เกวลินรีบนั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลแทบจะทันทีที่จัสมินเพื่อนรุ่นพี่แจ้งข่าวให้ทราบว่าแม่ของเธอนั้นตกบันไดบ้านลงมา ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วรีบตรงดิ่งมาที่นี่ด้วยความร้อนใจ จุดหมายของเธอในยามนี้คือห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
“พ่อ! พ่อขา...แม่เป็นยังไงบ้างคะ?” เกวลินร้องถามผู้เป็นพ่อทันทีที่มาถึง
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอเค้าเข็นแม่เข้าห้องฉุกเฉินไปตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาบอกว่าเป็นยังไงเลยเกวลูก...”
นายพงษ์ศักดิ์บอกลูกสาวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เป็นห่วงในอาการของเมียรัก สองพ่อลูกสลับกันลุกนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมหนีไปไหน ก่อนที่ร่างสูงของนภดลเพื่อนสนิทของหญิงสาวจะวิ่งเข้ามาสมทบอีกคนหนึ่ง
“น้าแก้วเป็นยังไงบ้างครับน้าพงษ์” ชายหนุ่มถามถึงอาการของแม่เพื่อนสาวคนสนิทขึ้นทันทีที่มาถึง
“ยังไม่รู้เลยนภ หมอยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน” เกวลินพูดพร้อมกับชะเง้อคอมองอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“แล้วนี่น้าแก้วตกลงมาจากบันไดได้ยังไงกันล่ะครับน้าพงษ์” นภดลถามอย่างสงสัย
“มันเป็นความผิดของน้าเองนภที่น้าไม่อยู่บ้าน ถ้าน้าไม่ไปบ้านคุณประสิทธิ์อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับแม่แก้วก็เป็นได้” นายพงษ์ศักดิ์กล่าวโทษตนเองเสียงเศร้า
“พ่อคะ ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหรอกนะคะ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อด้วย มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ” เกวลินพยายามพูดปลอบใจบิดาให้เลิกกล่าวโทษตนเอง
“แล้วนี่น้าพุดกรองเค้าไม่ได้มาด้วยเหรอครับ” นภดลถามขึ้นเมื่อหันมองไปรอบๆ ก็ไม่พบกับร่างของนางพุดกรองซึ่งเป็นน้าของเพื่อนรัก
“น้าไม่ได้สนใจนภ น้าเองก็ร้องเรียกให้เค้าช่วยเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านแต่แม่พุดกรองก็ยังไม่ลงมาดูเลยสักนิด แต่ก็โทษเค้าอีกก็ไม่ได้นั่นแหละเพราะว่าเค้าขอตัวขึ้นห้องไปตั้งแต่ก่อนที่น้าจะออกไปบ้านคุณประสิทธิ์แล้วซะอีก เห็นว่าปวดหัวจะไปกินยาแล้วก็จะนอน” นภดลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เราอย่าไปพูดถึงเค้าเลยค่ะพ่อ นั่น! คุณหมอเดินออกมาแล้วค่ะ” เกวลินพูดออกมา แล้วทั้งหมดก็รีบเดินเข้าไปหาคุณหมอทันที
“คุณหมอคะ แม่เกวเป็นยังไงบ้างคะ คนไข้ที่ชื่อเกศแก้วน่ะค่ะคุณหมอ!” หญิงสาวละลำละลักพูดบอกออกไปเสียงสั่น
“คุณเป็นญาติของคุณเกศแก้วนะคะ”
แพทย์หญิงเจ้าของไข้ถามกลับพร้อมกับขยับแว่น ก่อนจะพูดแจ้งข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นักให้กับญาติของคนไข้ฟัง
“ครับ ผมเป็นสามีของคนไข้ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“ภรรยาของคุณตกบันไดลงมาหลายขั้นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงหักสองซี่ ไหปลาร้าด้านซ้ายหัก แขนขวาหัก ศีรษะแตกและที่สำคัญสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เราทำการเอ็กซเรย์ดูแล้วพบว่ายังมีเลือดคั่งภายในสมองของคนไข้ตกค้างอยู่ค่ะ และหมอจะต้องผ่าตัดนำเลือดเสียออกมาอย่างโดยเร็วที่สุด ถ้าปล่อยไว้นานคนไข้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ”
คำพูดของแพทย์หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าสร้างความตกใจให้กับทุกคน เกวลินหน้าซีดตัวสั่นก่อนจะโผเข้าไปกอดเอวของนายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย นึกหวาดกลัวกับข่าวร้ายที่ได้รับรู้ซึ่งความรู้สึกของหญิงสาวก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิดชายสูงวัยพูดอะไรไม่ออก นึกสงสารเมียรักที่นอนเจ็บอยู่ในเวลานี้อย่างสุดหัวใจ
