ฟ้าลดาขับรถออกไปตั้งแต่เช้าตรู่เพราะมีธุระต้องไปทำต่อที่บ้าน มติมนต์จึงใช้โอกาสตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้านนอนต่อจนถึงเที่ยงเพราะตลอดทั้งคืนเธอแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะยังคิดถึงจูบแรกที่ถูกคิมหันต์พรากเอาไป
“บ้าที่สุดเลย คิมหันต์ ทำยังไงฉันถึงจะหนีนายพ้นสักที” หญิงสาวจ้องมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนในกระจกด้วยความเจ็บใจ รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อหอบงานไปนั่งทำที่คาเฟ่เพราะกลัวว่าคิมหันต์จะตามมาระรานเธอที่บ้านอีก
ออด...
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นในขณะที่เธอก้าวลงมาถึงชั้นล่างพอดี เมื่อชะเง้อมองเธอก็พบกับคนมาใหม่ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
“มาหาใครเหรอคะ” มติมนต์เอ่ยถาม เดาจากสายตา อีกฝ่ายน่าจะอายุสักสี่สิบปลาย ๆ มีลูกสาวรูปร่างอวบอ้วนอีกคนตามติดมาด้วย
“เธอคงจะเป็นน้องสาวตาหมอกสินะ” คนมาใหม่ถามกลับก่อนจะแนะนำตัวเอง “ฉันชื่อสายใจ เป็นแม่เลี้ยงตาหมอก”
“มาหาพี่หมอกเหรอคะ พี่หมอกไม่อยู่หรอกค่ะค่ะ ไปอยู่เวรที่โรงพยาบาล” เธอรีบตอบคำถามนั้นเพราะรู้ดีว่าสายใจไม่ชอบขี้หน้าลูกติดสามีอย่างเธออยู่แล้ว
“วันหยุดก็ไม่เว้นเลยเหรอ”
“อันนั้นหนูก็ไม่ทราบค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูจะบอกพี่หมอกให้เพราะหนูก็กำลังจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน” เธอตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ธุระด่วนเหรือเปล่า”
“จะออกไปทำการบ้านน่ะค่ะ”
“งั้นฉันวานพาใบหม่อนไปด้วยสิ พอดีฉันจะออกไปทำธุระที่ธนาคารแป๊บเดียว เดียวจะกลับมารับ” สายใจไหว้วาน ยังไม่ทันจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ ประตูรถก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าตัวที่เข้าไปจูงมือลูกสาวออกมา “นี่ลูกสาวฉัน ชื่อใบหม่อน ตาหมอกคงเล่าให้ฟังบ้างแล้วว่าใบหม่อนเขาไม่ปกติ ฉันวานเธอช่วยพาไปด้วยนะ”
“แต่หนูต้องไปทำการบ้านนะคะ”
“การบ้านอะไรกัน ฉันฝากไว้แค่แป๊บเดียว ธนาคารก็อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ช่วยหน่อยไม่ได้หรือไง ตอนพ่อเธอป่วยฉันยังดูแลพาไปโรงพยาบาลแทบทุกวันได้เลย” สายใจลำเลิกบุญคุณสมัยปีมะโว้ทำเอาคนฟังถึงกลับอ้าปากเหวอ
“แบบนี้ก็ได้เหรอคะ”
“ได้สิ ดูแลลูกสาวฉันให้ดีล่ะ อีกชั่วโมงฉันจะมารับ” พูดจบ คนสูงวัยกว่าก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปบนรถแล้วขับออกไป จึงเหลือแค่เธอกับใบหม่อนเท่านั้นที่ยังยืนจ้องหน้ากัน
“เวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย” มติมนต์โอดครวญ เมื่อไม่มีทางเลือกเธอจึงต้องลากใบหม่อนออกไปด้วย “อยากไปก็ไป”
“ไม่อยากไป” อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ขาทั้งสองก็ยังไม่ขยับเดินตามแถมยังชี้ไม้ชี้มือกลับไปที่ประตูบ้านอีก “จะอยู่ที่นี่”
“แต่ฉันต้องไปทำงาน”
“ก็ฉันอยากอยู่ที่นี่” ใบหม่อนสวนกลับ มติมนต์ทำได้แค่ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ เพื่อปรับอารมณ์ไม่ให้มันพุ่งปรี๊ดขึ้นมา พออีกฝ่ายยืนยันจะอยู่เธอก็ต้องพาเข้าไปในบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตามสบายละกัน ฉันขึ้นไปทำการบ้านบนห้อง เธอดูทีวีตรงนี้ไปนะ”
