้ นั่นแสดงว่าโทรศัพท์ของนายพงษ์ศักดิ์นั้นปิดเครื่องไปแล้ว
“บ้าน! เมื่อกี้มันบอกว่าให้ไปที่บ้าน!”
พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่อยู่หน้าห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาล แล้วเดินแกมวิ่งออกไปทันที จุดหมายปลายทางคือบ้านของหญิงสาวที่ปลายสายนั้นพูดถึงเกวลินวิ่งกระหืดกระหอบก้าวเข้ามาในบ้าน
หญิงสาวใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเดินทางกลับมาที่บ้านเพื่อมาหาผู้เป็นพ่อ ร่างงามระหงหยุดชะงักลงแทบจะทันทีเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งอยู่กับชายสูงวัยอีกคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมและสวมใส่เครื่องประดับราคาแพงเต็มตัว
โดยมีลูกน้องในชุดดำร่างสูงใหญ่อยู่ประกบซ้ายขวาอยู่ด้านละสองคน หนำซ้ำยังมีน้าพุดกรองที่หายออกจากบ้านไปมานั่งร่วมวงอยู่ด้วยอีกคน
“เกว...” นายพงษ์ศักดิ์ร้องเรียกหาลูกสาวทันทีที่หญิงสาวปรากฏตัวขึ้น
“หนูคนนี้เหรอที่ชื่อเกวลินน่ะ อืม...หน้าตาสะสวยสมคำบอกเล่าของคุณพุดกรองจริงๆ ซะด้วย”
เสี่ยประเดิมเอ่ยทักทายหญิงสาวเสียงหวาน เพิ่งจะได้มาเห็นตัวจริงก็วันนี้ นึกชอบใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ว่าหนี้สินที่นางพุดกรองจะสร้างขึ้นมากน้อยเพียงใด หลานสาวคนนี้ก็สามารถหามาเคลียร์ให้กับเสี่ยประเดิมได้อยู่ตลอดเวลา
แต่หนี้พนันครั้งนี้ออกจะมากโขอยู่นางพุดกรองถึงกับจะใช้ความสาวของหลานตัวเองเอามาใช้หนี้แทนให้ แต่ถ้าจะบอกว่าให้หลานสาวใช้ความสาวของตัวเองมาใช้หนี้แทนให้กับผู้เป็นน้าคงจะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากว่าใช้พ่อหรือแม่ของหญิงสาวมาเป็นเครื่องต่อรองแผนของนางก็มีโอกาสที่จะสำเร็จเกินครึ่งอย่างแน่นอน และแผนนี้จะสำเร็จลงได้ก็ต่อเมื่อเสี่ยประเดิมจะต้องร่วมมือกับนางพุดกรองทำตามแผนการในครั้งด้วยเช่นกัน
“ว่าไงจ๊ะหนู...มานั่งใกล้ๆ เสี่ยนี่มา...” เสี่ยประเดิมพูดจากรุ่มกริ่มเรียกหญิงสาว
“บอกมาเลยว่าพวกแกต้องการอะไร”
หญิงสาวเปิดฉากทันที เธอไม่อยากที่จะให้คนพวกนี้เข้ามายืนอยู่ในบ้านของเธอนานๆ แถมท่าทางของคนที่บอกว่าตัวเองเป็นเสี่ยแสดงออกกับเธอด้วยแล้ว มันทำให้เกวลินเกิดความขยะแขยงเป็นที่สุด
หญิงสาวเหลือบมองไปยังร่างของนางพุดกรองที่นั่งอยู่เยื้องกับเสี่ยไปไม่ไกลนัก ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งก้มหน้า ไม่ยอมเงยหน้าสบตากับเธอเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง
เสี่ยประเดิมหันไปหาลูกน้องของมันก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วหนึ่งในสองก็ยื่นเอกสารมาวางไว้บนโต๊ะรับแขกที่เสี่ยเจ้านายของพวกมันนั่งอยู่
“เอ้านี่...สัญญาใช้หนี้ของคุณพุดกรอง” หนึ่งในสองชายชุดดำพูดขึ้นพร้อมกับยื่นเอกสารให้กับหญิงสาว
“ใช้หนี้! หนี้อะไร พวกคุณเอาอะไรพูด บ้านฉันไม่เคยเป็นหนี้ใคร? เราไม่เคยสร้างหนี้”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างขบขันในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะนิ่งเงียบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวเธอไม่มีทางที่จะเป็นหนี้อย่างแน่นอน แต่คนที่คอยสร้างนี้ให้ตามชดใช้อยู่ทุกครั้งบัดนี้ก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเธอด้วยเช่นกัน
“ก็นี่ยังไงล่ะคนสร้างหนี้น่ะ”
ชายชุดดำพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่นางพุดกรองที่ตอนนี้ก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งเหมือนเช่นเคย ก่อนจะพูดต่ออีก
“หนี้เก่าสามแสน หนี้ใหม่อีกสามแสน รวมแล้วก็เป็นหกแสน เธอต้องเอาเงินมาใช้หนี้ให้กับเสี่ยของเราหรือไม่ก็เซ็นยกที่ดินพร้อมกับบ้านหลังนี้ให้กับเสี่ยไปซะเรื่องจะได้จบ” มันพูดบอกอย่างวางอำนาจเต็มที่
“ไม่! จะไม่มีการชดใช้หนี้อะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องมาขู่ฉันด้วย ใครเป็นคนสร้างหนี้ก็ให้คนนั้นเป็นคนรับผิดชอบไปสิ” มีหรือที่เกวลินจะกลัว หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน
“พุดกรอง! นี่เธอเอาโฉนดของบ้านฉันไปจริงๆ หรือเนี่ย เธอทำได้ยังไงห๊ะ!”
