ตอนที่ 8
เลื่อมลนินไม่อาจตอบคำถามนี้ได้ มันอยู่ในใจลึกของหล่อนอย่างมาก ไม่กล้าตอบ ไม่อยากบอกใคร หล่อนเลยต้องซ่อนซุกไว้ในเบื้องใจลึกที่สุด ลึกสุดขนาดที่แม้แต่กบิณฑ์ก็ควานหามันไม่เจอ
กบิณฑ์ตามหาหล่อน
“เลิกงานแล้ว คุณมายืนอยู่ที่นี่หรือ”
“ค่ะ จะใช้ให้ทำอะไรนอกเวลางานงั้นหรือคะ”
“นี่ ไม่ต้องมารวนผมนะเลื่อมลนิน ผมถามดีๆ”
“ฉันก็ตอบดีเหมือนกัน” หล่อนยักไหล่ไม่แคร์ ไม่ยี่หระ
“นี่มันรวนชัดๆ” หนุ่มหล่อเอ่ยว่าสีหน้าตึง
“ค่า ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร คุณมีอะไรจะพูดกับฉันหรือถามฉัน”
“ผัวจะพูดกับเมียมันผิดตรงไหน มีกฎหมายหวงห้ามด้วยหรือ”
“อุ๊ย คุณสำคัญผิดไปแล้วล่ะค่ะคุณกบิณฑ์ขา ดิฉันมันนางบำเรอ ไม่มีอะไรต้องคิด แหม อุตส่าห์สงเคราะห์ให้เป็นเมียนะคะเนี่ย เลื่อนขั้นหรือเปล่า อุ๊ย ดิฉันจะได้แอบดีใจล่วงหน้าไว้ ที่นางบำเรอก็มีสิทธิ์เลื่อนขั้นเป็นเมียได้เหมือนกัน แบบนี้คุณนายพิณอำพันไม่หัวใจวายตายไปหรือคะ อุตส่าห์เคืองอุตส่าห์แค้นขนาดนั้น”
“นี่เลื่อมลนินผมสั่ง ผมบอกคุณแล้วว่า ไม่ต้องพาดพิงมาถึงแม่ของผม”
“แล้วพ่อของฉันล่ะคะ พ่อของฉันไม่ใช่คนหรือยังไง ที่ไม่สามารถให้อภัยต่อความผิดนี้ได้ ถึงได้ถูกกระทำจากคุณด้วยเล่ห์อุบาย พยายามตะล่อมให้พ่อฉันเสียการพนัน แล้วก็สะใจคุณ” เลื่อมลนินเถียงกลับไปบ้าง
“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ก็พ่อเธอเป็นอย่างนั้น”
“กรุณาให้เกียรติคนที่เป็นพ่อตาคุณด้วยค่ะคุณกบิณฑ์ ในเมื่อฉันเป็นนางบำเรอ มีผัว คุณก็มีสิทธิ์มีพ่อตาด้วยเหมือนกัน” เลื่อมลนินเตือนเขาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“ถึงพ่อฉันจะเป็นอย่างไร ก็เป็นพ่อฉันวันยังค่ำ”
“รู้แล้วน่า” เขาตัดบทพูดอย่างน่ารำคาญ
“แค่เจอหน้าผม คุณก็ยียวนพูดใส่เลยนะ”
“ช่วยไม่ได้ ฉันก็ถือว่าคุณเป็นศัตรูเหมือนกัน”
“ผัวนี่นะ” เขาชี้มือมาที่ตัวเอง
“ที่คุณคิดว่าเป็นศัตรู”
“อุ๊ย ทำอย่างกับคุณเป็นที่รักหรือที่พิศวาสของฉันตายล่ะ ฉันก็อยากจะให้คุณตรอมใจตายเหมือนอย่างที่ฉันและพ่อกำลังเป็นเหมือนกัน”
“คุณจะทำอะไรกันเลื่อมลนิน”
“เดี๋ยวคุณก็รู้อีกไม่นานหรอก”
“ลากเข้าห้องเดี๋ยวนี้ดีไหมเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโมโหเอาเรื่องเอาอารมณ์
“อุ๊ย ถ้าคุณทำอย่างนั้น ก็เหมือนกับว่าคุณเปิดประตูแพ้ให้แก่ตัวเองบานแรกเลยล่ะคุณกบิณฑ์”
เขาอึ้ง วาจาของเลื่อมลนินคมเข้มกรีดแทง หล่อนทำได้เจ็บแสบมาก เต็มไปด้วยไฟแห่งอาฆาตแค้นที่มีต่อเขาเช่นกัน เขาถอนหายใจ เบื่อ เบื่อยิ่งนักกับการที่ได้มาพบเจอหน้าหล่อน ต้องมาทุ่มเถียงทะเลาะกัน แต่ว่าคิดอีกทีมันก็ดีเหมือนกันนี่ เหมือนชีวิตนี้มีรสชาติดีพิลึก วันไหนไม่ได้ทะเลาะหรือเถียงกับเมียกบิณฑ์นอนไม่หลับ เฮ้อ เป็นงั้นไป
เลื่อมลนินยืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่างกระจกลวดลายสลักบานนั้น หันตัวไปมองวิวเบื้องนอกของขอบฟ้า ที่แสงอาทิตย์ใกล้จะลาลับกลางกรุงคอนกรีต ที่เต็มไปด้วยตึกรามโอฬารเช่นนี้
“ขี้เกียจเถียงทะเลาะกับคุณแล้วไปดีกว่า” เขาหันมาทางหล่อนแล้วยิ้มให้
