“ว่าแต่พักนี้โมนายังเห็นโรคจิตตามอยู่หรือเปล่า ให้ฉันนอนเป็นเพื่อนไหม” ฟ้าลดาเอ่ยถามหลังจากที่อาสาขับรถมาส่งมติมนต์ที่บ้านเธอก็อาสาจะนอนด้วย
“เอ่อ...” หญิงสาวชะงัก จะให้บอกยังไงดีว่าโรคจิตที่ว่าคือคิมหันต์ คนที่สาว ๆ เขากรี๊ดกันทั้งสนามเมื่อกี้ “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พอดีเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ เขาไม่ใช่โรคจิตหรอก”
“อ้าวเหรอ อย่างนี้ฉันก็อดนอนบ้านโมนาเลยอ่ะดิ”
“นอนได้นะ สะดวกวันไหนค่อยมาก็แล้วกัน”
“วันนี้เลยได้ป่ะ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ไม่ต้องไปเรียน ฉันขอนอนค้างที่นี่นะ” พูดจบเจ้าตัวก็เปิดประตูรถวิ่งเข้าไปหยุดรอหน้าประตูรั้ว รอให้มติมนต์เปิดประตูเธอก็รีบวิ่งตามเข้าไปทันที
“จะนอนวันนี้เลยเหรอ”
“อื้ม...ขอนอนด้วยนะ” หญิงสาวเอนศีรษะซบลงบนไหล่เล็ก ทำสีหน้าออดอ้อนจนมติมนต์นึกอ่อนใจ
“ก็ได้ งั้นตามสบายนะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ เดินสำรวจไปรอบบ้านก่อนจะนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องของมติมนต์ จัดการหาเสื้อผ้าของเธอให้ใส่ กินมื้อค่ำแบบง่าย ๆ ในบ้าน แล้วจบลงด้วยการเปิดซีรีส์ดูบนเตียงหนานุ่ม
ฟ้าลดาทิ้งตัวนอนลงเคียงข้างเจ้าของห้อง ตวัดวงแขนสวมกอดร่างนั้นไว้จนอีกฝ่ายรู้สึกขนลุก
“ฟ้า ฉันจั๊กจี้”
“ขอกอดหน่อย อยากกอดมานานแล้ว” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ในขณะที่ใบหน้ายังซุกอยู่ตรงต้นแขนมติมนต์
“พูดอะไรแบบนั้น ขนลุก”
“ฉันพูดจริง ๆ ฉันอยากอดโมนามานานแล้ว” คราวนี้ฟ้าลดาเงยหน้าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังจนอีกฝ่ายรู้สึกช็อก ไม่รู้ว่าฟ้าลดาพูดจริงหรือแกล้งอำกันแน่
“บ้าป่ะเนี่ย”
“ฉันพูดจริง ๆ นะ ฉันอยากกอดโมนาจริง ๆ ”
“คิดอะไรกับเราป่ะเนี่ย” ไม่รู้ผีที่ไหนมาเจาะปาก อยู่ ๆ มติมนต์ก็ยิงคำถามออกไปแบบนั้น
“คิดสิ”
“ฟ้า!” มมิมนต์อ้าปากเหวอ พอเห็นว่าเธอต้องใจฟ้าลดาจึงหลุดขำออกมาทันที
“จะบ้าเหรอ ฉันล้อเล่น”
“อย่าล้อเล่นแบบนี้ดิ เราขนลุก”
“แบบนี้ขนลุก แล้วโมนาชอบแบบไหนกันล่ะ...” อีกฝ่ายลุกนั่งแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
“ชอบอะไร”
“หมายถึงสเปคน่ะ ชอบแบบไหน” ฟ้าลดากะพริบตาถี่เพื่อรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ ไม่รู้หรอกว่าสเปคที่ว่าต้องเป็นแบบไหน”
“แบบเรานี่ไง” เป็นอีกครั้งที่เธอสวนกลับจนทำให้มติมนต์รู้สึกตกใจ
“แบบไหน”
“โมนาไม่ชอบผู้หญิงแบบเราบ้างเหรอ” ฟ้าลดาถามกลับไปตรง ๆ ทำเอาคนฟังเป็นฝ่ายหลุดขำเสียเอง
“ฮ่า ๆ ๆ เราจะชอบเธอได้ไงก็เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็มองว่าเธอน่ารักนะ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้เธออาจจะยังไม่ชอบ แต่ฉันเชื่อว่าสักวันเธอจะชอบฉันเอง” พูดจบเข้าตัวก็ล้มลงบนเตียง โดยไม่ได้สนใจจะอธิบายต่อ “นอนละ ฝันดีนะโมนา”