นายพงษ์ศักดิ์ร้องถามออกมาเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นตะโกน ทำท่าจะลุกขึ้นเอาเรื่องกับน้องสาวของเมียรัก แต่หนึ่งในสองลูกน้องของเสี่ยประเดิมจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของชายสูงวัยกดลงให้นั่งตามเดิมไม่ยอมให้ขยับตัวลุกออกมาได้เช่นกัน
“เงียบๆ ไปเลยไอ้แก่ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มันบอกเสียงกร้าว
“อย่านะ! อย่าทำอะไรพ่อฉัน” เกวลินร้องบอกออกมาทันทีที่เห็นเช่นนั้น
“เฮ้ย...พวกลื้อก็อย่ารุนแรงกับอีนักสิวะ เบาๆ มือหน่อย เกรงใจคุณเกวลินบ้าง” เสี่ยประเดิมบอกลูกน้อง
“น้าพุดกรอง! ทำไมน้าถึงทำกับพวกเราอย่างนี้ล่ะ น้าเอาโฉนดที่ดินของพวกเราไปทำอย่างนี้ได้ยังไง บ้านนี้ไม่ใช่ของน้าพุดกรองนะ! น้าทำกับครอบครัวของเกวแบบนี้แล้วยังจะมีหน้ากลับมาให้พวกเราใช้หนี้ให้อีกเหรอ ช่างไม่ละอายใจซะบ้างเลย” หญิงสาวหันมาต่อว่าน้องสาวแม่อย่างไม่ไว้หน้า
“หนูเกวลินใจเย็นๆ ก่อนนะ เราคุยกันได้นะ เอาอย่างนี้มั้ย ฉันมีทางออกสำหรับเรื่องนี้” เสี่ยประเดิมพูดบอกอย่างเป็นต่อ
“มันไม่มีทางออกหรอก เพราะว่าฉันจะไม่ยอมชดใช้หนี้ให้กับเสี่ยอย่างแน่นอน ทางไหนก็ไม่เอาทั้งนั้น”
“แต่น้าของหนูติดหนี้เสี่ยเป็นแสนๆ เลยนะ ไม่ใช้ไม่ได้ แต่ถ้าหนูเกวลินหาเงินใช้หนี้เสี่ยไม่ได้จริงๆ เสี่ยก็ยังมีทางเลือกให้กับหนูอยู่นะ ง่ายๆ เลย แค่มาเป็นอีหนูของเสี่ยเท่านั้น หนี้สินทุกอย่างก็จะหายไปในพริบตา”
เสี่ยประเดิมพยายามพูดดีๆ หวานๆ แต่ดูท่าทางหญิงสาวตรงหน้าคงจะไม่ชอบวิธีนี้ของเค้าสักเท่าไรนัก ใบหน้าของเกวลินแดงก่ำด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายเสนอเงื่อนไขที่ดูถูกลูกผู้หญิงออกมา
“ฝันไปหรือเปล่าเสี่ย ในเมื่อน้าพุดกรองเค้าเป็นคนติดหนี้ก็ให้เค้าใช้หนี้เสี่ยไปสิ เกี่ยวอะไรกับครอบครัวของฉันด้วยล่ะ ฉันขอบอกเสี่ยอีกครั้งเลยนะว่าฉันไม่จ่าย แต่ถ้าฉันจะต้องจ่ายละก็ฉันยอมเหน็ดเหนื่อยด้วยการทำงานหาเงินเองดีกว่าจะต้องมาเป็นเมียเสี่ยกว่าเป็นไหนๆ แก่แล้วน่าจะหันหน้าเข้าวัดฟังธรรมบ้างนะจะได้ไม่หมกมุ่นอยู่กับไอ้เรื่องอย่างว่า!!”
หญิงสาวตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า เสี่ยประเดิมจากที่ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนดั่งว่าจะได้ของถูกใจ กลับแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงถมึงทึง ใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธที่ถูกหญิงสาวรุ่นลูกสั่งสอนให้รู้จักเข้าวัดฟังธรรมซะบ้าง
นางพุดกรองที่นั่งคอยประเมินสถานการณ์เห็นท่าไม่ดี และกลัวว่าแผนที่วางไว้กับเสี่ยประเดิมจะล่ม จึงรีบออกโรงช่วยเสี่ยประเดิมพูดอีกแรงหนึ่งทันที
“เกว เกวหลานน้า ยอมทำตามข้อเสนอของเสี่ยประเดิมเถอะนะ น้า...น้าขอโทษจริงๆ น้าสำนึกผิดแล้ว น้าจะไม่เล่นการพนันอีกแล้วล่ะลูก พี่พงษ์ พี่พงษ์ช่วยพูดกับเกวให้ฉันหน่อยสิ”
นางพุดกรองพูดอ้อนวอนหลานสาวเสียงอ่อนเสียงหวาน เรียกหญิงสาวว่าลูกทุกคำ
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้ลูกฉันต้องมารับผิดชอบเรื่องเลวๆ ที่เธอก่อขึ้นมาหรอกพุดกรอง ใครทำคนนั้นก็รับผิดชอบไปสิ ไอ้พวกชั่ว!” นายพงษ์ศักดิ์พูดพร้อมกับด่าพวกมันออกมาอย่างเหลืออด
ผัวะ!! เสียงด้ามปืนที่กระทบตบเข้าที่แก้มของชายสูงวัยอย่างแรงขึ้นหนึ่งครั้ง
“กรี๊ดดด!!! อย่า! อย่าทำร้ายพ่อฉัน!”
“ยอมเสี่ยเค้าเถอะนะลูก น้าขอร้อง” นางพุดกรองยังไม่ยอมหยุดขอร้อง
“ไม่! ยังไงเกวก็จะไม่มีวันยอมใช้หนี้ให้กับน้าพุดกรองแน่นอน คราวนี้น้าพุดกรองทำกับบ้านเราเกินไปแล้ว น้ามาเอาสมบัติของบ้านเรามาทำอย่างนี้ได้ยังไง น้าไม่มีสิทธิ์ สัญญาจะเป็นโมฆะ ทำนิติกรรมอะไรไม่ได้อยู่แล้ว โฉนดเป็นชื่อของพ่อ ยังไงพ่อเกวก็ไม่มีทางเซ็นยกให้หรอก ถึงน้าหรือว่าเสี่ยเอาไปก็ทำอะไรไม่ได้”
หญิงสาวไม่ยอมที่จะเสียเปรียบให้กับเสี่ยบ้าตัณหาอย่างแน่นอน พ่อเธอไม่ได้เป็นคนทำสัญญา น้าพุดกรองเป็นคนทำแต่ไม่ใช่เจ้าของโฉนดที่ดิน ถ้าพ่อของเธอไม่ยอมเซ็นยกให้แล้วพวกมันจะทำอะไรได้
‘นังนี่มันหัวหมอ เสือกทำเป็นรู้กฎหมาย’
นางพุดกรองเข่นเขี้ยวคิดอยู่ในใจ ก่อนจะเหลือบมองเสี่ยประเดิมเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าจะต้องลงมือทำตามแผนสองเมื่อแผนหนึ่งใช้ไม่ได้ผล โดยที่นางพุดกรองจะให้ลูกน้องของเสี่ยประเดิมรุมซ้อมและให้ชกต่อยนายพงษ์ศักดิ์ด้วยเช่นกัน เพื่อบีบบังคับให้หญิงสาวยอมจำนนให้จงได้เสี่ยประเดิมเองที่ตอนนี้กำลังโกรธหน้าดำหน้าแดงถึงกับชี้หน้าหญิงสาวก่อนที่จะเอ่ยเสียงเหี้ยมออกมาใส่หญิงสาว
“หนูเกวลินเป็นคนบีบให้เสี่ยทำเองนะ เสี่ยไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นคนเซ็น แต่โฉนดมันมาอยู่ในมือของเสี่ยแล้ว ถ้าหนูเกวลินไม่มีเงินมาไถ่ที่ดินกับบ้านหลังนี้ หนูก็ต้องย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ แต่ตอนนี้เสี่ยขอเอาดอกเบี้ยไว้ก่อนแล้วกัน” สิ้นเสียงของเสี่ยประเดิม
เปาะ!!!! เสียงดีดนิ้วดังเปาะเพื่อเป็นสัญญาณให้กับลูกน้องที่ยืนประกบอยู่ข้างหลังให้จัดการตามแผนทันที
หนึ่งในสี่ของลูกน้องเสี่ยประเดิมเดินอาดๆ เข้าไปหานางพุดกรองทันที พร้อมกับประเคนฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างไม่นับ ส่วนลูกน้องอีกคนของเสี่ยก็จับตัวของนายพงษ์ศักดิ์ให้ลุกขึ้นแล้วชกต่อยเข้าที่ใบหน้าและลำตัวด้วยเช่นกัน
เกวลินตื่นตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า รีบถลาเข้าไปหาผู้เป็นพ่อหวังที่จะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกลูกน้องอีกคนของเสี่ยประเดิมจับแขนเรียวเอาไว้แน่น
“กรี๊ดดด! อย่า! อย่าทำร้ายพ่อฉัน”