“แล้วจะกลับมาใหม่” หล่อนค่อนใส่เขาตามหลัง
“ถ้าไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีกก็ได้ค่ะคุณกบิณฑ์ จะเป็นพระคุณอย่างสูง”
เขาไปแล้วจริงๆ หล่อนหายใจโล่งอก นี่คือการเริ่มแผนที่ฟาดฟันของหล่อน เลื่อมลนินไม่ยอมตกเป็นคนอ่อนแอที่ไม่ยอมสู้หรอก นี่คือวิธีการสู้อย่างหล่อนที่ต้องสู้อย่างหมาจนตรอกก็ตาม หล่อนคิดว่าหล่อนจะต้านทานกบิณฑ์และรับมือของคุณพิณอำพันได้อย่างแน่นอน
และเพียงไม่นานนักความมืดก็ได้ปกคลุมมาอย่างรวดเร็วนักและหล่อนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แสงไฟนวลสาดมา เขาคงเป็นคนเปิด และร่างของเขาก้าวมาอีกครั้ง แต่หล่อนก็ยังผินหน้าไปมองข้างนอกอย่างเลื่อนลอยและเหว่ว้าเหลือเกินในใจลึกๆ
“คุณยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ ไม่นึกอยากเปลี่ยนอิริยาบถหรือไง วันนี้ทำงานวันแรก เท่าที่ผมดูคุณก็ใช้ได้”
“ค่ะ ดิฉันก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันกับการทำงานวันแรกนี่ล่ะ”
เลื่อมลนินยอมที่จะผินหันหน้าไปมองเขาอีกครั้ง ที่พาตัวเองเดินมาเกือบใกล้ร่างของหล่อน หล่อนเอ่ยด้วยคำพูดเหงาเศร้าและขมขื่นใจไม่น้อย
“แต่ฉันก็ทำได้ค่ะ จะอดทน คุณไม่ต้องกลัวว่าฉันจะใจเสาะหรอก เพราะดิฉันจะใช้เรี่ยวแรงตัวเองให้ตายคาไปกับงานของคุณเลย ฉันจะอุทิศให้”
“ไม่ต้องถึงกับขนาดนั้นก็ได้เลื่อมลนิน แค่ว่าคุณทำงานเป็นผมก็ดีใจแล้ว”
“อุ๊ย ฉันรู้ดีนี่ เพราะคุณกับแม่คุณต้องรวมหัวให้ฉันทำงานหนักอยู่แล้ว ฉันก็คิดไว้ก่อน”
“อย่าคิดมากน่า” เขาบอก
“ถ้าคุณเหนื่อย คุณก็พักผ่อนสิ” หล่อนเงียบ เขาพูดอย่างนี้ก็มีเหตุผลเหมือนกัน ถ้าเขาห่วงหล่อนจากความจริงใจ หล่อนกลัวว่าไม่ใช่อย่างนั้น เลื่อมลนินต้องการพักผ่อนเหมือนกัน อีกชั่วครู่หล่อนจะไป
พัณสินีรู้ข่าวแล้วว่าเพื่อนรักของหล่อนอยู่ที่ไหน จักราวุธเป็นคนโทร.มาบอก
“ว่าไงล่ะอิงค์ ยัยเลื่อมอยู่ที่ไหน สบายดีไหม”
“เลื่อมตอบว่าอยู่ที่กรุงเทพ แต่ไอ้สบายใจดีหรือไม่ดี อิงค์ก็ไม่รู้หรอก แต่ฉันก็รู้เพียงแต่ว่าคำพูดของเลื่อมไม่สู้ดีนัก”
“ฉันก็พอจะได้ยินข่าวว่าเลื่อมโชคร้ายถูกพ่อขายนี่นา ฉันเองก็ไม่นึกเลยว่าคุณอาอย่างพ่อเลื่อมจะเป็นอย่างนั้น สงสารเพื่อนรักของฉันเหลือเกิน โธ่เอ๊ยเลื่อม”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นเลื่อมเพื่อนเราคงทุกข์ทรมานมากล่ะ ถ้าต้องตกเป็นเหยื่อของการแก้แค้น” จักราวุธว่า
“แหม แต่ว่านายเศรษฐีใจป้ำคนนี้คงดีพิลึกล่ะ ที่กล้าคว้าควักเงินมาซื้อเพื่อนเรา ฉันพอจะเคยเห็นหน้า เธอเอ๋ย หล่อสุดๆ เชียวล่ะ แฟนคนนี้ของไอ้เลื่อม สาวๆ ก็รุมตอมแล้วก็หลง แต่เขาว่าร้ายกาจ สุดท้ายมาคว้ายัยเลื่อมของเราไปเป็นเจ้าของ” แพนหรือพัณสินีว่า
“แต่เลื่อมตกเป็นเหยื่อของการแก้แค้นมากกว่า”
“มันก็จริงอย่างว่านั่นล่ะ ตกกระไดพลอยโจนจริงเพื่อนฉัน ต้องโทษคุณอานิลาศจริงๆ ที่ทำอย่างนั้นกับเพื่อนเรา” พัณสินีเริ่มตีโพยตีพายไปยังพ่อของเลื่อมลนินที่ขายเพื่อนรักของหล่อน ชดใช้หนี้สินการพนันและกิจการการค้าที่ล้มละลาย หลังจากพูดคุยกันอีกสักพักจึงวางสายไป