3 - ความสัปดนของเวลา
“สวัสดีค่ะ”
“แฮรรรร่”
เท็มเป้และรางตกใจเมื่อเจ้าของร้านเป็นหญิงสาววัยเลขสองกว่าหน้าตาเหมือนศิลปินหญิงไทยชื่อผลไม้ทำผมลอนยิ่งเหมือนเลย ดีดตัวขึ้นมาจากเคาว์เตอร์ทำเหมือนย่อตัวขึ้นลงเหมือนร้านยำในปั๊มน้ำมันไปได้ อาจจะเป็นวิธีเรียกลูกค้าก็ได้ แต่มาแบบไม่ตั้งตัว ยิ่งกว่าจั๊มพ์สแกร์ในภาพยนตร์สยองขวัญก็ไม่เอานะ ผมขวัญอ่อนอยู่ด้วย
“ขอต้อนรับคุณลูกค้าเข้าสู่ร้านพี่ส้มคั้นถวายสัตย์จริงค่ะ” ผมตกใจและตั้งตัวครู่หนึ่ง เวลาใครโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมก็ตกใจเป็นเหมือนกันเพราะผมและใครหลายคนขวัญอ่อนไม่น้อย
“ครับ...”
ผู้หญิงตรงหน้าแนะนำตัวว่าชื่อส้มคั้น ผู้หญิงหน้าเหมือนนักร้องหญิงน่ารัก ๆ ชื่อเหมือนผลไม้ เธอดีดตัวช้า ๆ ขึ้นมาต้อนรับพร้อมเสียงแหบเล็กน้อย ทำตกใจถ้ามาแบบไม่ให้เสียง เธอทำอะไรถึงไปอยู่ด้านล่างเคาว์เตอร์ ผมคิดว่าเจ้าของร้านไม่อยู่ มือบอนจะขโมยของแล้ว
“พี่แค่เก็บของใต้เคาว์เตอร์ มือไวเชียวนะเรา”
“ผมขอโทษครับพี่ มือผมไวไปหน่อย” เจ้าของร้านแซวผมว่าผมเป็นคนมือไว หน้าตาไม่ดีแล้วยังจะทำให้คนมองว่าเป็นโจรอีก ผมนี่มันเกินไปจริง ๆ อยากเป็นโจรเมื่อหน้าตาพร้อม ผมมองดูที่เคาว์เตอร์พบว่ามีโหลน้ำขนาดใหญ่ใส่น้ำหลายรสชาติ ที่จริงผมคิดไว้แล้วว่าจะดื่มอะไร แต่รอเพื่อนมาครบคนก่อนจะได้สั่งทีเดียว ดื่มก่อนดูเสียมารยาทยังไงไม่รู้
“รอเพื่อนเหรอ”
“ครับพี่ พอดีเพื่อนผมมันไปปล่อยโคมอยู่” เท็มเป้บอกว่ากอไผ่และไวน์หวานกำลังไปปล่อยโคมลอยแถวริมน้ำที่มีผู้คนไปปล่อย บริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำคนจะเยอะ เข้าไปถ่ายรูปเยอะมาก ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเท่าไหร่ก็เลยไปกับราง จะได้ลดความเงียบลงอีกหน่อยเพราะบุคลิกเขาดูเงียบผิดกับหน้าตานักเลงมาก
“งั้นไม่เป็นไรพี่รอได้ ลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ” ฉันเป็นคนหนึ่งที่เห็นลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ การขายของทำธุรกิจเมื่อลูกค้าเดินเท้าเข้ามา แม้จะซื้อน้อยหรือมากฉันพร้อมต้อนรับ และลูกค้ากลุ่มนี้ถือว่ามีหลายคน ยิ่งคนเยอะฉันยิ่งอยากต้อนรับให้ดีที่สุด
“ขอบคุณนะครับ พี่ใจดีมากเลย” เท็มเป้เห็นเจ้าของร้านคนนี้แล้ว ผู้หญิงหน้าตาดีผมลอนดูมีเอกลักษณ์ ผมดูจากบุคลิกเหมือนเธอเป็นผู้หญิงแรง ๆ ตั้งแต่หน้าตาแต่ผิดคาดเพราะเธอใจดีกับลูกค้าที่เข้ามา สงสัยผมจะได้คุยกับเจ้าของร้านและเพื่อนผมทั้งคืนแล้วล่ะ
เวลาผ่านไปพักหนึ่ง ไวน์หวานและกอไผ่เดินทางมาที่ร้านขายน้ำในถนนคนเดินตั้งอยู่ในงานวันลอยกระทง บรรยากาศหน้าร้านห้อยไฟสายกะพริบไปมาสว่างจนเห็นความสดใสในร้านขายน้ำ ตรงหน้ามีเคาว์เตอร์บาร์ให้นั่งหลายคน นับดูแล้วสี่ที่นั่งพอดีกับจำนวนที่มาด้วยกันเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าบังเอิญเหมือนกัน
“นั่งก่อนนะทุกคน ที่นี่บรรยากาศเหมือนร้านเหล้าแต่ไม่มีหรอก เขาไม่ให้ขาย”
“เพื่อนผมหน้าแบบนี้เขาไม่ดื่มเหล้าหรอก มันดื่มแต่น้ำท่อม”
“อ้าวไอ้ไวน์หวาน” รางไม่เข้าใจว่าหน้าตาแบบพวกผมมันชอบดื่มน้ำท่อมหรือไง ของมึนเมามีดื่มบ้างแต่ก็ไม่บ่อยขนาดกินเป็นน้ำเปล่าสักหน่อยแค่ลองแล้วติดเป็นสัญชาติวัยรุ่นเท่านั้นจะมาบอกว่าพวกผมกินแต่เหล้าก็ไม่ได้ เพราะคนแบบไวน์หวานกินผู้ชายเป็นอาหารอยู่แล้ว
“มึงน่ะแดกแต่ผู้ชาย”
“กูไม่เปลี่ยนใจไปหาใครอยู่แล้วไหม”
“มึงไม่ต้องทะเลาะกันหรอก กูเห็นมึงสองคนทะเลาะกันจนชินแล้ว” เท็มเป้และกอไผ่ตั้งแต่คบสองคนนี้เป็นเพื่อนบอกเลยว่าทะเลาะกันทีดังไปสามบ้านแปดบ้าน แล้วเรื่องที่ทะเลาะก็ไม่เป็นเรื่องเลย ไม่รู้ผมต้องมาฟังมันทะเลาะกันให้เปลืองหัวทำไม
“คิดได้หรือยังจะสั่งน้ำอะไร” เท็มเป้ถามทุกคนว่าจะดื่มอะไร จะได้ไม่เสียเวลาเพราะเข้าร้านมาสักพักไม่สั่งอะไร เอาแต่เผาเรื่องชาวบ้านและแฟนตัวเองต่อหน้าเจ้าของร้านที่ไม่รู้อะไรเลย จะบอกให้เขาฟังทำไม เขาเป็นคนนอกไม่ใช่คนในกลุ่มเรา เดี๋ยวเขาจะโดนหาว่าเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
“งั้นเอาตามนี้นะครับ”
ผมสั่งน้ำตาลสดเป็นของโปรด ส่วนคนที่เหลือผมเผื่อน้ำตาลสดและเครื่องดื่มอื่นให้ ร้านนี้ไม่มีแอลกอฮอล์เพราะฉะนั้นสบายใจได้เลยเพราะผมไม่อยากเมาหลับไปก่อน
“เต็มที่เลยนะทุกคน พี่ทำให้เต็มใจเลยล่ะ” พี่ส้มคั้นจัดเสิร์ฟน้ำให้ทุกคนตามความรื่นเริงใจ ฉันทำอะไรให้ลูกค้าด้วยความจริงใจอยู่แล้ว ฉันเสิร์ฟน้ำและพูดคุยกับพวกเขาทั้งสี่คนว่าเป็นใคร ทำอะไรตามประสาคนอยากทำความรู้จัก คุยไปได้หลายเรื่องสนุกใช้ได้เลย
“พี่ขอโทษนะ อาจจะเสียมารยาทยุ่งเรื่องชาวบ้านนิดหน่อย แต่พี่ชอบคุยกับลูกค้าเวลาเข้ามาเสมอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” เท็มเป้ดูถูกชะตากับเจ้าของร้านมาก เป็นผู้หญิงที่ผมคิดว่าหน้าดุปากจัด แต่ไม่เลย คุยสนุกแถมกันเองเวลาจริงจังขายของ สงสัยต่อไปผมต้องเป็นลูกค้าประจำแล้วล่ะ ผมและทุกคนดื่มไปพักหนึ่งเริ่มเหนื่อยขอฟุบลงโต๊ะก่อน
“พี่ส้มคั้นครับ ผมง่วงมากเลย ฝากปลุกผมและเพื่อนด้วยนะครับ”
“ได้สิคะ”
ฉันไม่ว่าอะไร ถ้าลูกค้าขอตามใจอย่างมีเหตุผลฉันก็อรุ่มอร่วยให้ได้ เมื่อพวกเขาหลับไปสักพัก ถือว่าได้ผลเพราะลูกค้าที่เข้ามาดื่มแล้วหลับไปกับเสียงเพลง ร้านฉันมีเพลงและเครื่องดื่มเปิดให้ลูกค้าอยู่แล้ว หวังว่าจะผ่อนคลายน่าพอใจล่ะ
‘ตื่นมารู้กัน...’
หลังจากนั้น
“ทำไมมึนหัวแบบนี้เนี่ย ทุกคน... ตื่น ๆ กูว่ามันมีอะไรแปลก ๆ แล้วว่ะ” ไวน์หวานนอนสลบไปพักหนึ่งรู้สึกเหมือนอาการบ้านหมุมนมองไปทางไหนเหมือนอาการประสาทหลอนหมุนภาพในดวงตาวนเวียนจนปวดหัวไปหมด ผมคิดว่าผมและทุกคนโดนต้มแล้ว ผมมองไปรอบบริเวณที่นั่งอยู่ เหมือนผมหลับไปถึงเช้า บรรยากาศในงานเก็บไปหมดแล้ว และพี่ส้มคั้นเก็บของหนีแล้วทิ้งพวกเราไปได้ยังไง
“ไวน์หวาน นี่มันอะไรกันวะ” กอไผ่และรางตื่นขึ้นมาเป็นคนต่อไป ผมเขย่าตัวเท็มเป้ให้ตื่นมารับรู้ความจริงพร้อมกันว่าพวกเราถูกทิ้งไว้ที่งานลอยกระทงเหมือนกระทงหลงทางไปแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง พี่ส้มคั้นเล่นตลกอะไรกับพวกเราทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
“ไม่รู้ว่ะ แต่มันน่ากลัวยังไงไม่รู้” ผมอาจจะเป็นคนคิดมากแต่ผมเห็นแบบนี้จริง พวกเราทั้งสี่คนนอนสลบอยู่หน้าร้านขายน้ำที่ตอนนี้เก็บไปหมดแล้วและหมดเทศกาลลอยกระทงแล้วด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครจงใจจะแกล้งเรา มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเราจะทำร้ายกันเอง แล้วพี่ส้มคั้นก็ไม่มีใครรู้จัก มีเหตุผลอะไรจะทำร้ายพวกเรา
“ว่าแต่พี่ส้มคั้นล่ะ ไหนบอกจะมาปลุกเราไง” เท็มเป้สงสัยว่าตอนพวกเราดื่มเยอะจนหลับไป อย่าลืมให้เขาปลุกเผื่อหลับไปหมดและยังไม่มีใครตื่น ผมไม่รู้ว่าเธอแกล้งอะไรแต่คงไม่ใช่หรอกเพราะผมและทุกคนพึ่งรู้จักเขาจะทำแบบนั้นทำไม
“แล้วเกวลินล่ะ!”
ตอนนี้บอกเลยว่าทุกคนงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจำได้ว่าดื่มน้ำตาลสดไปหลายแก้วไม่น่าจะทำให้เมาหลับได้ มันไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอลด้วยซ้ำจะมีฤทธิ์ทำให้หลับได้ยังไง ถ้าเธอไม่ได้ผสมมันลงไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเธอจะทำไปทำไม