๒๘
"...ไม่เป็นไรนะคะคุณ ต้องเข้มแข็งนะคะ คุณต้องผ่านทุกอย่างไปให้ได้นะคะ" หมอนเข้ากุมมือนายสาวพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า น้ำใจวางมือลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พร้อมเสียงสะอื้นที่หลุดดังออกมา เสียใจกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ซ้ำยังต้องมาต่อสู้กับคนที่ยังอยู่แต่หวังที่จะแย่งชิงทุกอย่างเอาให้ได้ สิ่งที่เธอกำลังแบกรับ มันหนักและเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ
"น้ำควรไปอยู่ที่ไหนคะ น้ำต้องออกไปจากที่นี่แบบที่อาวรรณต้องการใช่ไหมคะป้า"
"หนูน้ำไม่ควรออกไปจากที่นี่นะครับ" เสียงของลุงพัฒน์ส่งผลให้น้ำใจหันขวับ ท้ายที่สุดเจ้าของคำพูดก็เดินมานั่งคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าของเธอเคียงข้างผู้เป็นภรรยา
"เขาพูดแบบนั้น หมายความว่าเขาพร้อมที่จะทำทุกทางไม่ให้น้ำอยู่ที่นี่ มันจะมีวันสงบสุข และน้ำจะพบความสุขเหรอคะหากเป็นแบบนั้น"
"คุณวรรณเธอต้องการสมบัติ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่คุณภาสสร้างและต่อยอดจากทุนเดิมที่มีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างควรเป็นของเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณภาส ไม่ควรมีใครคนอื่นที่ตอนคุณเขามีชีวิตอยู่ไม่เคยใยดีเข้ามาชุบมือเปิบ แย่งชิงทุกอย่างไปเป็นของตัวเองแบบนั้นนะครับ"
"หมายความว่าน้ำต้องต่อสู้เหรอคะ เราต้องต่อสู้กับอะไรก็ไม่รู้แล้วแต่เขาจะเป็นฝ่ายกำหนดแบบนั้นเหรอคะ"
"แต่ที่ผ่านมาคุณภาสเธอเหนื่อยมากนะคะคุณ อย่างน้อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้าง มันควรจะเป็นของลูกเธอจริงๆ" หมอนสมทบพลางประคองกอดนายสาวภรรยาของเจ้านายที่พึ่งสิ้นบุญไป รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุยังน้อย ต้องมาต่อสู้กับอะไรแบบนี้มันไม่ง่าย แต่ไม่มีทางอื่นนอกจากสู้อยู่ดี
"ป้ากับตาพัฒน์จะอยู่ข้างหนูน้ำนะคะ เราจะอดทนและสู้ทุกอย่างไปด้วยกัน อย่างน้อยหากคุณมองลงมาจากสวรรค์ คุณเขาจะได้สบายใจว่าอย่างน้อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมามัน เหนื่อยกับมันมาทั้งชีวิต ไม่ได้สูญเปล่าไปเลย"
"ฮื่อ..." น้ำใจสวมกอดร่างอบอุ่นของแม่บ้าน ที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด พยายามประคับประคองจิตใจของเธอ หวังที่จะพาเธอก้าวข้ามความรู้สึกในตอนนี้ไปให้ได้ ลึกๆ แล้วเธอรู้ ว่าการทำแบบไหนคนที่จากไปถึงจะสบายใจและไปสู่สุคติ เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นสู้เท่านั้นเอง
แกร๊ก~
"คุณคะ หนูน้ำ..." เสียงเรียกของป้าแม่บ้านส่งผลให้คนที่กำลังหลับไหลอยู่บนเตียงกว้างค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ กระบอกตาของเธอยังร้อนผ่าว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วรอบดวงตา
"ป้าหมอน..."
