“คุณก็รู้ว่าบ้านเราไม่เหมือนก่อนที่จะใช้เงินโครมๆ อะไรประหยัดได้ก็น่าจะประหยัดไม่ใช่เหรอ อย่าทำตัวเป็นคนจมไม่ลงหน่อยเลย สงสารเจตต์บ้าง”
สกลบอกภรรยากับลูกสาว ที่ดูเหมือนว่าจะทำหูทวนลม ไม่ฟังคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะพิมประภา เธอยักไหล่ ทำปากเบ้ ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น
“มันเป็นหน้าที่ของเจตต์นี่คะที่จะต้องดูแลเราทุกคนในบ้าน อีกอย่างเงินแค่สองล้านไม่เหนือบ่ากว่าแรงเจตต์หรอกค่ะ วดีเชื่อว่า เจตต์หาได้แน่ๆ”
จิตราวดีเป็นแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน นางรักพิมประภามากกว่า ทำให้บางครั้งมองดูว่า นางไม่มีความรักให้เจษฎาลูกชายคนโตแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ เจตต์ก็ลูกคุณนะ คุณจะไม่สนใจใยดีหน่อยเหรอ เห็นอกเห็นใจเจตต์สักนิดก็ยังดี แต่นี่ไม่เลย กลับให้เจตต์เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นเพื่อเอาเงินมาให้พิมถลุงเล่น คุณเป็นแม่ภาษาอะไรเนี่ย” สกลอดรนทนไม่ไหว ต่อว่าภรรยาชุดใหญ่
“ก็เพราะเจตต์เป็นลูกวดียังไงล่ะ เจตต์ถึงต้องเลี้ยงดูเราทุกคนในบ้าน ที่สำคัญ ไหนๆ บ้านเราก็ติดหนี้สินรุงรังอยู่แล้ว จะเพิ่มหนี้อีกสองล้านคงไม่เป็นไรหรอก อีกหน่อยเจตต์ได้แต่งงานกับอีบ้ากล้วยไม้เมื่อไหร่ หนี้สินเราก็หมด เราจะได้ลืมตาอ้าปาก สุขสบายเหมือนก่อนซะที”
จิตราวดีไม่ทุกข์ร้อนกับหนี้สินจำนวนร้อยกว่าล้านบาทของครอบครัว ทั้งทีรู้เต็มอกว่า คนก่อหนี้คือใคร และทำอะไรไว้กับครอบครัวบ้าง แต่นางไม่เคยว่าหรือดุด่าพิมประภาสักนิดเดียว แถมยังพูดให้ท้าย เข้าข้างเสียจนสามีและลูกชายระอา
ความหวังของนางอีกอย่างที่อยากให้เกิดขึ้นเร็วๆ คือ การแต่งงานระหว่างเจษฎากับพรรณพฤกษา ที่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด หากไม่เกิดเรื่องร้ายกับว่าที่ลูกสะใภ้ของนางเสียก่อน ตอนนี้นางกับครอบครัวก็คงสุขสบาย หมดหนี้สิน นางภาวานาให้อาการของพรรณพฤกษาดีขึ้นในเร็ววัน เพื่อความฝันจะได้เป็นจริงเสียที
“คุณน่าจะดุด่าตัวต้นเหตุมากกว่านะ ไม่ใช่เข้าข้างจนอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วดูผลที่คุณไม่ดุด่าพิมสิว่าเป็นยังไง นั่งลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้เกิดมาเป็นคนได้ยังไง ไม่มีสามัญสำนึกเอาเสียเลย”
เป็นสกลเสียเองที่ทั้งดุ ทั้งด่าและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ทว่าก็ไม่เป็นผล พิมประภาทำหูทวนลม นั่งเชิดหน้า ทำราวกับว่า ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“คุณพี่อย่ามาด่าพิมแบบนี้นะ บอกแล้วไงว่าพิมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนถึงได้โดนหลอก แทนที่คุณพี่จะให้กำลังใจพิม ปลอบให้หายทุกข์ใจ กลับมาตอกย้ำความผิดอยู่ได้ คุณพี่รักพิมบ้างหรือเปล่าคะ” จิตราวดีเดือดแทนบุตรสาว โวยวายใส่สามี
