5 - เดือนสิบสองที่มีความหมายร้อนแรง
“เลขสิบสองจะใบ้หวยให้เราเหรอ”
ผมเจอกระดาษใบเล็กเขียนหมายเลขสิบสองเป็นตัวสีแดง ผมไม่เข้าใจความหมายว่ามันคืออะไร มันซ่อนมาในโฟมถาดเบคอน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรจะขนาดหรือปริมาณก็ไม่ใช่ แล้วมันมาตอนไหนทำไมผมสังเกตถี่ถ้วนแต่ก็ไม่พบ ผมถามไวน์หวานพบว่าเขาได้มันเช่นกัน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“แล้วอันนี้มันคืออะไร จะแกล้งเราอะไม่ขำนะ” ผมยืนยันกับรางว่าผมไม่ได้แกล้งหรือเซอร์ไพร์สอะไรให้เขาตื่นเต้น วันนี้ไม่ใช่วันเกิดเขาสักหน่อย ผมจะรีบจัดงานวันเกิดให้เขาทำไมก่อน ผมหยิบมาดูลักษณะกระดาษและเนื้อความเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าใครส่งมาแต่เจตนาไม่ดีเลย สีแดงไม่ถูกโฉลกกับผมสักเท่าไหร่ ขอเก็บมันไว้ก่อนเพราะเห็นว่าทุกคนได้รับมันเหมือนกัน
“เราว่าเย็นนี้นัดเจอทุกคนไหม...”
ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่าใช่เรื่องเล็กแล้วล่ะ ต่อให้กระดาษใบแค่นี้จะไม่ใช่ปัญหาให้เกิดอันตรายร้ายแรงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอะไรสักหน่อย ผมไว้ใจอะไรไม่ได้เลย แล้วตอนนี้ผมยังไม่ได้ข่าวเกวลินเหมือนกับทุกคนเลยตอนนี้ จะให้สบายใจได้ยังไง
“เอาสิ ไวน์หวานอยากเจอผู้ชายอยู่แล้วนี่”
“ไม่ใช่เวลามาหึงหวงเรานะ”
รางมักจะเป็นพวกชอบหึงหวงเวลาผมสนิทกับผู้ชายอื่น ผมบอกเสมอว่าคนอื่นผมไม่คิดจริงจัง มีแค่รางก็พอแล้วเพราะเขาเด็ดขาดที่จะอยู่กับผมต่อเติมความรักให้มากขึ้น ตอนนี้ผมขอคลายความสงสัยให้ตัวเองเข้าใจก่อนดีกว่า
ช่วงเย็น
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ไวน์หวานและเพื่อนทุกคนนั่งอยู่ที่ร้านอาหารทั่วไป แม้เมนูในร้านจะเป็นเมนูหาทานง่าย เมื่ออยู่ในร้านสวยงามกลิ่นอายฝรั่งแล้ว ราคาและความหรูหราเพิ่มขึ้น ผมนั่งอยู่กับเพื่อนทุกคน มองจานอาหารสีขาวนวลเงาแม้กระทั่งช้อนส้อมและมีด ผมหยิบแก้วไวน์ใสมามองดู หมุนไปรอบ ๆ มันใสเหมือนไม่มีอะไรมากั้นกลางสายตา มองเห็นเหมือนอากาศ ผมว่าคืนนี้ความหรูหราก่อตัวในหัวใจผม
“เอาไวน์แดงละกันครับ”
ผมเป็นคนชอบไวน์แดงแต่ชื่อไวน์หวานขัดรสชาติของแท้เลยล่ะ แต่ไม่เป็นไร คืนนี้ผมได้ดื่มอย่างลื่นคอแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ผมสั่งอาหารและรอไวน์รินลงแก้ว เมื่อทุกคนได้อาหารแล้วทานไปสักพักผมค่อยพูดเรื่องที่เกิดดีกว่าไม่งั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารหมดสนุกแน่นอน
