นักรบ’s Part
ทำไมไผ่หลิวถึงมาอยู่ที่นี่!
ตรงหน้าผม…
ไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันอีกครั้งแถมยังต้องทำงานร่วมกันอีก
จู่ ๆ ภาพผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นก็วนกลับเข้ามาในหัว พาลทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“สวัสดีครับคุณนักรบ….”
แต่ทุกอย่างก็จบลงเมื่อผมต้องหันกลับมาตามเสียงเรียกของภูวินผู้ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดคนใหม่
“ครับ”
ผมรับคำสั้น ๆ เพราะว่าเป็นคนไม่ชอบพูดเยอะมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ก่อนจะเข้ามาวันนี้ผมได้ศึกษาเนื้อหางานที่จะต้องมาดูแลต่อคร่าว ๆ รวมไปถึงพนักงานที่จะต้องทำงานร่วมกัน แต่เท่าที่ดูมาไม่เห็นจะมีไผ่หลิวเลย แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ได้นะ จะว่าดูพลาดไปก็คงไม่ใช่… เพราะถ้าเป็นเธอยังไงก็ต้องสะดุดตาอยู่ดี
“ส่วนห้องทำงานของคุณนักรบผมเตรียมไว้ให้อยู่อีกด้านหนึ่งนะครับ เพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย” คุณพิเชษฐ์เลขาของพ่อผมพูดขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังสุดทางเดินของชั้นนี้ ซึ่งผมเองก็มองตามไปแล้วพยักหน้ารับรู้ก็เท่านั้น
“คุณนักรบจะเริ่มงานวันนี้เลยมั้ยครับ ผมจะได้เตรียมห้องประชุมแล้วพาทีมไปแนะนำตัวกันก่อน” ภูวินพูดขึ้นอีกครั้ง
“อืม… แบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมตามเข้าไป” ผมพูดเสร็จก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานใหม่ของตัวเองเพื่อเช็กความเรียบร้อยเสียหน่อย
“อ้าว! ไหนตอนแรกบอกผมว่าวันนี้จะยังไม่เริ่มงานยังไงล่ะครับ” คุณพิเชษฐ์ที่เดินตามมาติด ๆ ถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะในตอนแรกผมตั้งใจว่าจะเข้ามาดูเบื้องต้นและแนะนำตัวก็เท่านั้น
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว” ผมได้แต่ตอบไปสั้น ๆ เหมือนอย่างเคย
แกร๊ก~
หลังจากนั้นไม่นานผมก็เดินเข้ามาที่ห้องประชุมที่ตอนนี้มีทีมของคุณภูวินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รวมถึงผู้หญิงผมสีแดงสะดุดตาคนนั้นด้วย…
“เดี๋ยวผมไล่แนะนำทีมให้รู้จักก่อนนะครับ คนนี้ชื่อ…” แล้วคุณภูวินก็แนะนำทีมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงคนสุดท้ายที่ดูเหมือนว่าตัวผมเองจะตั้งตารอเป็นพิเศษ
“ส่วนคนนี้ชื่อไผ่หลิว เพิ่งมาทำงานวันแรกครับ ที่จริงเธอเป็นรุ่นน้องของผมตั้งแต่มัธยมแล้ว และผมเห็นว่าเธอเพิ่งจบปริญญาโทด้านนี้มาโดยตรงก็เลยทาบทามให้ลองมาทำงานด้วยกันดูครับ”
เพิ่งเข้ามานี่เอง…
ถึงว่าตอนที่ดูประวัติพนักงานถึงได้ไม่เจอเธอ
หลังจากที่คุยกับตัวเองในใจเสร็จผมก็พยักหน้ารับรู้เพื่อตอบกลับคุณภูวินไป จากที่ฟังเขาแนะนำทีมแล้วบวกกับที่ผมดูผลงานที่ผ่านมาก็คิดว่าไม่น่าจะติดปัญหาอะไรและการร่วมงานกันก็น่าจะราบรื่นดี