“ก็เพราะรักนี่แหละที่ทำให้ผมต้องดุด่า เพื่อให้พิมปรับปรุงตัว มีแต่คุณนี่แหละที่รักลูกในทางที่ผิด พิมถึงได้เป็นคนอย่างนี้ไง” สกลเถียงสู้ ไม่ยอมแพ้
“โอ๊ย…คุณพ่อคุณแม่จะเถียงกันอีกนานไหมคะ ถึงคุณพ่อจะด่าว่าพิมยังไง พิมก็ไม่สน เรื่องมันผ่านไปแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย ด่าไปก็เท่านั้นอย่าเสียเวลาพูดให้เมื่อยปากเลย เอาเป็นว่า คุณแม่บอกพี่เจตต์ให้เอาเงินมาให้พิมสองล้านนะคะ” พิมประภาไม่สนใจอะไรต่อไป เธอสนใจแต่ตัวเอง
“ถ้าอยากได้เงินสองล้านก็ไปหาเอาเอง พ่อจะไม่ให้เจตต์หาเงินให้แกไปถลุงเล่นอีกแล้ว แล้วถ้าอยากได้เงินมากล่ะก็ ทำไมไม่ไปขอผู้ชายที่มาติดพันแกล่ะ ไปขอมันสิ ไปขอมัน”
สกลขึ้นเสียงใส่พิมประภาอย่างเหลืออดในนิสัยและกมลสันดานที่นับวันจะเหิมเกริมมากขึ้น คนถูกย้อนใส่แทบจะกรีดร้องด้วยความขัดใจ แต่ก็มีคนหนึ่งเถียงแทนเธอเสียก่อน
“คุณพี่พูดแบบนี้กับพิมไม่ได้นะ พิมแค่ของเงินเจตต์ ไม่ได้บอกให้เจตต์ไปตายซะหน่อย ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลย ทำอย่างกับว่าพิมไม่เคยขอเงินอย่างนั้นแหละ” จิตราวดีเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพิมประภา
“คุณไม่คิดบ้างเหรอว่า คุณเอาใจพิมทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ประเคนให้ ไม่สนใจว่าใครจะยากลำบาก ใครจะเป็นยังไง แล้วคนที่คุณไม่สนใจใส่ใจก็คือลูกชายของคุณเอง ลูกที่คุณไม่เคยเห็นว่าเป็นลูก ผมถึงทนไม่ได้ไง คุณทำแบบนี้คุณรู้ไหมว่าทำให้พิมเหลิง แทบจะไม่เห็นหัวใครในบ้านแล้ว ระวังเถอะสักวันพิมจะไม่เห็นหัวคุณ แล้ววันนั้นคุณจะรู้สึก”
อันที่จริงสกลพูดตามอารมณ์ ไม่ต้องการให้บุตรสาวทำเช่นที่เอ่ยมา แต่บางครั้งก็อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เขาต้องการให้จิตราวดีรู้สึกด้วยตัวเองว่า การที่คนที่ตัวเองรักมากที่สุดไม่ให้ความเคารพ ไม่เชื่อฟังจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
“คุณพี่อย่ามาแช่งกันนะ วดีรู้ว่าพิมไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่” จิตราวดีเถียงสามี
“ผมจะคอยดู ถ้ามีวันนั้นมาถึงจริงๆ ล่ะก็ ผมจะไม่ปลอบคุณเลย จะซ้ำเติมให้หนำใจ” สกลเสียงเขียวใส่ คนเป็นเมียถลึงตาใส่ กำลังจะอ้าปากต่อว่ากลับ แต่เสียงทุ้มนุ่มของเจษฎาดังแทรกขึ้นเสียก่อน
“คุณพ่อคุณแม่หยุดเถียงกันได้แล้วครับ เรื่องเงินที่พิมขอ พรุ่งนี้ผมจะโอนเงินเข้าบัญชีพิมให้ครับ”
เจษฎาที่เดินลงมาจากชั้นบนได้สักพักหนึ่ง แต่เขาไม่ได้เข้ามาในห้องรับแขกในทันทีที่เท้าเหยียบบันไดขั้นสุดท้าย เพราะการสนทนาที่ค่อนข้างดังทำให้เขาเลือกที่จะแอบยืนฟังด้านหลังตู้โชว์ พรางถอนใจไปด้วยเมื่อรู้ความต้องการของน้องสาว และที่เขายอมเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องการให้บุพการีทะเลาะกัน แล้วมีอีกหนึ่งเหตุผลที่คนเป็นลูกต้องการจากคนเป็นแม่มากที่สุด