“คุณหมอครับ ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับที่จะเอาเลือดเสียนั้นออกมาจากสมองได้น่ะครับ”
นภดลเป็นผู้ถามกับแพทย์หญิงออกไป เพราะดูท่าแล้วน้าพงษ์ศักดิ์กับเกวลินคงไม่สามารถพูดหรือถามอะไรกับหมอตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
“สำหรับหมอ...หมอคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนไข้นะคะ...เพราะหากไม่ผ่าตัดนำเลือดเสียนั้นออกมาคนไข้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ที่สำคัญคือคนไข้ค่อนข้างมีอายุแล้วหากปล่อยไว้นานผลร้ายย่อมมีมากกว่าผลดีแน่นอนค่ะ” แพทย์หญิงเสนอความคิดเห็นของตนเอง
“ครับคุณหมอผมเข้าใจ แล้วค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการผ่าตัดและรักษาภรรยาของผมประมาณเท่าไหร่ล่ะครับ”
พงษ์ศักดิ์ถามแพทย์หญิงตรงหน้า เขาเองก็พอที่จะมีเงินเก็บอยู่ประมาณแสนกว่าบาท น่าจะเพียงพอกับการผ่าตัดและรักษาตัวของเกศแก้วในครั้งนี้
ถ้าหากมันมากกว่านั้นเขาก็จะเอาโฉนดที่ดินและบ้านไปจำนองไว้กับพวกนายหน้าขายฝากที่ดินและรถที่ตอนนี้แย่งกันหาลูกค้าทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์กันแทบไม่เว้นแต่ละวัน
“หมอคงบอกเจาะจงไม่ได้ว่าจะต้องใช้จำนวนเงินเท่าไหร่ในการรักษา ยังไงญาติคนไข้คงต้องติดต่อกับทางฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลดูนะคะว่าจะประมาณเท่าไหร่ แต่หมอบอกคร่าวๆ เบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่าเคสผ่าตัดของคุณเกศแก้วเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่สามถึงสี่แสนบาทน่ะค่ะ”
ค่าผ่าตัดเบื้องต้นที่แพทย์หญิงบอกให้กับทางญาติได้รู้ทำให้ร่างของนางพงษ์ศักดิ์และเกวลินนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์จะบอกออกมาอย่างไม่คิดห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะรู้ดีว่าโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดนั้นต้องแพงอยู่แล้ว
“คุณหมอผ่าได้เลยนะครับ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่มีปัญหา ขอแต่ให้ภรรยาผมปลอดภัยเท่านั้นเป็นพอ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลนำเอกสารการยินยอมเข้ารับการรักษามาให้ญาติผู้ป่วยเซ็นรับทราบค่ะ” แพทย์หญิงพูดพร้อมขอตัวเดินกลับเข้าห้องฉุกเฉินไปอีกครั้ง
“พ่อคะ เกวพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้างแต่อาจจะไม่มากเท่าไร เดี๋ยวเกวจะถอนออกมาให้กับพ่อไว้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกเกว เงินเก็บของครอบครัวเรามีอยู่แสนกว่าบ้าน พ่อจะเอาโฉนดที่บ้านไปขายฝากเอาไว้กับไฟแนนท์แล้วเอาเงินมารักษาแม่น่าจะเพียงพออยู่หรอกลูก” นายพงษ์ศักดิ์บอกกับลูกอย่างคนที่มีความหวัง
“แต่พ่อคะ คุณหมอบอกว่าจะต้องผ่าตัดโดยด่วน แล้วถ้าเราเสียเวลากับพวกไฟแนนท์นานเป็นอาทิตย์ละคะจะทำยังไง” เกวลินพูดออกมาอย่างเป็นห่วง
“จริงอย่างที่เกวบอกนะครับน้าพงษ์ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมจะลองไปคุยกับแม่ของรุ้งแฟนผมให้ เพราะว่าที่บ้านเขาก็ทำธุรกิจประเภทนี้อยู่น่าจะพอลัดขั้นตอนให้กับคุณน้าได้บ้างเผลอๆ อาจจะได้เงินเลยก็ได้ครับน้าพงษ์” นภดลเสนอความคิดเห็น เค้าอยากช่วยเหลือครอบครัวของเพื่อนรักเป็นที่สุด
“ขอบใจนะนภ ขอบใจนายมากเลยเพื่อน” เกวลินพูดน้ำตาคลอ
“น้าขอบใจนภมากเลยนะ เป็นอันว่าตกลงตามนี้ เดี๋ยวน้าจะไปที่ห้องการเงินก่อนนะ ถ้าพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นเกวก็เซ็นไปเลยนะลูกไม่ต้องรอพ่อ”