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ คุณออกไปข้างนอกกับป้าเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" สีหน้าตื่นตระหนกของป้าแม่บ้านเป็นลางบอกเหตุที่ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบอีกครั้ง น้ำใจกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ เธอไม่ได้ตอบรับสิ่งใดแต่เลือกที่จะขยับกายลุกจากเตียงทันที
"สวัสดีครับ ผมเป็นทนายของคุณรตวรรณ คุณคือ..."
"น้ำใจค่ะ เป็นภรรยาของคุณประภาส ลูกเลี้ยงของคุณรตวรรณค่ะ" น้ำใจหย่อนสะโพกลงนั่งตรงข้ามกับแขกผู้มาใหม่ของที่บ้าน คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
"ผมได้รับเรื่องจากคุณรตวรรณ ให้เชิญคุณออกจากบ้านหลังนี้ตามที่เจ้าของบ้านต้องการ คุณรตวรรณใช้สิทธิ์ในความเป็นภรรยาของพ่อคุณประภาส ซึ่งคนทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของลูกเลี้ยงแบบเต็มร้อยหลังจากที่สามีและลูกเลี้ยงตาย" เอกสารหลายต่อหลายใบที่ทนายวางบนโต๊ะกระจกตรงหน้าหลังจากที่จบคำนั้น ทว่าหญิงสาวไม่ได้คิดที่จะแตะมัน
"ดิฉันเป็นภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกของคุณประภาสอยู่ ดิฉันไม่มีสิทธิ์อะไรในทรัพย์สินของสามีแม้แต่บ้านที่ต้องใช้ซุกหัวนอนขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอคะ"
"หากคุณไม่ยินยอมออกจากที่นี่แต่โดยดี คุณอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ลวงฆ่าสามีตัวเองด้วยนะครับ"
"เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ!" หญิงสาวตวาดออกมาอย่างเหลืออด การถูกพาดพิงในสิ่งที่ไม่ได้เป็นความจริงและเป็นการกล่าวหาที่โหดร้ายมันทำให้เธอเก็บกักอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว หัวใจดวงน้อยคล้ายถูกบีบอย่างแรง มันเจ็บไปหมด เดิมที่ช้ำก็เหมือนจะช้ำกว่าเดิม
"คิดได้ยังไงว่าฉันจะลวงฆ่าสามีของตัวเอง คิดได้ยังไงว่าฉันอยากให้เขาตาย คิดว่า ทรัพย์สมบัติที่เขามีมันมีค่ามากกว่าตัวเขาเหรอคะ!"
"คุณรตวรรณมีข้อมูลชัดเจนอยู่แล้วว่าจุดเริ่มต้นของคุณและลูกเลี้ยงของเธอ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินตั้งแต่ต้น คุณยอมเป็นภรรยาของคุณประภาสเพราะแลกกับเงินยี่สิบล้าน มันชัดเจนอยู่แล้วว่าการที่คุณเดินเข้ามาในชีวิตลูกเลี้ยงของคุณรตวรรณคุณหวังเงินทอง" คล้ายมีค้อนหนักๆ ฟาดลงมาที่กลางแสกหน้าอย่างจัง มันเจ็บจนชา เจ็บจนไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา
"หากคุณไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย คุณควรออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ คุณรตวรรณไม่มีทางยอมให้คุณอยู่อย่างสงบแน่ ผมเห็นแก่คุณที่กำลังตั้งครรภ์ อย่าให้มีการฟ้องร้องกันก่อนค่อยตัดสินใจเลยครับ" น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะซ้ำๆ แค่สูญเสียสามีที่ดีกับเธอมันก็มากพอแล้ว เวรกรรมที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับคนใจดำ
"แบบนี้เขาเรียกเมตตาเหรอคุณทนาย รู้กฎหมาย แต่ใช้วิธีสกปรกกดขี่เขาแบบนี้ อย่าพูดเหมือนตัวเองมีเมตตาเลยจะดีกว่า" หมอนเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด มองทนายที่หอบเอกสารอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้มาที่นี่เพื่อที่จะขับไล่เจ้านายของเธอ
"ระวังคำพูดด้วยนะครับ ผมฟ้องหมิ่นประมาทพวกคุณได้เลยนะ นอกจากจะได้พากันหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้าน ระวังจะได้ฟาดเคราะห์เสียเงินเพราะปากนะครับ"
"คุณทนายเองก็ระวังทนายของผมฟ้องกลับด้วยนะครับ ผมจะฟ้องทั้งคุณรตวรรณฟ้องทั้งตัวคุณทนายให้เสียหลักเลยเหมือนกัน" เสียงประกาศิตดังขึ้นจากทางด้านหลัง หญิงสาวหันขวับ พบเพื่อนรักของสามีนั่นคือนายแพทย์นเรศที่เดินเด่นเข้ามาในตัวบ้าน
"คุณเป็นใครครับ เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้"
"ผมเป็นเพื่อนรักของประภาสครับ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก มากจนสามารถตอบแทนได้เลยว่า สมบัติทุกชิ้นรวมถึงบ้านหลังนี้ ควรเป็นของเมียและลูกผู้ตาย ไม่ใช่ของแม่เลี้ยงที่แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว"
"หากคุณเป็นเพื่อนรักที่สนิทของคุณประภาส คุณรู้หรือเปล่าครับว่าคุณพ่อของคุณประภาส จดทะเบียนสมรสกับคุณรตวรรณอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิ์เป็นผู้ครอบครองมรดกทุกชิ้นเมื่อลูกติดของสามีจากไป"
"เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำนะครับ เหมือนรอวันที่ลูกเลี้ยงตาย ส่วนแม่เลี้ยงรอเข้ามามีบทบาทในทรัพย์สินทันที" นายแพทย์หนุ่มยกยิ้มเย้ยหยันพลางหย่อนสะโพกลงนั่งเคียงข้างภรรยาของเพื่อนรักที่เหมือนกำลังถึงทางตัน
"หากคุณประภาสและภรรยาจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ผมคงไม่กล้ามาที่นี่ในวันนี้"
"ไม่มีทะเบียนสมรส แต่มีพินัยกรรมครับ พินัยกรรมที่มีผม นายแพทย์นเรศ และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นพยานร่วมในวันที่ทำพินัยกรรมอีกคน ผมพร้อมยืนกรานต่อสู้เพื่อภรรยาและลูกของเพื่อนผมให้เป็นผู้รับมรดกทุกชิ้น คงรู้นะครับ ว่าเนื้อหาในพินัยกรรมมันระบุไปในทิศทางไหนผมถึงกล้าออกตัวแรง" ภายในห้องโถงของตัวบ้านถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าพินัยกรรมฉบับนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันมีจริงหรือไม่
"คุณประภาสป่วยอยู่ เป็นไปได้นะครับ ว่าสติสัมปชัญญะอาจจะไม่เต็มร้อย เราคงต้องสู้กันในชั้นกฎหมาย"
"ได้ครับ ผมพร้อมต่อสู้กับพวกคุณในชั้นกฎหมาย แต่ฝากกลับไปบอกคุณรตวรรณลูกความของคุณด้วยนะครับว่าประภาสเพื่อนผมไม่ได้ป่วย ไม่เคยป่วย นายภาสร่างกายแข็งแรงดี วันที่ทำพินัยกรรมสติสัมปชัญญะครบถ้วน ผมเป็นแพทย์ สามารถออกใบรับรองแพทย์การันตีประกอบสำนวนได้ด้วยครับ" คนฟังยิ่งอึ้งหนัก ไม่รู้ว่าที่นายแพทย์หนุ่มพูดขึ้นมันหมายความว่ายังไง แต่คำพูดของแพทย์หนุ่ม ส่งผลให้ทนายที่รตวรรณส่งเข้ามา เก็บเอกสารและกลับออกไปทันที