“มันจะมีโปรเจกต์คอมมูนิตี้แห่งใหม่ที่พัทยาที่เดี๋ยวจะมีงานเปิดตัว ผมอยากให้คุณภูวินไปร่วมงานเพื่อดูภาพรวมและศึกษาแขกที่มาร่วมงานก่อนจะกลับมาทำแผนเพื่อโปรโมทต่อไปด้วยครับ ที่จริงงานนี้จะมีแค่แขกวีไอพีเท่านั้นเพราะว่าเรายังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ว่าคนที่เข้าร่วมงานจะเป็นลูกค้าคนสำคัญของทางบริษัทเราด้วย”
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของวันนี้สำหรับผมแล้วล่ะมั้ง แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อทำงานผมก็ต้องจริงจัง ต่อให้ไม่ชอบพูดแต่ถ้าเป็นเรื่องงานก็คงจะต้องแยกแยะแหละนะ
“ผมไปคนเดียวหรือครับ หรือว่าพาทีมไปด้วยได้”
“หาคนไปเป็นเพื่อนสักคนก็ได้” ผมตอบกลับไป ไม่อยากให้พากันไปทั้งทีมเพราะเหมือนแค่ไปสังเกตการณ์ก็เท่านั้น
“รับทราบครับ! ส่วนเรื่องรายละเอียดงานอื่น ๆ เดี๋ยวผมคุยกับคุณนักรบส่วนตัวก็ได้ครับ ทีมจะได้ไปทำงานกันต่อ”
“อืม…” ผมตอบรับเหมือนอย่างเคย
ไผ่หลิว’s Part
“คุณนักรบนี่หล่อมากเลยเนอะ เคยได้ยินแต่คนพูดกันว่าลูกชายประธานหล่อมาก เพิ่งจะเคยเจอตัวจริงก็วันนี้”
ลูกเกดรีบมากระซิบใส่ฉัน (อีกแล้ว) ทันทีที่พวกเราเดินออกมาจากห้องประชุม ถ้าถามว่าหล่อไหม? ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาน่ะดูดีมาก ตอนมหาวิทยาลัยว่าหล่อมากแล้วพอมาตอนนี้ที่อยู่ในลุคผู้บริหารก็ยิ่งดูดีไปกันใหญ่ หน้านิ่ง ๆ พูดน้อย ๆ นั่น ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเขาได้หรือเปล่านะ?
“แบบนี้สเป็คเธอเลยหรือเปล่าล่ะ?” ฉันแกล้งถามออกไป เพราะเห็นลูกเกดดูตื่นเต้นกับนักรบเป็นอย่างมาก
“บ้า! ฉันก็แค่ชื่นชมก็เท่านั้นย่ะ ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่ก็ดูน่ากลัวเหมือนกันนะ คุณนักรบดูนิ่งมากเลยแก”
“ฮ่า ๆๆ อย่างนั้นเหรอ? ไป ๆ ทำงานกันเถอะ เธอยังต้องแนะนำงานให้ฉันอีกเยอะเลยยัยลูกเกด ส่วนเรื่องผู้ชายไว้เม้าท์หลังเลิกงานก็แล้วกันนะ คิคิ” ฉันพูดพร้อมกับเดินดันหลังของลูกเกดให้เดินไปยังโต๊ะทำงาน
“เบาหน่อยก็ดี มาวันแรกคิดจะหาลู่ทางใหม่แล้วเหรอ” แต่ว่ายังไม่ทันเดินไปถึงไหน เสียงค่อนขอดจากนายภัทรคนเดิมก็พูดขึ้นมาในตอนที่เดินผ่านฉันไป
“นี่!! พูดแล้วก็อย่าเดินหนีกันสิ” ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็กำลังจะเดินตามไปถามให้รู้เรื่อง แต่ก็ถูกลูกเกดดึงแขนไว้เสียก่อน
“อย่าเลยไผ่หลิว ปล่อยหมอนั่นไปแหละ”
“ก็หมอนั่นว่าฉันนี่! ฉันถามจริงเถอะลูกเกด นายภัทรนั่นเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ แล้วปากแบบนั้นทำงานร่วมกับคนอื่นมาได้ยังไงกัน” ฉันถามพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไปด้วย
เพิ่งมาวันแรกนะไผ่หลิว ท่องไว้!
“ที่จริงภัทรก็ไม่ใช่คนปากเสียหรอกนะ”
“เหรอออออออ~” ฉันพูดแทรกทันทีก่อนที่ลูกเกดจะได้พูดต่อ แบบนี้ไม่เรียกปากเสียให้เรียกอะไร ปากหมาหรือไง!