“เอาล่ะ ทุกคน คงไม่ต้องพูดอะไรมากนะว่าเราทุกคนเจออะไร” ผมคงไม่ต้องบอกใบ้อะไรมากเพราะทุกคนคงเห็นกระดาษเลขสิบสองเป็นสีแดงส่งมาตามบ้านของทุกคน ซึ่งผมไม่รู้ว่าฝีมือใคร แต่ดูแล้วไม่ได้มาดีเหมือนบอกเจตนาว่าเป็นเรื่องปกติ
“ทุกคนได้รับมันใช่ไหม”
กอไผ่และเท็มเป้ถามทุกคนด้วยความมั่นใจว่าได้รับกระดาษโพสต์อิทเขียนหมายเลขสิบสองมาส่งที่บ้านและเห็นพร้อมกันหมดแล้ว พวกผมไม่เข้าใจว่าความหมายมันคืออะไร แต่พวกผมเห็นสีแดงแล้ว ผมกลืนอาหารไม่ลงไม่อยากมองแต่ภาพติดตาไปแล้ว
“เลขสิบสองในกระดาษมันคืออะไร จะบอกว่าเป็นหนึ่งโหล สองโหล ห้าโหลลลงี้เหรอ” กอไผ่เล่นมุกตลกหนึ่งโหลสองโหลจบที่ห้าโหลตามความเข้าใจ ผมเข้าใจแบบนี้จริง ๆ เพราะผมไม่รู้ว่ามันมีความหมายอะไรอีก แต่ถ้าใครจะตีความหมายตามความคิดตนเองเสนอมาได้เลย
“มึงทำกูขำละนะ”
ไวน์หวานหัวเราะเล็กน้อยเพราะกอไผ่คิดว่าเลขสิบสองหมายถึงหน่วยนับเป็นโหล แล้วนับหนึ่งโหลสองโหลจบที่ห้าโหลเป็น Hello เหมือนในภาพยนต์ดังที่ซันนี่แสดง ฝึกภาษายังไงให้โลกจำ ความจริงมันอาจไม่เกี่ยวกับที่เขาพูดมาเป็นเพียงความขบขันเท่านั้น
“เราไม่รู้อะ อาจจะหนึ่งสองเป็นการใบ้หวยก็ได้”
“มึงเล่นของแบบนี้ด้วยเหรอ”
รางแปลกใจว่าตั้งแต่คบกันมา ไวน์หวานชอบเล่นหวยและเสี่ยงดวงขนาดนั้นเลยเหรอ แต่มันก็ถือว่าเป็นการตีความเลขสิบสองเป็นอย่างดี แต่ความหมายที่แท้จริงในข้อสงสัยนี้คืออะไรล่ะ เลขสิบสองกับสีแดง จะว่าไปผ่านลอยกระทงปีนี้ใกล้เดือนธันวาคมเป็นลำดับที่สิบสอง หรือว่าเดือนธีนวาคมที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน จะมีเรื่องราวพิเศษเข้ามาในชีวิตของพวกเรา
“เดือนธันวาจะมีอะไรพิเศษกับพวกเราเหรอ”
เท็มเป้เห็นว่าเลขสิบสองคือเดือนธันวาคม มันใกล้จะเข้าเดือนใหม่แล้ว แสดงว่ามันอาจจะมีเรื่องดี ๆ เข้ามาในเดือนนี้ก็ได้ เพราะเดือนสุดท้ายเต็มไปด้วยวันหยุดและเทศกาลเฉลิมฉลองท้ายเดือนทั้งคริสต์มาสและวันปีใหม่บางทีอาจจะมีเรื่องเซอร์ไพร์สพวกเราเข้ามาไม่หยุดหย่อนก็ได้
“จริงเหรอ สีแดงแบบนี้มันไม่น่าใช่ความสุขนะ ต่อให้คริสต์มาสจะตีมสีแดงเขียวแต่แดงในกระดาษมันน่ากลัวเกินไป...” รางไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะช่วงวันลอยกระทงพวกเรายังไม่เจอเกวลินเลย และการเจอพี่ส้มคั้นเปลี่ยนคืนแห่งความสุขเป็นความอีหยังวะถึงตอนนี้ ผมและทุกคนคิดความหมายขณะทานอาหารมื้อนี้ไม่ออกเลย ผมม้วนเส้น ดื่มไวน์และกินเครื่องเคียงในจานยังหาความหมายไม่ได้เลย
“เลขสิบสองงั้นเหรอ...”