“หิวอ่ะ ทำอะไรให้กินหน่อยสิ” เจ้าของร่างอวบอ้วนออกคำสั่งในขณะที่สายตายังจับจ้องไปยังหน้าจอที่วีที่เพิ่งจะถูกเปิดขึ้น
“ว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่าฉันหิว” ใบหม่อนหันมาจ้องหน้าเธอตาเขม็ง ถึงจะไม่พอใจแต่เธอก็ยอมหมุนตัวลงบันไดแล้วเข้าไปในครัวเพื่อต้มบะหมี่ให้เพราะเคยได้ยินเมธัสบอกว่าใบหม่อนมีอาการป่วยทางจิตจึงไม่อยากจะถือสา
“ฉันต้มบะหมี่ให้ก็แล้วกันนะ เพราะฉันต้องรีบทำงานส่งอาจารย์”
“...” อีกฝ่ายไม่ตอบ มติมนต์จึงเดินหายเข้าไปในครัว ไม่รู้ตัวเลยว่าใบหม่อนกำลังลุกเดินตามเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มอำมหิต
“นี่สินะโมนาตัวจริง...เข็มชอบแกเพราะสวยแบบนี้นี่เอง” ใบหม่อนคลี่ยิ้ม สายตาเหลือบไปเห็นมีดทำครัวที่วางอยู่ใกล้ตู้เย็นจึงเอื้อมมือไปหยิบมาถือไว้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่มติมนต์กำลังเปิดไมโครเวฟเพื่อต้มบะหมี่ เธอจึงเห็นเงาสะท้อนของใบหม่อนจากทางข้างหลังพอดิบพอดี
“กรี๊ด!” หญิงสาวร้องออกมาสุดเสียง เบี่ยงตัวหลบได้ทันจนทำให้มีดที่กำลังพุ่งเข้ามาปักลงบนโต๊ะในครัวแทน “เป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
“ฉันจะฆ่าแก แกแย่งความสวยจากฉันไป แกแย่งพี่หมอกไปจากฉัน” ดวงตาใบหม่อนวาวโรจน์ ในมือยังถือมีดไว้มั่นเตรียมจะทำร้ายเธออีกครั้ง เมื่อเห็นท่าไม่ดี มติมนต์จึงออกแรงผลักร่างนั้นจนล้มลงก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ
“แกจะหนีไปไหน”
“กรี๊ด! ช่วยด้วย ช่วยด้วย” คนตัวเล็กกรีดร้องออกมาสุดเสียง มือเรียวรีบเปิดประตูบ้านแต่ใบหม่อนกลับวิ่งตามมาด้วยความเร็ว เธอจึงตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนห้องปิดประตูลงกลอนไว้แทน
“ออกมานะโมนา ออกมาให้ฉันกรีดหน้าสวย ๆ ของเธอเดี๋ยวนี้”
ปัง ปัง ปัง!
ใบหม่อนพยายามพังประตูเข้ามา ทำให้มติมนต์รับวิ่งไปหลบที่ระเบียงห้อง สายตาเหลือบไปเห็นรถคันเดิมแล่นเข้ามาจอดมุมเดิมเพื่อจะหาเรื่องเธอตามที่คิดไว้พอดีจึงรีบตะโกนขอความช่วยเหลือ
“คิมหันต์ ช่วยฉันด้วย”
“วันนี้แปลก มีตะโกนเรียกด้วยแฮะ” อีกฝ่ายกระตุกยิ้มอย่างพอใจ เห็นมติมนต์กำลังปีนข้ามขอบกั้นระเบียงลงมาเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปที่สนามหน้าบ้านทันที “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย ปีนลงมาทำไม”
“มีคนโรคจิตอยู่ในบ้านฉัน นายช่วยฉันที ฮือ...” หญิงสาวร้องไห้อย่างคนเสียสติ และจังหวะนั้นเองที่ใบหม่อนสามารถพังประตูเข้ามาได้ทำให้มติมนต์ไม่มีทางเลือก ต้องปล่อยตัวเองตกลงไปข้างล่างซึ่งมีคิมหันต์กำลังรอรับอยู่
“โอ๊ย! ยัยบ้า กระโดดลงมาทำไม” ชายหนุ่มร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกคนตัวเล็กตกลงมาทับร่างเขาไว้พอดี
“นั่น นั่น ใบหม่อนอยู่นั่น เธอจะฆ่าฉัน” มือเรียวชี้ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เห็นใบหม่อนกำลังถือมีดไว้ในมือจึงรีบประคองคิมหันต์ให้ยืนขึ้น “ใบหม่อนเขาป่วยจิตเวช แต่แม่เขามาฝากไว้กับฉันก็เลยเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ”
“ฉิบหายละ แล้วแบบนี้ยัยช้างนั่นจะกระโดดลงมาหรือเปล่า”
