การส่งสินค้าเมื่อวานนี้คือหนึ่งในแผนการ ปัญญากับคชาไม่รู้ตัวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายดังเช่นทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนที่งานสำเร็จตามคาดการณ์ และการที่ตำรวจรู้เบาะแสเรื่องการส่งสินค้าเป็นเพราะมีสายข่าวนำความไปบอก เพื่อจะได้วางกำลังบุกเข้าจับกุมรถขนสินค้าคันดังกล่าว แล้วตำรวจก็บุกจับได้สำเร็จ
ส่วนเรื่องที่จะโบ้ยความผิดให้ปัญญากับคชา แผนการไม่ได้ซับซ้อนณัฐพรวางแผนเรื่องนี้มานานกว่าสองปี เริ่มต้นด้วยการให้วิเศษหลอกให้ปัญญาไปเปิดบัญชีธนาคาร อ้างว่าจะเก็บเป็นเงินออมให้พอเกษียณจะได้มีเงินใช้ยามแก่ วิเศษยึดสมุดบัญชีไว้กับตัวเองบอกปัญญาอีกว่า จะมอบให้ในวันที่ปัญญาเลิกทำงานกับตน ปัญญาหลงเชื่อสนิทใจ ไม่ระแคะระคายใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อยึดสมุดบัญชีมาอยู่กับวิเศษได้แล้ว ณัฐพรก็เริ่มแผนต่อมา เคลื่อนไหวบัญชีของปัญญาด้วยเม็ดเงินที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทต่อปี ทำให้เหมือนกับว่าปัญญาทำธุรกิจมืดอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ ณัฐพรยังเปลี่ยนชื่อในการติดต่อกับลูกค้าทุกรายเป็นชื่อปัญญาแทนชื่อบิดาของตน ให้เหตุผลว่า แท้จริงแล้วปัญญาคือเจ้าของธุรกิจ หาใช่วิเศษที่ถูกแอบอ้างชื่อมาตลอดหลายปี
ด้วยหลักฐานที่ณัฐพรสร้างขึ้นก็มากพอทำให้ปัญญากับบุตรชายเข้าคุก เนื่องจากปัญญาคงหาเหตุผลมากล่าวอ้างไม่ได้ว่า เงินในบัญชีที่เคลื่อนไหวจำนวนมากนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่จะให้มั่นใจมากขึ้น งานนี้ต้องมีพยาน เธอจึงจ้างวานปุ่น ลูกน้องคนหนึ่งของบิดาที่ติดตามปัญญาไปส่งของครั้งนี้ด้วย ให้ซัดทอดหลังจากต้องทำให้ตนเองถูกจับว่า ปัญญาคือหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธสงครามและค้ามนุษย์ ไม่ใช่วิเศษที่ถูกแอบอ้างชื่อ
ยังมีหลักฐานอีกหนึ่งอย่างที่ถูกสร้างขึ้นคือ วิเศษไว้วานให้ปัญญาไปติดต่อธุรกิจการซื้ออาวุธสงครามกับมิสเตอร์จิวเหลียงที่ประเทศจีนแทนตน แล้วแอบอัดคลิปช่วงเวลาติดต่องานเอาไว้ ทำให้ตำรวจที่ได้หลักฐานทั้งหมดเชื่อว่า ปัญญาคือหัวหน้าขบวนการตัวจริงเสียงจริง แล้วถ้าหากตำรวจมาสอบสวนวิเศษ ณัฐพรก็เตรียมคำตอบไว้ให้บิดาแล้ว รับรองว่าด้วยหลักฐานทั้งหมด ตำรวจจะสาวมาถึงตัววิเศษไม่ได้
คนที่แอบฟังอยู่ใจเต้นแรง กัดฟันกรอด กำมือแน่น แน่นเสียจนตัวคชาสั่น ความแค้นวิ่งเข้าสู่จิตใจคชา เขาไม่คิดว่า บุคคลที่ตนกับบิดามอบความไว้วางใจให้คิดทรยศด้วยการโยนความผิดใส่ นี่หรือคือผลตอบแทนความซื่อสัตย์ที่เขากับปัญญามอบให้มาตลอดหลายสิบปีที่ทำงานด้วย ความจงรักภักดีที่มีให้วิเศษกับครอบครัวไม่หลงเหลืออีกแล้ว มีความแค้นเข้ามาแทนที่
“พวกมึงทรยศกูกับพ่อ กูจะเอาคืนให้สาสม”
คชาเปลี่ยนความตั้งใจขอความช่วยเหลือ เป็นอาฆาตแค้น จ้องมองวิเศษด้วยสายตาเกลีดชัง ก่อนจะค่อยๆ เดินห่างประตูบานนั้น ใช้ความมืดในยามราตรีกาลพาตัวเองออกไปจากบ้านหลังนี้ คชาสาบานกับตัวเองว่า เขาจะกลับมาเอาคืนวิเศษให้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับปัญญา
ใครดีมาคชาดีกลับ แต่ถ้าร้ายมาเมื่อไหร่ เขาจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า...
