"ฮือๆ"
ดวงตากลมสวยที่แผงขนตาเปียกไปด้วยน้ำตาค่อยลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า
พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยเพราะร่างกายเจ็บระบมไปหมดโดยเฉพาะใจกลางสาว
เหมือนเธอกำลังจะตายเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้
เนิ่นนานพอสมควรที่หญิงสาวปลดปล่อยน้ำตาออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
มันไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้นแต่กลับทำให้เธอนั้นแย่ลง
พอได้สติคืนมาเธอก็รีบปาดเก็บหยดน้ำตาบนใบหน้าพร้อมกับคิดว่าจะเอายังไงต่อไป
พลันดวงตาก็กวาดไปเห็นเช็คใบโตวางอยู่บนเตียงข้างๆเธอ
"สิบล้าน"
หญิงสาวรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจไปคว้าเช็ดเงินสดใบนั้นมา
ลืมความเจ็บไปชั่วขณะก่อนจะทรุดร่างลงข้างเช็คใบนั้น
มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิดที่เธอต้องมาเจอกับซาตานร้ายอย่างเขาจนเจียนตายแบบนี้
แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้วถ้าไม่ทำเธอก็ต้องเสียแม่ไป น้องๆก็ต้องลำบาก
หยดน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายยาวอย่างไม่สิ้นสุดอีกครั้ง
ทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย
เพื่อนๆวัยเดียวกันไม่เห็นเขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตให้รอดแบบเธอเลย
ทุกคนล้วนมีพ่อแม่ดูแลหยิบยื่นทุกสิ่งให้ไม่เคยขาด
แต่ดูเธอสิไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แถมยังขาดพ่อที่คอยช่วยเหลืออีกตั้งหาก
ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งพาลไหลออกมาไม่ยอมหยุด น้อยใจนักกับชีวิตของตัวเอง
"โอ๊ย"
อิงเดือนร้องไห้จนหลับไปอีกรอบและตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวัน
เธอพยายามพยุงร่างกายอันบอบช้ำลุกขึ้นจากเตียงที่เต็มไปด้วยเลือดเพื่อไปชำระล้างความสกปรกออกจากตัว
ระหว่างทางเดินไม่กี่ก้าวหญิงสาวหยุดพักนับสิบรอบด้วยความเจ็บปวดมันถามหาทุกการขยับเขยื้อน
"ไม่ต้องร้อง เรากำลังจะมีชีวิตที่สุขสบายแล้ว เข้มแข็งเข้าไว้ไอ้เดือน"
เสียงหวานเอ่ยให้กำลังใจตัวเองเมื่อได้เห็นความบอบช้ำของร่างกายในกระจก
บนเรือนร่างของเธอมีแต่รอยแดงจากการกัดของเขาโดยเฉพาะตรงหัวนมที่ถึงกับมีเลือดไหลซึมออกมา
เธอต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้จะได้เจอกับชีวิตที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น
อิงเดือนใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควรเพื่อชำระล้างร่างกาย
พอเสร็จแล้วเธอก็ออกมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้
แล้วก้าวเดินออกจากห้องที่ประตูไม่ได้ถูกล็อกแล้วและไม่มีใครเฝ้าแล้วไป
"อย่างกับวังแน่ะ"
หญิงสาวเดินลงจากชั้นสองของบ้านมุ่งหน้าไปทางประตูบานใหญ่ แล้วเดินออกจากตัวบ้านไป
เธอถึงกับอ้าปากค้างเมื่อหันกลับมามองบ้านที่เป็นของเขา
มันเป็นอะไรที่ใหญ่โตมาก ที่ล้อมไปด้วยรั้วที่สูงกว่าเธอเป็นเท่าตัว
เขารวยขนาดนี้เองถึงให้เงินเธอได้โดยไม่ติดขัดอะไร
และเป็นพวกซาดิสนี่เองถึงได้ยอมตกลงกับเธอเพราะคงไม่มีหญิงสาวหน้าไหนโง่ไม่รู้อะไรเท่าเธอที่ยอมนอนกับเขา
นับว่าโชคดีที่ไม่ตายคาเตียงและรอดมาได้
"ขอบคุณ"
หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูมีความสุขใดๆเลย
แล้วเดินออกจากอาณาเขตอันแสนกว้างใหญ่ของบ้านหลังนี้ไป
"ที่นี่คงแพงน่าดู แม่ว่าเรากลับไปรักษาแถวบ้านเราเหมือนเดิมเถอะ"
บุษบาหันไปพูดกับลูกสาวในทันทีที่ลงมาจากรถตู้ที่ว่าจ้างเหมามาจากต่างจังหวัดให้มาส่งที่หน้าโรงพยาบาลหรูในกรุงเทพ
เพื่อจะมารักษาอาการป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายของเธอตามคำขอของลูกสาวคนโต
แต่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาที่นี่ตั้งแต่มาถึงเลยด้วยมันหรูหราพอสมควร
ค่ารักษา ค่ายา ค่าหมอ คงจะแพงน่าดู เธอกลัวลูกจะต้องเหนื่อยเพื่อหาเงินมาจ่าย
เธอกลับไปรักษาแบบประคองอาการที่โรงพยาบาลแถวบ้านตามสิทธิ์การรักษาฟรีจะดีกว่า
เพราะเธอทนเจ็บทนปวดได้ แต่คงทนเห็นลูกสาวเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อหาเงินไม่ได้
"ไม่แพงหรอกจ้ะแม่ ที่นี่เขา"
อิงเดือนที่คุยกับพยาบาลที่ออกมาต้อนรับเสร็จก็หันมาตอบคำถามของแม่
พร้อมกับประคองร่างผอมโซของแม่ขึ้นนั่งบนรถเข็นที่ทางโรงพยาบาลเอาออกมาต้อนรับ
เพื่อจะพาไปทำการรักษาต่อในทันทีตามที่เธอนั้นเคยเข้ามาคุยกับคุณหมอของที่นี้เอาไว้แล้ว
"เขาอะไรลูก"
เห็นลูกสาวตอบคำถามไม่จบ คนเป็นแม่อย่างเธอก็ยิ่งหวั่นใจ
เธอกลัวว่าลูกสาวจะแอบมีความลับอะไรซ่อนอยู่
เพื่อให้เธอนั้นยอมมารักษาในกรุงเทพไกลบ้านแบบนี้
"เขาก็ราคาเดี๋ยวกับโรงพยาบาลแถวบ้านเราเลยนะแต่ดีกว่า แม่รักษาที่นี่เถอะนะ"
อิงเดือนโกหกแม่ของเธอคำโตเพื่อให้แม่ของเธอนั้นสบายใจ
ความจริงแล้วการรักษาในโรงพยาบาลหรูแบบนี้ค่ารักษาแพงมาก
แต่เพื่อแลกกับให้แม่ของเธอมีชีวิตที่ยืนยาวออกไปอีกต่อให้แพงแค่ไหนเธอก็ยอมจ่าย
ต่อให้เงินสิบล้านที่มีอยู่หมดไป เธอก็จะไปหามาใหม่เพื่อให้แม่ได้อยู่ต่อ
"ไม่ต้องร้อง แม่จะรักษาที่นี่ แม่จะอยู่จนกว่าเดือนจะรับปริญญา"
บุษบาเลิกตั้งแง่สงสัยในเรื่องต่างๆทันทีด้วยลูกสาวของเธอนั้นตั้งท่าจะร้องไห้
ถึงใจจะไม่อยากเชื่อแต่กลัวลูกสาวที่มีความตั้งใจจริงจะเสียใจ
คนเป็นแม่ที่มีแต่โรคภัยอย่างเธอก็จำต้องยอมทำใจให้เชื่อ
อย่างน้อยก่อนที่จะจากโลกใบนี้ไปก็ขอให้ได้เห็นลูกสาวคนนี้มีความสุขให้มากที่สุด
"เดี๋ยวหนูรออยู่แถวนี้นะ แม่ห้ามดื้อกับหมอล่ะ"
อิงเดือนเดินมาส่งแม่ของเธอถึงหน้าห้องตรวจ
