“หึ! เธอก็เป็นเหมือนที่คนอื่น ๆ เค้าพูดกันสินะไผ่หลิวว่าเธอก็เอาแต่เล่นสนุกกับผู้ชายไปทั่วแต่ไม่คิดจะจริงจังกับใครเลยสักคน ไอ้นี่ก็คงจะเป็นของเล่นใหม่ของเธอล่ะสิ”
“ฉันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉัน ถ้านายยังไม่หยุดก่อนกวนฉันจะโทรแจ้งตำรวจนะทั้งข้อหาบุกรุกและก็ทำร้ายร่างกายด้วย!”
“คิดว่าฉันกลัวหรือไง เธอก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใคร” ราเชนยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย
“ไม่กลัวตำรวจก็กลัวนักข่าวไว้บ้างก็ได้นะ พ่อนายก็คงไม่พอใจเท่าไรหรอกถ้าลูกชายจะมีข่าวฉาวในช่วงที่กำลังสำคัญแบบนี้น่ะ”
“เธอ!” ราเชนชี้หน้าไผ่หลิวอย่างหัวเสียเป็นที่สุด
“จะไปไม่ไป ฉันมีเพื่อนเป็นนักข่าวนะจะใส่สีตีไข่ให้เละเลยคอยดู!”
“เออไปก็ได้วะ!!”
ราเชนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปด้วยความโมโหที่ทำอะไรหญิงสาวไม่ได้เลย ผู้หญิงคนเดียวถ้าต้องแลกกับชื่อเสียงครอบครัวเขายังไงก็ไม่คุ้มเสียหรอก
“นาย… เจ็บมั้ย?” ไผ่หลิวหันไปถามนักรบทันทีหลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับมาปกติแล้ว
“…”
“ไม่มีมือมีเท้าหรือไง! ไอ้หมอนั่นต่อยทำไมนายไม่สวนไป ยืนนิ่งยอมโดนต่อยอยู่ได้ เนี่ยเลือดออกเลยเห็นมั้ย”
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรไผ่หลิวก็อดที่จะบ่นเขาไม่ได้ ตัวก็สูงกว่าแทนที่จะสวนกลับไปสักหมัดสองหมัด แต่นักรบกลับยืนนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น
“ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่” เขาพูดเสียงเบา พร้อมกับจับที่มุมปากของตัวเองและพบว่ามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
“ไปที่ห้องฉันสิเดี๋ยวจะทำแผลให้ ถือว่าเป็นการขอโทษที่ต้องมาซวยเพราะฉันก็แล้วกัน”
“อืม…”
นักรบตอบสั้น ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่ออีกหลังจากนั้น ได้แต่เดินตามหญิงสาวตรงหน้าไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ อันที่จริงแผลเขาก็ไม่ได้ใหญ่มากถึงขนาดจะต้องมานั่งทำแผลอะไรกันหรอก แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันถึงได้ตอบตกลงแบบนั้นออกไป
อาจจะเป็นเพราะ… ว่างมั้ง
แกร๊ก~
“เข้ามาสิ… ห้องฉันไม่รกหรอกนะบอกไว้ก่อน” ไผ่หลิวเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้นเพื่อให้คนตัวโตเดินเข้ามาได้
“กลิ่นอะไร?” นักรบพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้องของหญิงสาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เตะจมูกในทันทีที่เข้ามาทำให้เขาอดจะถามขึ้นไม่ได้
“หะ? อ๋อ… ก้านหอมที่ฉันวางไว้ตรงทางเข้าละมั้ง ก็แบบเวลาที่เข้าห้องมาแล้วมีกลิ่นหอมต้อนรับมันดูสดชื่นดี” เธอหันมาตอบพร้อมกับชี้ไปที่ชั้นที่อยู่ติดกับประตูห้อง “นายมานั่งรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันไปหยิบของมาทำแผลให้” ก่อนจะบอกให้นักรบนั่งรอเธอที่โซฟาตัวใหญ่สีขาว
เมื่อเดินมาถึงก็อดจะเลิกคิ้วแปลกใจอีกไม่ได้ เพราะโซฟาตัวนี้ขนาดใหญ่มากจริงๆ แถมยังมีหมอนและผ้าห่มพับไว้ข้าง ๆ อีกด้วย ทำอย่างกับว่าตรงนี้เป็นที่นอนของใครสักคนอย่างนั้นแหละ จะของเจ้าของห้องเองหรือว่าของคนที่เธอพามากันล่ะ
แต่จะเป็นของใครก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่ดีนั่นแหละ
นักรบสลัดความสงสัยของตัวเองออกไปก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวนั้น
ไม่นานหญิงสาวก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องยาขนาดกำลังพอดี เธอมานั่งข้าง ๆ นักรบและหยิบจับอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาทำให้เขาอย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าเธอทำเรื่องพวกนี้บ่อยจนชิน
“เรียบร้อยแล้ว…” ไผ่หลิวพูดเสียงเบาพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ลงกล่องไปด้วย “ขอโทษนะสำหรับเรื่องวันนี้ นายเลยเจ็บตัวไปด้วยเลย”
“ไม่เป็นไร…”