“ใจเย็นๆ สิ… ฉันกำลังจะเล่าให้ฟังเนี่ย”
“ก็ได้! เล่ามาสิ”
“ก่อนหน้านี้ภัทรเขาอยู่ทีมมาร์เก็ตติ้งอีกทีมน่ะเป็นพวกฝ่ายกลยุทธ์ ก่อนที่พี่ภูจะมาดูแลทีมนี้แล้วเหมือนว่าภัทรเองก็ทำงานดีก็เลยได้ทาบทามว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ว่าจู่ ๆ เหมือนผิดใจกับหัวหน้าทีมฝั่งนั้นละมั้ง อันนี้รายละเอียดฉันก็ไม่แน่ใจ แต่รู้มาว่าสุดท้ายหัวหน้าทีมเอาคนสนิทของตัวเองมาแทนตำแหน่งที่ภัทรจะได้ขึ้น แถมภัทรเองก็ยังโดนย้ายให้มาอยู่ทีมใหม่นี้อีก ภัทรก็เลยอาจจะมีปัญหากับเธอเพราะเข้าใจว่าเป็นเด็กเส้นอะไรแบบนั้นละมั้ง”
“ว๊อททท? แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย แบบนี้มันคนพาลชัด ๆ เลยนี่
ถึงฉันจะรู้จักกับพี่ภูมาก่อน แต่เข้ามาทำงานฉันก็มาสมัครตามปกติแล้วก็สัมภาษณ์งานเหมือนคนอื่นนะ! ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ เดินเข้ามานั่งทำงานเลยเสียที่ไหนกัน”
พอได้ฟังลูกเกดเล่าเรื่องของนายภัทรฉันก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ปัญหาของตัวเองจัดการไม่ได้ก็เลยมาพาลใส่คนอื่นเนี่ยนะ! นี่เขายังไม่โตหรือไงกัน
“ฉันว่าเดี๋ยวพอทำงานด้วยกันไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกนะไผ่หลิว” ลูกเกดยังคงพูดพร้อมกับพยายามจับแขนฉันไว้หลวม ๆ ด้วย คงกลัวว่าฉันจะวิ่งไปทึ้งหัวตาภัทรอะไรนั่นละมั้ง
แต่ใครจะไปทำแบบนั้นกันล่ะ!
มีหวังได้โดนไล่ออกแถมโดนฟ้องกันพอดี ถึงตอนนั้นต่อให้มีพี่ภูสิบคนก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้แน่นอน แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เขาด้วย
“เห้อออ~ แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างล่ะ” ฉันได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวเอง
“เดี๋ยวกลางวันนี้ฉันพาออกไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเด็ดแถวออฟฟิศก็แล้วกันนะ ฉันเลี้ยงเธอเองถือว่าปลอบใจพร้อมกับต้อนรับเพื่อนใหม่ไปด้วยเลย นะ น๊า ๆ”
“ฮ่า ๆ เอาแบบนั้นก็ได้ย่ะ ฉันจะกินให้ท้องแตกไปเลยคอยดู!”
“ได้ยินว่าจะไปเลี้ยงอะไรกันเหรอพวกเธอ” ในตอนที่ฉันคุยเล่นกับลูกเกดอยู่ก็มีพัดชาเพื่อนในทีมอีกคนเดินมาแจมด้วยพอดี
“ฉันจะพาไผ่หลิวไปกินก๋วยเตี๋ยวกลางวันนี้” ลูกเกดหันไปตอบพร้อมกับรอยยิ้มของเธอ
“ร้านป้านกน่ะเหรอ? อร๊ายย ฉันขอไปด้วยคนสิ ไผ่หลิวเธอรู้ไหมว่าก๋วยเตี๋ยวป้านกอร่อยมาก แต่ว่าเราต้องรีบไปหน่อยนะเพราะไม่งั้นคนจะเยอะต้องรอคิวโต๊ะว่างอีก”
พัดชาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และลูกเกดกับพัดชาต่างก็ช่วยกันโฆษณาก๋วยเตี๋ยวป้านกให้ฉันฟังกันยกใหญ่ จนฉันที่นั่งฟังเริ่มหิวรอตั้งแต่ตอนนี้แล้วเนี่ย
“เอาเป็นว่าพักเที่ยงปุ๊บเรารีบพุ่งกันออกไปเลยนะ” ลูกเกดย้ำอีกครั้ง
“ได้ค่า~ ฉันรีบไปปั่นงานของตัวเองดีกว่า ขืนคุยมากกว่าเดี๋ยวท้องจะร้องเอา ฮ่าๆๆๆ”
พัดชาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของฉันกับลูกเกดมากนัก