4 - ความลับของเพื่อนสายฝอ (ฝังความลับ)
ทุกคนตามหาเกวลินไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบ หนึ่งในสี่คนที่พูดขึ้นด้วยความสงสัยอย่างไวน์หวาน ผมโทรหาเธอแต่ไม่มีการตอบรับ เรียกได้ว่าโทรเท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที ผมไม่มีตัวจับพิกัดหาโทรศัพท์ของเกวลินได้เลย ไม่อย่างนั้นผมอาจจะหาตำแหน่งโทรศัพท์ของเธอได้ หากตกอยู่ ตัวเธออาจอยู่ไม่ไกลเพราะเธอเป็นคนหวงโทรศัพท์มาก
“เกวลินไม่อยู่แถวนี้เหรอ”
“มันอาจจะกลับไปแล้วก็ได้นะ” เท็มเป้คิดว่าเกวลินกลับไปก่อนแล้วก็ได้ เธอบอกเองว่าไม่ค่อยชอบที่เสียงดังเพราะเธอเป็นคนชอบอยู่เงียบ ๆ ปล่อยกระทงแล้วอาจจะกลับไปก่อนก็ได้ ผมคิดว่ายังไงกลับไปหาที่บ้านของเธอดูก่อนเผื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น
“แกคิดว่าเกวลินจะเล่นตลกเวลาแบบนี้เหรอ”
“ทุกทีกลุ่มเพื่อนเราชอบล้อเล่นกับความตายอยู่แล้วนี่” สิ่งที่เท็มเป้พูดมามันก็คือเรื่องจริงเหมือนกัน เพราะเวลาเราแกล้งกันในกลุ่มเพื่อนเล่นแรงเล่นใหญ่บางครั้งก็มี บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่หายข้องใจอยู่ดี ยังไงกลับไปตามหาที่บ้านก่อนแล้วกัน แต่ก่อนกลับไปช่วยไปตามหารถของเกวลินก่อน หากเธอเอามาและยังอยู่ที่นี่แสดงว่าต้องมีคนโกหกเพื่ออำพรางความจริงไว้ไม่ให้ใครสงสัย
“ไม่มีว่ะ”
เท็มเป้พูดหลังจากเดินไปค้นหาแถวลานจอดรถที่ผมและกอไผ่จอดใกล้กัน ผมคิดว่าเธอแกล้งเล่นกับทุกคนอยู่แล้วตามประสาการแกล้งกันในกลุ่มเป็นเรื่องปกติ ผมว่าตอนนี้นอกจากเรื่องเกวลินแล้ว ช่วยสงสัยคนที่ชื่อส้มคั้นดีกว่าว่าเขาเป็นใครทำไมถึงมีแผนการจัดการเรา ผมยังไม่มั่นใจแต่คนเราจะวางยาคนอื่นไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก แค่หลบซ่อนความลับในใจคนเราก็พร้อมทำได้ทุกอย่าง ยังไงต้องสืบความจริงไปทีละเรื่อง
ระหว่างทาง
“เรารู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ปกติจริง ๆ ว่ะ เกวลินหายไปไม่มีใครสงสัยหรือไง” ในขณะที่รางขับรถพาผมกลับบ้านอยู่ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกเกินกว่าที่คิดแม้แต่รางก็ยังไม่แปลกใจหรือตกใจกับเรื่องตรงหน้า คิดว่าเป็นเรื่องปกติหรือไงที่เพื่อนหายไปทั้งคน เกวลินก็เป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มของเรา ผู้ชายแบบเราจะทิ้งผู้หญิงให้ดูเสียศักดิ์ศรีทำไม
“เห็นหน้ากูปกติแต่กูไม่รู้สึกเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นแต่ว่าเราสงสัยเท็มเป้ มันเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเกวลินแล้วมันบอกว่าแกล้งเล่น ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมตอนนี้กูยังไม่เห็นเกวลินล่ะ” ผมว่าเท็มเป้กำลังหลอกพวกเราหรือเปล่าว่าไม่ได้ทำร้ายเกวลินแต่ที่จริงมันนั่นแหละเป็นคนทำ เรื่องนี้แทบจับทางง่ายหาตัวผู้ต้องสงสัยเจอได้เลย คนเราจะฆาตกรรมใครมันต้องมีความเกี่ยวข้องกันไม่ใช่ฆ่าแบบไม่มีเหตุผล
“แล้วแกรู้เหรอว่าเท็มเป้มีปัญหากับเกวลิน ตั้งแต่คบกันมาไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ”
“มันอาจจะไม่ปกติเวลาลับหลังเราไม่เห็นก็ได้นะ” ผมเชื่อว่าอะไรที่เราไม่เห็นในเหตุการณ์อาจมีความจริงซ่อนอยู่ คิดดูสิว่าตั้งแต่เราคบเพื่อนกลุ่มนี้กันมามีอะไรผิดปกติทั้งเรื่องผิดใจหรือซ่อนความลับกันบ้าง ผมอาจจะคิดมาก แต่มากพอที่จะรู้ความจริงได้ ผมอยากให้รางช่วยคิดทันคนหรือเอะใจในความสงสัยเรื่องใดก็ได้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีไซเรนแจ้งเตือนร้องดังเป็นสัญญาณเตือนความอันตรายอยู่แล้ว ถ้าดังเมื่อไหร่ความอันตรายมาเยือนเมื่อนั้น
“ไม่รู้ดิ เท็มเป้มันดูไม่มีพิษภัยอยู่แล้ว”
ผมว่ารางเป็นคนมองคนไม่ออก ผมรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจความหน้าคล้ำหุ่นหมีตัวใหญ่ของเขาสักเท่าไหร่ ต่อให้แสดงความจริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพิษภัย ระหว่างทางตอนนี้ผมนั่งรถยนต์ของรางเดินทางกลับไปที่บ้านของผมเอง ส่วนเท็มเป้และกอไผ่นำรถจักรยานยนต์ส่วนตัวมาเอง ผมคงโทรหาเขาขณะเดินทางไม่ได้หรอก ไว้รอถึงบ้านค่อยพูดกันอีกที แต่ว่าผมไม่เห็นเกวลินแล้วมั่นใจได้ยังไงว่าจะกลับทำเหมือนทิ้งเพื่อนไว้ที่นั่น
“ถึงวนรถไปก็หาเกวลินไม่เจอหรอก...” ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลกทำคอนเทนต์แกล้งกันหรือไง เราไม่ได้ถ่ายทำกันสักหน่อย อีกอย่างนี่ไม่ใช่การแสดงตามบท ผมและทุกคนมีความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่ากองถ่ายทำละคร ผมคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างเกิดภัยความมั่นว่าจะหลอกกันเองแล้ว กลิ่นความสงสัยอาจซ่อนอยู่ตั้งแต่เริ่มคบกันแล้วก็ได้
ที่บ้านไวน์หวาน
ผมลงจากรถพื่อไปเข็นรั้วบ้านให้เปิดออกจะได้เอารถยนต์เข้าไปจอดได้ ผมให้รางขับเข้าไปหลังจากผมมองดูโรงรถในบ้านอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมเดินไปตรงเสารั้วบ้านต้นแรกที่มีตู้จดหมาย มีกระดาษบางอย่างสอดไว้ ผมคิดว่าคงเป็นโฆษณาเงินกู้ด่วนไร้สาระ ผมไม่มีหนี้และไม่ได้ร้อนเงินอยู่แล้ว เมื่อผมหยิบดูมันเป็นกระดาษใบเล็กที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีแดงฟอนต์พู่กัน ผมดูแล้วแปลกใจนิ่งไปพักหนึ่ง มันมีแต่เลขสิบสอง มันคืออะไร เป็นแค่ตัวเลขธรรมดาคงไม่ใช่หรอก
“อ้าว ยืนทำอะไรอยู่อะ ไม่เข้าบ้านสักที”
“มาเช็กกล่องจดหมายอะ” ผมทำเป็นเดินลงจากรถสักพัก ยืนหน้าเสารั้วบ้านมองดูกล่องจดหมายที่แขวนไว้ ผมเปิดดูไม่มีจดหมายอะไรนึกว่าใครส่งอะไรมาให้ เมื่อไม่มีผมกับรางรีบเดินเข้าบ้านทันที ความจริงผมยังคาใจกับกระดาษเลขสิบสองอยู่เลย มันมีความหมายว่าอะไร ผมไม่เข้าใจเลย
ผมเดินเข้าบ้านเตรียมทำอาหารพร้อมกับราง ระหว่างที่ผมเดินไปหยิบของในตู้เย็น โทรศัพท์ผมดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกเข้าวางไว้ตรงมุมผนังข้างประตู ผมชาร์จพลังงานไว้หลังจากใช้งานจนเหลือเก้าเปอร์เซนต์ ผมมองหน้าจอเมื่อสายโทรเข้าทำหน้าจอสว่าง เท็มเป้โทรหาผมเวลานี้ไม่รู้คิดถึงผมหรือราง แยกกันไม่ทันเข้าบ้าน จะคิดถึงไวขนาดนั้นเลยเหรอ ผมยิ้มและหัวเราะเล็กน้อยขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมสายชาร์จที่เสียบอยู่ ผมรับสายก่อนมันจะตัดไป
“ว่าไงเท็มเป้”
ผมได้ยินเท็มเป้พูดขึ้นทันทีด้วยความตกใจบอกว่ามีกระดาษใบเล็กมาเสียบที่กล่องจดหมายหน้าบ้านเขา บอกว่ากระดาษใบนั้นมีเลขสิบสอง ผมได้ยินถึงกับชะงักหยิบกระดาษที่ซ่อนในกระเป๋าออกมาดูพบว่าผมมีของชิ้นนี้เหมือนเท็มเป้ไม่มีผิด
“ใครส่งมาให้อะ”
“ไม่รู้ว่ะ มันแปลกมากเลยนะ ทำไมมีเลขสิบสองอยู่ในกระดาษแถมเป็นสีแดงด้วย...”
“ไวน์หวาน อันนี้คืออะไรอะ” ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับเท็มเป้อยู่ รางเรียกให้ผมหันมาที่เคาว์เตอร์ประกอบอาหารในห้องครัว ผมเห็นเขาหยิบกระดาษใบหนึ่งออกจากถาดโฟมห่อเบคอนที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เกต พบว่ากระดาษใบเล็กที่มีเลขสิบสองเป็นแบบเดียวกับผม ผมมองรางตรงหน้าและแนบโทรศัพท์คุยกับเท็มเป้ ผมถึงกับช็อกพูดไม่ออกว่ามันคืออะไร ใครส่งมาและมันมีความหมายว่าอะไร
“เอ่อ ราง...”