“ฉันไม่รู้ กรี๊ด!” พูดยังไม่ทันจบ ใบหม่อนก็ปามีดลงทำให้คิมหันต์รีบตวัดร่างบางเบี่ยงตัวหลบได้ทันเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
“อาการหนักแบบนี้ ทำไมไม่จับไปโรงพยาบาลวะ”
“นายมีมือถือไหม ฉันขอโทรหาพี่หมอกหน่อย” หญิงสาวร้องขอมือถือจากเขา พอได้มาเธอก็รีบต่อสายหาเมธัสทันที
“พี่หมอก แย่แล้วค่ะ”
(เป็นอะไรโมนา เกิดอะไรขึ้น) ปลายสายเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“น้าสายใจเอาใบหม่อนมาฝากกับโมนา แล้วอยู่ ๆ ยัยนั่นก็เป็นบ้าอะไรไม่รู้ เอามีดมาไล่แทงโมนา”
(อีกแล้วเหรอเนี่ย) เมธัสกุมขมับ เหมือนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก (แล้วตอนนี้ใบหม่อนอยู่ไหน)
“ยังอยู่ในบ้านค่ะ โมนาวิ่งออกมาหา...” มติมนต์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเหลือบมองร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ “หาเพื่อนน่ะค่ะ”
(งั้นโมนาออกไปกับเพื่อนก่อน เดี๋ยวพี่ไปจัดการใบหม่อนเอง)
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างงง ๆ พอได้ยินแบบนั้นคิมหันต์จึงแย่งมือถือไปแล้วได้โอกาสลากเธอเดินออกไปจากบ้านด้วย “นะ...นายจะพาฉันไปไหน”
“ก็พี่เธอบอกให้พาไปไม่ใช่เหรอ”
“ที่พี่หมอกบอกแบบนั้นเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่านายเป็นผู้หญิงต่างหาก”
“ก็อย่าไปบอกพี่เธอสิว่าฉันเป็นผู้ชาย” เขาให้เหตุผลอย่างคนเอาแต่ใจก่อนจะลากเธอขึ้นไปบนรถ พอเขาขับออกมาจากซอย เธอก็หันไปเอ่ยถามอีกครั้ง
“นายจะพาฉันไปไหน”
“ก็ไปทำอะไรแบบที่แฟนเขาทำกันไง”
“จอดข้างหน้านี่แหละ ฉันรอพี่หมอกตรงนี้ดีกว่าไปกับนายหลายเท่าเลย” มือเรียวชี้ไปที่คาเฟ่ข้างหน้าแต่คิมหันต์ก็ยังไม่ยอมจอด
“เสียใจด้วยโมนา อ้อยมันเข้าปากช้างแล้ว คิดเหรอว่าช้างมันจะยอมคาย”
“ฉันบอกให้นายจอดไงคิมหันต์” มติมนต์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแต่เขาก็ยังทำหูทวนลม
“ฉันเป็นรุ่นพี่เธอนะ ช่วยพูดกับฉันดี ๆ หน่อยสิ”
“ฉันพูดดี ๆ กับรุ่นพี่ที่น่านับถือเท่านั้นแหละ จอดเดี๋ยวนี้”
“ไม่จอด” เขายิ้มตอบอย่างหน้าตาเฉย มติมนต์จึงพยายามเอาตัวรอดด้วยการเบี่ยงตัวบังคับพวงมาลัยให้เขาเลี้ยวเข้าข้างทาง
“ฉันบอกให้จอดเดี๋ยวนี้”
“เห้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย อยากรถคว่ำตายหรือไง ปล่อยนะยัยบ้า”
“ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ยอมตายซะยังดีกว่าต้องไปกับคนอย่างนาย...กรี๊ด!”
โครม!
พูดยังทันจบรถก็พุ่งชนเข้ากับหลักกิโลข้างทางจนพังยับเสียหายแต่โชคยังดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“บ้าจริง เห็นหรือยังล่ะโมนา เกือบตายสมใจแล้วไหมล่ะ” คิมหันต์ตวาดกร้าว เขาก้าวลงจากรถเห็นฝากระโปรงข้างหน้ายังจูบกับหลักกิโลก็ยกมือขึ้นกุมขมับทันที “ลูกพ่อ...”
“สมน้ำหน้า ฉันบอกให้นายจอดดี ๆ นายก็ไม่เชื่อ” มติมนต์เบ้ปากใส่ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งมา
“เดี๋ยวสิโมนา เธอต้องรับผิดชอบค่าเสียหายนะ”
“นายขับเอง นายก็จัดการเองสิ” อีกฝ่ายหันมายิ้มเยาะเย้ยอีกครั้งอย่างสาแก่ใจเพราะเธอรู้ดีว่าคิมหันต์รักรถมากขนาดไหน
“ร้ายนักนะยัยโมนา คอยดูเถอะ ถ้าได้ฟันเมื่อไหร่ ฉันจะเอาให้เดินไม่ไหวเลยคอยดู!”
ขอสามคำ มารุมสาปตัวทำลายล้างอย่างใบหม่อนกัน....แม่ลูกมหาภัยที่แท้จริง