เธอส่งแม่ให้กับเหล่าหมอและพยาบาลที่เธอติดต่อประสานงานเอาไว้แล้วให้รับช่วงดูแลต่อในทันที
โดยที่เธอจะรออยู่ด้านนอกไม่เข้าไปกวนการทำงานของหมอและพยาบาล
แต่จะเข้าไปคุยกับคุณหมอทีหลังเมื่อการตรวจเสร็จเรียบร้อย
เพื่อจะวางแผนต่อไปว่าควรจะรักษาแม่ของเธอด้วยวิธีไหน
"รู้แล้วนะ"
บุษบายิ้มกว้างให้กับลูกสาวที่เกิดกับสามีคนแรกของเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนแรง
ก่อนจะถูกเข็นเข้าไปภายในห้องตรวจที่ดูดีทันสมัยเอามากๆ
อิงเดือนหาที่นั่งรอผู้เป็นแม่ใกล้ๆแถวๆนั้นอยู่เงียบๆอย่ากังวลพอสมควร
เธอกลัวว่าพอหมอตรวจแล้วจะไล่ให้กลับบ้านไปทำใจเหมือนกับหมอโรงพยาบาลอื่นๆ
ด้วยแม่ของเธออาการหนักจนไม่มีทางรักษาใดๆแล้ว
"อ้าวแม่หนู"
หญิงวัยเลยกลางคนมาหลายปีอย่างศจีกำลังค่อยเดินอย่างระมัดระวังโดยมีแม่บ้านคนโปรดประคองมา
เธอหยุดชะงักกลางทางเมื่อสายตากวาดไปเห็นเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งที่เธอนั้นจดจำได้ดีว่าเป็นใคร
ถึงจะป่วยหลายโรคและเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
แต่สมองของเธอค่อนข้างดีที่แม้เคยเจอเด็กสาวน่ารักคนนี้แค่เสี้ยวนาทีก็จดจำได้แล้ว
"คุณ"
อิงเดือนถึงกับตกใจหน้าถอดสีเมื่อหันไปตามต้นเสียงที่ร้องทักเธอขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอะเจอคนในบ้านหลังนั้นอีก
"มาทำอะไรแถวนี้หรือว่ามากับตาน้ำ"
ศจีเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวเพื่อคุยด้วย เพราะลูกชายที่นัดเธอเอาไว้คงอยู่แถวๆนี้
"น้ำ?"
อิงเดือนรีบลุกขึ้นมาหาผู้ที่อายุมากกว่าเพื่อสนทนาด้วย อย่างคนมีมารยาท
โดยที่สมองก็นึกถึงคนชื่อน้ำไปด้วยว่าเธอเคยรู้จักที่ไหนไหม
"จำแม่ไม่ได้เหรอ แล้วตาน้ำอยู่ไหนละ หรือว่าส่งหนูมากินข้าวแทน"
ศจีเห็นท่าทางเด็กสาวเหมือนพยายามนึกอะไรอยู่ก็พยายามกระตุ้นความจำ
และก็ถามหาลูกชายตัวดีไปด้วยเพราะเขาน่าจะปรากฏตัวมาให้เห็นได้แล้ว
เพราะตอนนี้มันได้เวลานัดเจอกันแล้วเพื่อที่จะไปทานข้าวร้านประจำกัน
"น้ำไหนคะ"
อิงเดือนหลุดปากถามออกมาอย่างเสียมารยาท
ด้วยเธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเธอนั้นไปรู้จักกับคนชื่อน้ำตอนไหน
"ก็ตาน้ำธาราไงลูก ที่เป็นพี่ชายที่อุปการะหนูไง หรือลูกชายแม่เขามีนามแฝงอะไร"
ศจีชักเริ่มสงสัยจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันแล้ว
ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่รู้จักลูกชายของเธอกัน ทั้งที่อาทิตย์ก่อนลูกชายของเธอก็เพิ่งบอกกับเธอมาว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
หรือว่ามันมีอะไรแอบแฝงที่เธอนั้นไม่รู้
"อุปการะ?"
อิงเดือนขมวดคิ้วแข่งกับผู้ที่มีอายุมากกว่าในทันที
เพราะยิ่งฟังเธอก็ยิ่งงงไปหมดแล้ว น้ำๆเนี้ยน้ำไหน