"พี่ใหญ่ พี่รองจะเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ" เสียงของเด็กผู้ชายดังเข้ามาในโสตประสาทของดวงดาว แต่เธอยังมึนงงและปวดหัวเกินกว่าจะทำความเข้าใจในประโยคนั้น
"ไม่เป็นไรนะน้องเล็กพี่รองของเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร" เสียงเด็กผู้ชายอีกคนดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกอุ่นที่ฝ่ามือ
ดวงดาวที่รู้สึกปวดหัวและมึนงงไม่ได้สนใจจะทำความเข้าใจในเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ข้างๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังทำความเข้าใจกับเรื่องราวในหัวของตนเองอยู่
เรื่องราวที่วิ่งเข้ามาในหัวของเธอเป็นเรื่องของเด็กหญิงอายุ 8 ขวบคนหนึ่งมีชื่อว่าลี่อินไม่มีแซ่ เด็กคนนี้มีร่างกายอ่อนแอด้วยเมื่อยังเล็กเคยพลัดตกน้ำในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งครอบครัวก็ยากจนจึงไม่ได้รับการรักษาที่ดี จากนั้นร่างกายก็เจ็บป่วยมาตลอด ในฤดูหนาวต้องนอนอยู่บนเตียงเตาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา ฤดูฝนก็ห้ามถูกน้ำฝนหรือละอองฝน ฤดูร้อนก็ออกไปโดนแดดจัดๆ ไม่ได้ เรียกได้ว่าฐานะครอบครัวยากจนแต่ร่างกายกลับต้องคอยดูแลยิ่งกว่าเหล่าคุณหนูที่ร่ำรวยเสียอีก
ถึงแม้ร่างกายของเด็กน้อยลี่อินคนนี้จะย่ำแย่เพียงใดและครอบครัวจะยากจนมากเพียงไหน แต่เด็กคนนี้ก็ยังโชคดีที่คนในครอบครัวต่างรักและดูแลเธอเป็นอย่างดีเท่าที่พวกเขาจะทำได้
ครอบครัวของเด็กน้อยลี่อินมีพ่อที่เป็นคนงานรับจ้างรายวันอยู่เหลาอาหารในเมือง ส่วนแม่ก็อยู่บ้านปลูกผักขายแต่รายได้ก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะทั่วทั้งเมืองและหมู่บ้านที่ครอบครัวนี้อยู่ ทุกบ้านต่างก็ปลูกผักขายเหมือนๆ กัน ลี่อินมีพี่ชายอายุ10ปีหนึ่งคนที่คอยช่วยงานแม่ และยังมีน้องชายฝาแฝดอายุ 5 ปีอีกสองคน
ดวงดาวมองเห็นเรื่องราวของลี่อินเพียงเท่านี้ไม่มีสิ่งใดหรือรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมอีก จากนั้นอาการปวดหัวมึนหัวที่เป็นอยู่ก็ค่อยๆ หายไป ร่างกายที่ไม่มีเรี่ยวแรงก็ค่อยๆ รู้สึกว่ามีกำลังขึ้น และจากที่หายใจลำบากตอนนี้ก็กลับมาหายใจได้เป็นปกติ
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตนเองดีขึ้นแล้ว เสียงพูดคุยข้างๆ ที่ไม่ได้สนใจ ตอนนี้จึงลองตั้งใจฟังเพื่อจะได้รับรู้สถานการณ์ของตนเองว่าถูกพามาส่งโรงพยาบาลแล้วหรือยัง เพราะเธอได้กลิ่นอับๆ และอากาศที่ร้อน ซึ่งมันไม่น่าจะใช่โรงพยาบาลแน่ๆ เมื่อตั้งใจฟังเสียงพูดคุยก็ให้แปลกใจ ภาษาที่เธอได้ยินเป็นภาษาจีนและไม่ใช่จีนที่คนทั่วไปใช้กัน เพราะคำบางคำคนจีนสมัยใหม่ไม่นิยมใช้แล้ว ดวงดาวสามารถพูดและอ่านภาษาจีนได้จึงพอเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดกัน
ดวงดาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพื่ออยากมองสำรวจรอบๆ ตัวก็ต้องตกใจ เพราะสิ่งที่เธอเห็นคือห้องไม้เก่าค่อนข้างทรุดโทรม มีแสงลอดเข้ามาตามรูบนฝาผนังที่มีอยู่ประปราย ส่วนหลังคาก็ทำจากหญ้าแห้งที่ดูไม่ค่อยน่าจะกันแดดกันฝนได้สักเท่าไหร่ ส่วนขนาดของห้องนี้ก็เล็กกว่าห้องพักของแม่บ้านในคอนโดของเธอเสียอีก
พอหันมองไปด้านข้างที่เธอนอนอยู่ก็เห็นเด็กผู้ชายผมยาวอยู่สามคน ทั้งสามคนตัวผอมมาก แต่มีอยู่คนที่ตัวโตกว่าอีกสองคนและใบหน้าที่เห็นนั่นเหมือนกับที่เธอเห็นในหัวเมื่อกี้นี้เลย พี่ชายคนโตและน้องชายฝาแฝดของเด็กน้อยลี่อิน ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไร หนึ่งในเด็กฝาแฝดก็หันมามองเห็นเธอ และก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจออกมา
"พี่รอง ท่านฟื้นแล้ว ท่านแม่ พี่รองฟื้นแล้วขอรับ พี่รองฟื้นแล้ว" หลังจากที่เด็กน้อยมองเห็นเธอก็ตะโกนด้วยความดีใจเสียงดังลั่นและยังรีบวิ่งออกไปด้านนอกอีกด้วย
"น้องรองเจ้าฟื้นแล้ว ครั้งนี้เจ้าทำให้พี่หวาดกลัวจริงๆ" เด็กชายหรือพี่ใหญ่ของลี่อิน เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ และยังกระชับมือที่จับมือของเธอเอาไว้อีกด้วย
ดวงดาวรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่เด็กน้อยพวกนี้พูดเหลือเกิน พอคิดเอ่ยปากถามกลับไม่มีเสียงใดลอดออกจากปากของเธอเลย และยังรู้สึกเจ็บคอมากอีกด้วย แต่ก่อนที่จะได้ลองเอ่ยปากอีกครั้ง ประตูห้องก็เปิดออก และมีหญิงสาวอายุน่าจะสักยี่สิบกว่าเดินเข้ามานั่งด้านข้าง ค่อยๆ พยุงร่างของเธอให้นั่งผิงผนังห้องเอาไว้ แล้วรวบร่างของเธอเข้าไปกอดไว้เบาๆ อย่างทะนุถนอม
"ลี่อินลูกฟื้นแล้ว ครั้งนี้เจ้าหลับไปนานเหลือเกิน นานจนแม่กลัวว่าเจ้าจะไม่ฟื้นขึ้นมาหาแม่อีก" เสียงพูดติดสะอื้นของหญิงสาวนางนี้ดังอยู่ข้างๆ หู ดวงดาวได้แต่ตกใจกับอ้อมกอดและสิ่งที่ได้ยิน แม้อยากจะขัดขืนแต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกดีและอบอุ่นกับอ้อมกอดนี้เหลือเกิน และเธอก็ไม่คิดว่าตอนนี้ตนเองจะมีแรงพอที่จะพาตัวออกไปจากอ้อมกอดนี้ได้ จึงได้แต่อยู่นิ่งๆ ให้ผู้หญิงคนนี้ที่เรียกตนเองว่าแม่กอดต่อไป
"น้องรองเจ้าหลับไปหลายวัน ตอนนี้หิวไหม พี่ใหญ่จะไปตักข้าวต้มมาให้" พี่ใหญ่ของลี่อินเอ่ยถามด้วยท่าทางและสายตาที่ดูห่วงใย
"ดูสิ แม่มัวแต่ดีใจลืมไปเลยว่าเจ้าหลับไปถึงห้าวัน ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว ลี่ตง เจ้าไปตักข้าวต้มกับน้ำต้มมาให้น้องเถอะ" แม่ของลี่อินพยุงเธอให้พิงผนังห้อง และใช้มือเช็ดน้ำตาตนเองและเอ่ยปากบอกบุตรชายคนโตให้ไปตักข้าวต้มมาให้เธอ พอพี่ใหญ่ของลี่อินเดินออกไป แม่ของลี่อินก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้กับเธอ
"พี่รองต่อไปท่านห้ามนอนหลับไปหลายวันเช่นนี้อีกนะขอรับ ข้ากับน้องเล็กไม่ชอบเลย" หนึ่งในเด็กแฝดเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังทั้งยังยกมือขึ้นมากอดอกตนเองเอาไว้ เป็นภาพที่ทั้งตลกและก็น่าเอ็นดูไปพร้อมกัน
"จริงด้วยข้ากับพี่สามมานั่งเฝ้าพี่รองทุกวันเลย ทั้งเรียกทั้งปลุกท่านก็ไม่ยอมตื่นเสียที" เด็กแฝดอีกคนก็ทำเหมือนอีกคนยกมือขึ้นมากอดอกตนเอง และพูดไปก็พยักหน้าไปด้วย
ดวงดาวถึงแม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแต่ก็ยังอดรู้สึกเอ็นดูและอบอุ่นกับความห่วงใยของเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้ จึงทำได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับเพื่อไม่ให้เด็กน้อยทั้งสองต้องเสียใจ
รอไม่นานพี่ใหญ่ของลี่อินก็เดินถือถาดไม้เก่าเข้ามา บนนั้นมีชามที่ส่งควันออกมาอยู่สองใบ พอเดินมาถึงด้านข้างที่เธอนั่งพิงผนังห้องอยู่ก็วางถาดลงบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ และยกชามใบหนึ่งส่งให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเธอ
เมื่อรับชามนั้นมาแล้วหญิงสาวหรือมารดาของลี่อินก็ใช้ช้อนตักน้ำเปล่าจากชามมาทีละช้อนเพื่อให้เธอค่อยๆ ดื่มลงไป เมื่อดื่มน้ำไปได้ครึ่งชามลำคอที่เคยแห้งจนเจ็บก็รู้สึกดีขึ้น มารดาของลี่อินก็นำชามที่มีน้ำสีขาวขุ่นมาตักป้อนเธออีกครั้ง พอกลืนลงคอไปแล้วถึงรู้ว่ามันคือข้าวต้ม ที่มีน้ำมากกว่าเมล็ดข้าวและรสชาติก็จืดสนิท แต่เห็นสายตาของเด็กน้อยทั้งสามและหญิงสาวที่คอยตักป้อน เธอจึงกินน้ำข้าวต้มชามนั้นจนหมด
"เจ้านอนพักเถอะ รอให้พ่อของเจ้ากลับมาจากทำงานคงจะซื้อยากลับมาด้วย ส่วนพวกลูกก็ออกไปได้แล้วให้พี่รองได้นอนพัก" มารดาของลี่อินพยุงเธอให้นอนพร้อมกับห่มผ้าห่มผืนบางที่มีรอยปะชุนไม่น้อยให้กับเธอ
ดวงดาวพยักหน้ารับทันที และทำเป็นหลับตานอน ตอนนี้เธออยากจะอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แล้วคนทั้งหมดก็พากันออกไปจากห้อง
เมื่อได้ยินเสียงว่าทุกคนออกไปหมดแล้วดวงดาวจึงลืมตาขึ้นมองเพดานหญ้าอีกครั้ง และก็เริ่มมองสำรวจรอบๆ ห้อง ทุกอย่างยังเหมือนที่เธอเห็นเมื่อตอนลืมตาขึ้นมาครั้งแรก เธอลองยกแขนขึ้นมาก็เห็นแขนเล็กๆ ที่ดูก็รู้ว่าเป็นของเด็ก และยังผอมจนหนังแทบติดกระดูกอีกด้วย ส่วนเสื้อผ้าก็เหมือนกับชุดที่เธอเคยเห็นในซีรี่ย์จีนเป็นผ้าเนื้อหยาบที่มีรอยปะชุนเต็มไปหมด
ตอนนี้ความเป็นไปได้อย่างเดียวที่เธอคิดออกก็คือเธอตายแล้วและวิญญาณของเธอก็มาอยู่ในร่างของเด็กน้อยลี่อิน ที่ก็คงจะตายเพราะร่างกายอ่อนแอนั้นเอง หรือว่าคำขอของเธอจะเป็นจริงถึงแม้ครอบครัวนี้จะยากจน แต่กลับรักใคร่และดูแลกันและกันเป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นครอบครัวอบอุ่นอย่างที่เธอต้องการเลยก็ได้
ความยากจนเธอไม่กลัวหรอกหญิงวัยเกือบชราที่มาจากยุคสองพันเช่นเธออย่างน้อยๆ ความรู้ ความสามารถที่มีก็คงไม่ถึงกับไร้ประโยชน์สำหรับที่นี่หรอก เรียกได้ว่าตอนนี้เธอได้โอกาสที่จะทำสิ่งที่ตนเองปรารถนาก่อนตายให้เป็นจริงแล้ว
*********