“ค่ะพ่อ” หญิงสาวตอบรับผู้เป็นพ่อ
ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์จะเดินไปที่ห้องการเงินเพื่อสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดและรักษาตัวของเกศแก้วเมียรักในทันที
เนื่องจากทางพยาบาลออกมาแจ้งว่าให้ญาติผู้ป่วยกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ก่อนเพราะคนไข้นั้นอยู่ภายในห้องฉุกเฉินไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้อย่างแน่นอน
ทั้งสามจึงเดินทางกลับมาที่บ้านในเวลาต่อมาเพื่อที่จะนำเอาโฉนดที่ดินของบ้านให้กับนภดลไปจัดการเดินเรื่องในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะต้องหามาเพิ่มในการผ่าตัดครั้งนี้ และจำนวนเงินที่ต้องผ่าตัดรักษานางเกศแก้วนั้นมีจำนวนเงินมากถึงสี่แสนกว่าบาทหลังจากที่นายพงษ์ศักดิ์ได้เช็คดูอย่างละเอียดแล้วว่าเขาจะต้องเตรียมเงินจำนวนห้าแสนบาทถึงจะเพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลของภรรยาสุดที่รักในครั้งนี้
“เดี๋ยวนภรอน้าแป๊บนึงนะ น้าจะไปเอาโฉนดที่ดินมาให้”
นายพงษ์ศักดิ์บอกชายหนุ่มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตนเพื่อไปนำสิ่งของสำคัญที่สุดในบ้านออกมาให้กับเค้า โดยมีเกวลินมองตามหลังผู้เป็นพ่อไป ก่อนจะก้มลงมองเลือดที่กองอยู่ที่พื้นที่ยังไม่ได้เช็คทำความสะอาดใดๆ ทั้งสิ้น
“เลือดแม่” หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม ก่อนจะป้ายปาดมันออกแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาจัดการเช็ดถูคราบเลือดที่เปื้อนเลอะอยู่ที่พื้นให้ออกไปให้หมด
“เกว! เกวขึ้นมาหาพ่อหน่อยลูก!”
เสียงนายพงษ์ศักดิ์ที่ร้องเรียกชื่อลูกสาวดังก้องจนเกวลินเองสะดุ้งเฮือกกระโดดตัวลอยขึ้นมาทันที
“ค่ะพ่อ” ขานรับพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของพ่อและแม่อย่างไม่รอช้า โดยมีร่างของนภดลวิ่งตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“มีอะไรเหรอคะพ่อ เรียกเกวซะดังเชียว” หญิงสาวถามขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนของพ่อและแม่
“ไม่มีเกว! มันไม่อยู่แล้ว!” นายพงษ์ศักดิ์พูดบอกด้วยมือที่สั่นเทา เกวลินมองจ้องกล่องที่พ่อถืออยู่ในมือก่อนจะถามอย่างสงสัยขึ้นว่า
“อะไรคะพ่อไม่มี พ่อเป็นอะไรคะ”
หญิงสาวก้าวเข้าไปเขย่าแขนคนเป็นพ่อ ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์จะหุนหันเดินตรงไปที่ห้องของนางพุดกรองเมื่อคิดขึ้นได้ว่าโฉนดที่หายไปนางน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วย
“แม่พุดกรองเปิดประตู ฉันบอกให้เปิดประตูหน่อย ถ้าหล่อนไม่เปิดฉันเปิดเข้าไปเองนะ”
นายพงษ์ศักดิ์ตะโกนก้องออกมาอย่างมีอารมณ์ เค้าเคาะประตูห้องนอนของนางอย่างแรง และเมื่อประตูไม่ถูกเปิดออกมาสักที เค้าจึงบิดลูกบิดเข้าไปเอง
นายพงษ์ศักดิ์กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ไม่มีร่างของคนที่เค้าต้องการเจอเลยแม้แต่น้อย ภายในห้องของนางพุดกรองมีแต่ความว่างเปล่า กล่องที่ถืออยู่ในมือถูกขว้างทิ้งลงพื้นอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว
“ต้องเป็นมันแน่ๆ!” นายพงษ์ศักดิ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกมา
เกวลินถึงกับตกใจในคำพูดและอารมณ์โกรธของผู้เป็นพ่อที่แสดงออกมา เพราะตั้งแต่เล็กจนโตหญิงสาวยังไม่เคยเห็นพ่อของเธอนั้นโกรธใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ แล้วสอดมือคล้องแขนของผู้เป็นพ่อเอาไว้
“พ่อขา ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ มีอะไรก็บอกเกวได้นะคะพ่อ เกวไม่อยากเห็นพ่อเป็นแบบนี้”
“ไม่มีแล้วเกว! มันเอาไปแล้วลูก นางพุดกรองมันเอาโฉนดบ้านเราไปแล้ว”
นายพงษ์ศักดิ์บอกลูกสาวทั้งน้ำตา ความหวังที่จะได้เงินไปรักษาเมียรักคงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เกวลินถึงกับอ้าปากค้างในสิ่งที่ได้ยิน
“จริงเหรอคะพ่อ พ่อหาดีแล้วนะคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง
“หาดีแล้วลูก พ่อเก็บโฉนดที่ดินบ้านเราไว้ในกล่องใบนี้ โฉนดมันอยู่ในซองพ่อกับแม่เก็บเอาไว้อย่างดี พุดกรองคงจะฉวยโอกาสตอนที่เกิดเรื่องขึ้นแล้วมาขโมยไปอย่างแน่นอน” นายพงษ์ศักดิ์บอกกับลูกสาวและคาดเดาเอาเอง
แต่ถ้าหากเขาได้ล่วงรู้ว่าเหตุที่นางเกศแก้วเมียรักต้องตกบันไดลงมานั้นเป็นเพราะฝีมือของนางพุดกรองด้วยแล้วละก็ เขาคงจะโกรธจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดอย่างแน่นอน ก่อนจะเดินคอตกออกมาจากห้องของนางพุดกรองกลับมาที่ห้องของตนเอง
“น้าพงษ์อย่าเพิ่งกังวลไปเลยครับ ถ้าน้าพุดกรองเค้าเอาไปจริงๆ ก็คงจะเอาไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้หรอกครับ แล้วชื่อในโฉนดเป็นชื่อของใครครับน้าพงษ์” นภดลแสดงความคิดเห็น พร้อมกับต้องการความชัดเจนในเรื่องของเอกสาร
“โฉนดเป็นชื่อน้า”
นายพงษ์ศักดิ์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก รู้สึกอัดอั้นตันใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนน้ำตามันไหลออกมาเองด้วยความคับแค้นใจ
“ถ้าจะขายหรือจำนองได้ก็ต้องให้น้าพงษ์เป็นคนเซ็นยินยอมเท่านั้น น้าพงษ์สบายใจได้ครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างคนที่พอจะมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้าง
“จริงเหรอนภ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี บอกตรงๆ ว่าน้าไม่ไว้ใจพุดกรองเลย” แม้จะสบายใจขึ้นมาบ้างแต่เสียงของนายพงษ์ศักดิ์ก็ยังสั่นเครืออยู่
“พ่อคะ...ในเมื่อตอนนี้เราไม่มีโฉนดที่ดินที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงินมารักษาแม่แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ กว่าจะไปเดินเรื่องขอโฉนดที่ดินใหม่ก็คงจะนานไม่ทันการณ์แน่เลย เกวว่าเอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ เดี๋ยวเกวจะรีบกลับไปที่ผับ เกวจะไปขอความช่วยเหลือกับพี่จัสมิน เกวว่าพี่เค้าน่าจะพอมีทางช่วยเกวได้บ้าง อย่างน้อยตอนนี้เราก็พอมีเงินที่จะชำระให้กับทางโรงพยาบาลก่อนเป็นบางส่วนนี่คะพ่อ เดี๋ยวที่เหลือเกวจะหามาเอง พ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ เกวไม่ อยากให้พ่อเป็นอะไร เกวรักพ่อนะคะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับกอดเอวหนาของผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น ก่อนที่นายพงษ์ศักดิ์จะหอมลงบนศีรษะของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างแสนรัก
“พ่อไม่อยากทำให้เกวลำบากเลยลูก”
“เกวไม่เคยคิดลำบากเลยค่ะพ่อ และที่เกวทำก็เพื่อแม่ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรเกวก็ยอมทั้งนั้น ขออย่างเดียวว่าแม่จะต้องปลอดภัย...พ่อคะเกวต้องกลับไปที่ผับพ่ออยู่คนเดียวได้มั้ยคะ” หญิงสาวถามคนเป็นพ่อด้วยความเป็นห่วง
“พ่อจะกลับไปหาแม่เค้าที่โรงพยาบาลลูก ถึงไม่ได้เยี่ยมแต่ได้ไปอยู่หน้าห้องใกล้ๆ แม่แก้วก็ยังดี” เขาบอกกับลูกสาวทั้งน้ำตา
“เกวตามใจพ่อค่ะ ถ้าอย่างนั้นเกวไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันที่โรงพยาบาลนะคะพ่อ”
พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำหน้าออกจากห้องนอนของพ่อและแม่เพื่อย้อนกลับไปที่รีเบคก้าผับอีกครั้งหนึ่ง โดยมีนภดลเพื่อนสนิทเป็นผู้ขับรถไปส่งหญิงสาวเหมือนเช่นเคยหลังจากที่เกวลินและนภดลเดินทางมาถึงรีเบคก้าผับแล้ว