ปัง…
เสียงปิดประตูรถดังลั่น ก่อนที่คนทำให้เกิดเสียงจะก้าวเดินเข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิด ใบหน้าบึ้งตึงราวกับไปกินรังแตนมาสักสิบรัง เหวี่ยงกระเป๋าใบหรูราคาหลายหมื่นบาทลงบนพื้น ทำอย่างกับว่าเป็นของราคาไม่กี่บาท รวมทั้งสองเท้าส้นสูงเธอก็เหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ลำบากชะเอมสาวใช้ที่ต้องคอยเก็บของให้เจ้านายสาว
“ทำไมพิมทำนิสัยแบบนี้ล่ะ อารมณ์ไม่ดีจากที่อื่นแล้วมาทำแบบนี้ มันไม่ดีเลยนะ ที่หลังอย่าทำอีก พ่อไม่ชอบ” สกลกล่าวเตือนบุตรสาว ที่นับวันจะเอาแต่ใจมากขึ้น
“ก็คนมันหงุดหงิดนี่คะ ก็ต้องหาที่ระบายไม่งั้นพิมคงอกแตกตาย” พิมประภาไม่ยี่หระกับคำเตือน ทำเป็นไม่สนใจด้วยซ้ำ
“คุณพี่อย่าไปว่าพิมเลยค่ะ ลูกอารมณ์ไม่ดี ทำแบบนี้ก็ไม่เห็นแปลก อีกอย่างนางชะเอมก็เป็นคนรับใช้ของเรา จะตามเก็บข้าวของของพิมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่คะ”
สกลหันมามองหน้าภรรยาแล้วส่ายหน้า เขาระอากับการเข้าข้างลูกสาวของจิตราวดีมาก ไม่ว่าพิมประภาจะทำผิดอะไร คนเป็นแม่มักให้ท้าย ไม่เคยเตือนหรือดุด่าสักคำเดียว ไม่แปลกที่พิมประภาจะนิสัยเสีย
“จริงอย่างที่คุณแม่พูดค่ะ” คนถูกให้ท้ายยังไม่รู้สำนึก “คุณแม่คะ พิมอยากได้เงินสองล้าน คุณแม่วานไปบอกพี่เจตต์ให้พิมด้วยนะคะ พิมต้องการใช้พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง”
“จะเอาเงินไปใช้อะไรตั้งสองล้าน เมื่อวันก่อนเจตต์เพิ่งให้ไปแปดแสนไม่ใช่เหรอ” สกลถามเสียงขุ่น สีหน้าตกใจกับจำนวนเงินที่ลูกสาวต้องการ
“ก็มันมีเรื่องต้องใช้นี่คะ เป็นเรื่องที่พิมไม่อยากบอกด้วยว่าเรื่องอะไร” พิมประภาตอบแบบกวนๆ
“คุณพี่จะอยากรู้ไปทำไมคะว่าพิมเอาเงินไปใช้อะไร พิมขอก็ให้ๆ ไปก็จบเรื่อง เงินแค่สองล้านเอง”
แทนที่จิตราวดีจะโวยใส่บุตรสาวที่ใช้เงินอย่างกับเบี้ย กลับหันไปต่อว่าสามีที่ทำหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจพิมประภา นับวันเขายิ่งเห็นใจเจษฎา ลูกชายคนโตที่ต้องแบกภาระหลายอย่างไว้บนบ่า รวมทั้งสองแม่ลูกเอาแต่ใจด้วย