ไวน์หวานคิดอะไรบางอย่างออกได้ ผมจำได้ว่าตอนเรียนภาษาไทย ครูประจำวิชาชอบแซวผู้ชายที่ผมชอบไปหยอกล้อและกอดไม่ปล่อย เมื่อผมเห็นตัวเลขสิบสองแล้วสิ่งที่ผมคิดมันพุ่งเข้ามาบอกความจริงเป็นการเฉลย บางทีคำตอบอาจจะถูกก็ได้
“เคยได้ยินหมาเดือนสิบสองไหม มันผสมพันธุ์กัน”
“เออว่ะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของผม เดือยสิบสองสุนัขจะผสมพันธุ์กันตามฤดูกาลของมัน ว่าแต่คนที่ส่งมาให้พวกผมเนี่ย เขาคิดว่าพวกเรารวมถึงผมเอาคนนั้นคนนี้ไม่เลือกเวลาผสมพันธุ์งั้นเหรอ คนที่ส่งมาเห็นพวกเราเป็นคนแบบนั้นหรือไง
“แต่ว่าพวกเราหื่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่แน่นะไอ้กอนี่แหละผสมพันธุ์เก่งกว่าหมาอีก” ไวน์หวานชอบแซวกอไผ่ว่าเซ็กซ์จัดรุนแรงยิ่งกว่าสุนัข อีกหน่อยจะเป็นปลาโลมาแล้ว หื่นไม่แพ้กันหรือสืบเชื้อสายจากสัตว์ตัวนั้นมา
“ว่าเราอะ มึงก็เป็นเหมือนกันไวน์หวาน”
“ก็ไม่ขนาดนั้น”
ในขณะที่ผมกำลังคุยสนุก ผมทำช้อนตกรีบก้มเก็บใต้โต๊ะ และสิ่งที่ผมเห็นนั้นมันทำให้ผมตื่นตาเมื่อเท็มเป้แสดงอะไรบางอย่างต้โต๊ะ เมื่อผมก้มหน้าขึ้นมาเขายักคิ้มให้ผมขณะถือช้อนส้อม นี่เขากำลังคิดจะทำอะไร ผมทำตัวไม่ถูกเลยเพราะหน้าตาเขายั่วยวนผมมากตอนนี้ หรือเขาคิดอะไรกับผมมากกว่านั้นหรือเปล่า
“งั้นเรากินกันต่อดีกว่า...”
หลังจากนั้น
เท็มเป้แยกย้ายพร้อมกับทุกคน ผมเห็นไวน์หวานเดินมาหาผม ปกติเขาเป็นเจ้าของหัวใจกับรางแล้วจะมาหาผมทำไมตัวคนเดียว เขาบอกว่ารางมีนัดไปสังสรรค์กับเพื่อนตนเองอีกกลุ่มที่สถานบันเทิง ผมเข้าใจว่ารางเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนและหาเพื่อนผู้ชายไปสังสรรเสมอ ผมและไวน์หวานไปห้ามความต้องการไม่ได้ แต่อย่างน้อยอยู่ในความพอดีแค่นี้ไม่ต้องอะไรมาก
“นายเป็นแฟนกับราง ยังปล่อยเขาไปสนุกอยู่เหรอ”
“เราเคยห้ามรางทำอะไรได้เหรอ เราไม่ห้ามถ้าเขาจะทำเรื่องปกติไม่ได้ร้ายแรงไปฆ่าคนตาย”
“นายไว้ใจรางขนาดนั้นเลยเหรอ...”
“เรากับรางเป็นแฟนกันนะ นายจะมารู้ดีกว่าเราได้ไงเนี่ย ว่าแต่เมื่อกี๊ทำอะไรเหรอ” ผมยังไม่ลืมหรอกว่าเท็มเป้ตั้งใจให้ท่าผม ผมก้มลงใต้โต๊ะพบว่าเขาเอาของสิ่งนั้นมาเปิดรับลมตั้งฉากแข็งตั้งเป็นการเปิดเผยใต้โต๊ะ จะว่าไปหน้าตาไม่ดีแต่ของใหญ่มากเลย เขาทำแบบนี้ตั้งใจจะให้ทางยั่วยวนให้ผมกลืนกินของสิ่งนั้นเหรอ
“งั้นคืนนี้ไปคุยกับเราสิ”
ผมขอให้ไวน์หวานไปกับผมคืนนี้ ผมเห็นว่ารางไปสนุกกับกลุ่มเพื่อนของเขา ผมไม่อยากให้ไวน์หวานเหงางั้นผมจะพาไปสนุกกับสิ่งที่ผู้ชายทุกคนมีติดตัวกันตั้งแต่เกิดเมื่อเวลาผ่านไปจนเติบโต ขนาดของมันเริ่มใหญ่ตามวัย ผมจะให้เขาได้กินน้ำนมอร่อย ๆ จากแท่งไส้กรอกที่แข็งมาตั้งแต่เช้า ผมอยากรีดน้ำให้ใครสักคนกินตอนนี้ได้ยิ่งดี
“ได้สิเท็มเป้ เราพร้อมแล้ว...”