“ห้องฉันมีไวน์อยู่อยากกินด้วยกันมั้ย… ย้อมใจเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ” เธอลองถามเขาไปอย่างนั้นเองแหละไม่ได้คาดหวังอะไร ก็แค่เห็นว่าบังเอิญมาซวยด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วอีกอย่างมีคนนั่งกินด้วยก็คงจะดีกว่ากินคนเดียว
อยู่คนเดียวไผ่หลิวคงจะเหงาน่าดู… ยิ่งตอนที่กรึ่ม ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว
“กินที่งานมามากขนาดนั้นยังไม่พออีกหรือไง”
“มันคนละเรื่องกันนี่ ที่งานนั่นฉลองให้เพื่อนฉันส่วนอันนี้กินให้กับเรื่องเมื่อกี้… ไม่กินก็ไม่ว่านะเดี๋ยวฉันลงไปส่งนายข้างล่าง”
“ไปหยิบมาสิ ไวน์ของเธอน่ะ”
รู้ตัวอีกทีนักรบก็นั่งกินไวน์กับไผ่หลิวอยู่ตรงระเบียงของห้องเธอพร้อมกับมองวิวเมืองหลวงยามค่ำคืนด้วยกัน เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไปตบปากรับคำกับหญิงสาวได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้กับใครเสียหน่อย
อาจจะเป็นเพราะแว็บหนึ่ง นักรบเหมือนจะเห็นความเหงาจากดวงตาคู่สวยเข้าล่ะมั้ง ซึ่งมันขัดกับน้ำเสียงอวดเก่งมั่นใจแบบที่เธอแสดงออกมาอยู่ตลอดก็เลยเหมือนจะตกหลุมพลางหญิงสวยตรงหน้าเข้าให้น่ะสิ
“พอได้แล้ว…”
นักรบหันไปห้ามไผ่หลิวตอนที่เธอกำลังจะเทไวน์ลงแก้วอีกครั้ง นี่เป็นขวดที่สองหรือสามเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะตัวเองก็เหมือนจะเมาอยู่ไม่น้อย ส่วนไผ่หลิวน่ะเหรอ… เมาจนดวงตาคู่สวยแทบจะปิดอยู่แล้ว
“ฉันน่ะคุยเล่นกับคนอื่นไปทั่วแบบที่หมอนั่นบอกจริงๆ นั่นแหละ
ฮะ ๆๆๆ”
ไผ่หลิวพูดขึ้นมาพร้อมกับเอนหัวอันหนักอึ้งของเธอซบไปที่ไหล่ของนักรบ ซึ่งคนตัวโตก็ไม่ได้ผลักออกแต่อย่างใดและก็ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไปด้วยเหมือนกัน
“…”
“ฉันจริงจังกับใครไม่ได้หรอก ฉันกลัว… กลัวการที่ต้องรักใครสักคนจนหมดหัวใจ แล้วก็กลัวด้วยว่าถ้าเกิดฉันมีรักครั้งใหม่แล้วฉันจะลืมใครบางคนไว้ข้างหลัง กลัวว่าตัวเองจะเสียใจแล้วก็กลัวคนอื่นเสียใจเพราะฉันด้วยเหมือนกัน มันกลัวไปหมดเลย ฮรึก~”
หยดน้ำสีใสค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ไผ่หลิวหลับตาลงอย่างอ่อนล้าพร้อมกับคราบน้ำตาที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอ
นักรบนั่งมองหน้าไผ่หลิวที่ตอนนี้คงจะหลับสนิทไปแล้วด้วยความเมาในขณะที่หัวของเธอก็ยังซบอยู่ที่ไหล่ของเขาอยู่อย่างนั้น เขารู้จักไผ่หลิวอยู่บ้างตั้งแต่สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของโมอาแฟนของรันเวย์ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาอีกที และอีกอย่างไผ่หลิวเองก็มีชื่อเสียงในมหาลัยอยู่เหมือนกัน
ตัวท็อปของคณะบริหารที่เปลี่ยนคนคุยไปเรื่อย!
ผู้หญิงที่รักสนุกไม่คิดจะจริงจังกับใคร ถ้าผู้ชายคนไหนที่คุยด้วยเริ่มจะจริงจังกับเธอ ไผ่หลิวจะชิ่งเทก่อนทันที
เขาก็เพิ่งจะได้รู้วันนี้ว่าไผ่หลิวไม่ได้รักสนุกแบบที่เธอแสดงออกหรือแบบที่ใครเขาพูดกัน คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างเขาในตอนนี้ดูเปราะบางกว่าที่คิดไว้แถมยังดูขี้เหงามาก ๆ อีกด้วย แต่เธอก็ปิดบังมันไว้ด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจที่เธอสร้างมันขึ้นมา
พอได้มาเจอไผ่หลิวในมุมนี้มันกลับทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูน่าค้นหาเป็นอย่างมากสำหรับนักรบ อะไรทำให้คนตัวเล็กมีแต่ความกลัวอยู่เต็มหัวใจขนาดนั้นกันล่ะ… แต่ในขณะเดียวกันก็ดูน่าปกป้องด้วยเหมือนกัน เหมือนแก้วร้าวที่ดูพร้อมจะแตกสลายได้ตลอดเวลาต่อให้เธอพยายามทำตัวเข้มแข็งขนาดไหนก็ตาม
นักรบค่อย ๆ ช้อนตัวร่างบางขึ้นแล้วพาเข้าไปนอนในห้องนอนของเธอ จัดแจงห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา เขากดมือถือโทรหาคนขับรถของที่บ้านให้มาขับรถให้ ถึงเขาจะไม่ได้เมาจนกลับเองไม่ไหวแต่นักรบในตอนนี้ที่กินไวน์กับคนตัวเล็กไปเยอะพอสมควรก็ไม่ควรที่จะขับรถเองด้วยเหมือนกัน
ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกอยู่แล้ว… และไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับนักรบนั้น คิดว่าพรุ่งนี้พอหายเมาแล้วความรู้สึกเหล่านี้ก็คงจะหายตามไปด้วยเหมือนกัน มันก็แค่ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นตอนเมาเท่านั้นแหละ