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย” มติมนต์เกาหัวแกรกทำท่าจะล้มตัวลงนอนเพื่อดูซีรีส์ต่อ แต่เสียงข้อความจากคิมหันต์กลับเด้งขึ้นมาเสียก่อน
คิมหันต์ : ฉันอยู่ข้างล่าง ลงมาหาหน่อย
โมนา : ไม่
เธอปฏิเสธออกไปทันทีทำให้อีกฝ่ายรีบส่งข้อความมาขู่อีกรอบ
คิมหันต์ : ถ้าไม่ลงมาฉันจะปีนหน้าต่างขึ้นไปเดี๋ยวนี้แหละ
“อีตาบ้า” มือเรียวทุบลงบนที่นอนจนลืมไปว่ามีอีกคนอยู่ข้าง ๆ ฝ่ามือของเธอจึงปะทะกับสะโพกของฟ้าลดาเต็มแรง
“โอ๊ะ! โมนา เธอตีฉันทำไมเนี่ย”
“ขอโทษ ขอโทษ” หญิงสาวรีบหันไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่พร้อมกับหาข้ออ้างลงไปชั้นล่าง “เธอนอนก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวฉันลงไปล็อกประตูบ้านก่อน ฉันว่าฉันน่าจะลืมล็อกน่ะ”
“ให้ลงไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร นอนก่อนได้เลย” มติมนต์โบกไม้โบกมือปฏิเสธ แล้วรีบย่องลงไปชั้นล่าง เปิดประตูออกไปก่อนจะพบกับคิมหันต์ที่กำลังยืนสูบบุหรี่ พิงกำแพงบ้านอย่างสบายใจ
“คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” ร่างสูงเอ่ยทักพลางทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วบีบบี้จนไฟดับลง
“ไร้มารยาทที่สุด”
“ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน” เขายิ้มตอบหน้าตาเฉย ถ้าไม่นับไมเคิล คงจะเป็นคิมหันต์นี่แหละที่เธออยากจะหนีไปให้ไกลที่สุด
“นายมีธุระอะไร ทำไมไม่ดูเวลาซะบ้าง”
“ก็คนมันคิดถึงนี่ ความคิดถึงห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ”
“ประสาท เลิกใช้คำพูดแบบนั้นกับฉันสักทีเถอะ ให้ตายฉันก็ไม่มีวันเป็นแฟนนายหรอก” มติมนต์ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ก็ไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้ แค่เอาสักครั้งก็ยังดี”
“คิมหันต์! นายนี่มัน...”
“ใจคอจะไปเปิดประตูต้อนรับแขกเลยหรือไง” คิมหันต์ตัดบทพลางผายมือไปยังประตูรั้วที่ยังถูกล็อกอยู่
“นายไม่ใช่แขก แต่นายคือผู้บุกรุก”
“เอาอย่างนี้จริง ๆ เหรอโมนา” ร่างสูงกอดอกจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย ไม่คิดเลยสักนิดว่าวินาทีนั้นเขาจะปีนข้ามกำแพงรั้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างง่ายดาย “อยากมาเป็นแขก แต่เธอให้ฉันเป็นผู้บุกรุกซะงั้น”
“ทำบ้าอะไรของนาย ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกพี่หมอกให้มาไล่นายออกไป”
“หมอหมอกอยู่โรงพยาบาล ฉันไปเยี่ยมน้องมาทำไมจะไม่รู้”
“แล้วนายต้องการอะไร บอกฉันมาสิคิมหันต์ ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะเลิกตามรังควานฉันสักที” มือเรียวกำเข้าหากันแน่น ถึงจะอยากกรีดร้องแต่เพราะไม่อยากให้ฟ้าลดาได้ยินเธอจึงทำได้แค่กระซิบขู่เขาเท่านั้น
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากเอา”
“อย่าลามกได้ไหม” ครั้งนี้เธอกระแทกเท้า หายใจฟึดฟัดด้วยความอดทนที่สุดจะกลั้น
“ก็อยากเอาจริง ๆ ”
“คิมหันต์!”
“เธอจำไม่ได้จริง ๆ เหรอว่าวันนี้เธอส่งข้อความไปด่าฉันว่าอะไร แถมยังสาปแช่งไม่ให้ฉันไปผุดไปเกิดซะด้วย” เขาเริ่มเข้าประเด็นสนทนา พร้อมกับย่างสามขุมเข้าไปหา ต้อนคนตัวเล็กให้ก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังแนบชิดกับกำแพงบ้าน ใช้วงแขนแกร่งสองข้างกักขังเธอเอาไว้ตรงกลางทำให้มติมนต์ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี
“ก็นายมันน่าสาปแช่งนี่”
“แล้วคิดเหรอว่าฉันยอมให้เธอสาปอยู่ฝ่ายเดียว วันก่อนเธอทำฉันจุกจนหน้าเขียว คราวนี้ฉันขอเอาคืนบ้างละกัน” คิมหันต์ยิ้มกริ่ม เขาเลื่อนฝ่ามือมาช้อนคางของคนตัวเล็กตรงหน้าให้เงยขึ้นสบตา “เอาคืนแบบไหนดีน้า”
“หยุดนะคิมหันต์ อย่าแม้แต่จะคิดนะ” มติมนต์กัดฟันร้องห้าม เพื่อปลายนิ้วอีกข้างกรีดลงบนต้นขาที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรงชุดนอนก่อนที่เขาจะลากขึ้นไปช้า ๆ จนปลายนิ้วมันไปสะกิดโดนกางเกงชั้นใน “ฉันบอกให้หยุดไง”
“ฉันหยุดไม่ได้แล้วล่ะโมนา...” เขาแกล้งกระซิบเสียงแหบพร่าใกล้กับแก้มเนียนใส นิ้วเรียวที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้าก็เริ่มเกี่ยวชั้นในตัวจิ๋วจนมันขยับเคลื่อนที่ลง
“โมนา...โมนา อยู่ไหนเนี่ย”
ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อเสียงฟ้าลดาก็ตะโกนเรียกมติมนต์ขึ้นมาเสียก่อนทำให้หญิงสาวสบโอกาส รีบผลักอกกว้างออกไปเพื่อจะกลับเข้าบ้าน คิมหันต์ไม่รอช้าจึงใช้จังหวะนั้นเอาคืนด้วยการลากคนตัวเล็กไปหลบซ่อนที่มุมหลังประตูก่อนจะฝากฝังริมฝีปากลงบนปากเล็กที่กำลังจะเปิดประท้วง
“อื้อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่างเมื่อคิมหันต์พยายามดึงดันลิ้นของเขาฝ่าด่านปราการเข้ามาแล้วแกล้งโบกตวัดหยอกเย้ากับลิ้นเล็ก ดูดกลืนมันจนได้ยินเสียงความชุ่มฉ่ำ
“หายไปไหนนะโมนา โมนา...ได้ยินฉันไหม” เสียงฟ้าลดาดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนมาหยุดยืนอยู่ที่ประตู เธอยกมือขึ้นเกาหัวแกรกในขณะที่มองหามติมนต์โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังถูกจับตรึงไว้หลังประตู
มือเรียวยกขึ้นจับเสื้อของคิมหันต์ไว้จนยับยู่ยี่ ตัวของเธอแข็งทื่อเพราะฝ่ามือใหญ่บีบขยำสองเต้านิ่มไว้แน่นจนหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ พอลับร่างของฟ้าลดา เขาก็เริ่มจาบจ้วงเข้ามาอีกครั้งอย่างหื่นกระหาย
“อื้อ...”
มติมนต์ส่งเสียงประท้วงพร้อมกับฝ่ามือเล็กที่ทุบตีลงบนไหล่กว้างเต็มแรงจนในที่สุดคิมหันต์ก็ยอมผละจากไป ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะร้องไห้หรือตบหน้าเพื่อเอาคืน แต่ที่ไหนได้ มติมนต์กลับเป็นฝ่ายผลักเขาจนแผ่นหลังชิดฝาผนังแทน
“นายจูบได้จืดชืดมากรู้ตัวหรือเปล่า”
“หืม...” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความตกใจที่ถูกดูแคลน ยังไม่ทันอ้าปากได้ทักท้วง วงแขนเล็กก็ตวัดคล้องลำคอหนาไว้ก่อนที่มติมนต์จะเขย่งปลายเท้าแล้วเป็นฝ่ายจูบเขากลับ
ฝ่ามือใหญ่จับเอวคอดไว้อัตโนมัติเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคล้อยตามไปกับอารมณ์ที่เขากำลังนำพา คิดไม่ถึงว่าตอนที่กำลังจะเคลิบเคลิ้ม อยู่ ๆ คนตัวเล็กก็อ้าปากออกแรงกัดริมฝีปากของเขาเสียเต็มแรง
“อ๊าก! ยัยโมนา เธอกัดปากฉัน”
“สมน้ำหน้า นายรู้จักฉันน้อยไปแล้วคิมหันต์”
เมื่อได้ระบายความเจ็บแค้นจนสาแก่ใจแล้ว หญิงสาวก็รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน จัดการล็อกประตูอย่างแน่นหนาด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่น
คิมหันต์มองตามร่างนั้นไป ถึงจะเจ็บตัวแต่เขากลับกระตุกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะลูบไล้ฝ่ามือตัวเองแผ่วเบาด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องเล่นตัวด้วย ในเมื่อเธอเองก็เจนจัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้วโมนา”
ไม่รู้ว่าฟ้าลดาคิดอะไรอยู่
แต่ที่แน่ ๆ พระนางเรื่องนี้เขาศีลเสมอกันจริงๆ