“ข้าต้องเปิดประตูไปยังนครศิลาก่อน แล้วค่อยคิดหาทางแย่งชิงอัญมณีแห่งชีวิต คฑาวิเศษจงเปิดประตูมิติบัดเดี๋ยวนี้”
เบลล่ายกคฑาขึ้นแล้วร่ายเวทย์ คฑาวิเศษเปล่งแสงสีฟ้าเป็นรัศมีวงกลมโอบล้อมร่างงดงามของนาง แล้วพาแม่มดสาวไปยังนครศิลาในเวลาเพียงชั่วอึดใจ
ร่างของแม่มดสาวปรากฎตัวอีกครั้งบนยอดเขาสูง ที่แห่งเดียวกับยอดเขาสครมาตา แต่เป็นอีกมิติหนึ่งของโลกคู่ขนาน
“ที่นี่หรือนครศิลา ช่างแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้”
บนยอดเขามีต้นหญ้าขึ้นปกคลุม ยอดเขายอดอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มีสภาพอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ช่างแตกต่างจากยอดเขาสครมาตาที่โลกมนุษย์ที่มีแต่หิมะ แม่มดเบลล่าร่ายเวทย์เสกลูกบอลแก้วพาตัวเองเหาะไปสำรวจรอบๆ โดยใช้เวทมนตร์พรางกายไม่ให้ใครเห็น จนมาพบกับหมู่บ้านตั้งอยู่เชิงเขา มีบ้านของชาวบ้านตั้งอยู่ ผู้คนต่างทำงานกันขวักไขว่ ในตลาดมีแม่ค้านำของมาวางขายมากมาย เสียงหัวเราะของเด็กวิ่งเล่นกันดูร่าเริง เสียงพูดคุย เสียงทำอาหารในครัว ทำให้แม่มดสาวรู้สึกอบอุ่น
“ที่นี่ดูมีความสุขกันเสียจริง ช่างต่างจากดินแดนแห่งเวทมนตร์”
แม่มดสาวร่ายเวทย์สลายลูกบอลแก้ว พาตัวเองออกมาด้านนอก มองดูการแต่งกายของชาวบ้าน แล้วร่ายเวทย์เสกเสื้อผ้าปลอมแปลงกายตัวเองให้กลายเป็นชายหนุ่มหน้าธรรมดาไม่ให้สะดุดตาใคร จากนั้นจึงเดินเข้าไปสำรวจหมู่บ้าน
“พ่อหนุ่ม เจ้ามาจากที่ไหน ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย”
แม่ค้าในตลาดเอ่ยทักทายผู้มาเยือน ทำเอาเบลล่าในร่างของชายหนุ่มที่กำลังเดินสำรวจไปรอบๆ หมู่บ้าน ต้องหยุดพูดคุยด้วยเพื่อไม่ให้เป็นพิรุธ
“ข้ามาจากหมู่บ้านที่ไกลจากที่นี่มาก ข้ากำลังหาที่พัก ที่นี่พอมีโรงพักผ่อนบ้างหรือไม่”
“หมู่บ้านคีรีเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีโรงพักผ่อนหรอกพ่อหนุ่ม หากเจ้าต้องการที่พักจงไปหาผู้นำหมู่บ้าน เขาจะจัดที่พักให้เจ้าเอง” แม่ค้าแนะนำ
“แล้วบ้านของผู้นำหมู่บ้านอยู่ที่ใด” เบลล่าเอ่ยถาม
“เดินตรงไปยังกลางหมู่บ้าน เจ้าจะพบบ้านหลังใหญ่ นั่นแหละบ้านของผู้นำของเรา”
“ขอบคุณท่านมาก”
เบลล่าถือโอกาสเดินสำรวจไปรอบๆ หมู่บ้าน ผู้คนในหมู่บ้านนี้ ต่างมีอัธยาศัยไมตรีดี ยิ้มทักทายผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร แม่มดสาวสังเกตเห็นว่าผู้คนใช้ก้อนทองคำในเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนสินค้า จึงเสกทองคำนำมาใช้จ่ายบ้าง นางซื้อผลไม้นำติดมือไปด้วย เมื่อเดินจนเมื่อยจึงไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้านเพื่อขอที่พักในคืนนี้ตามคำแนะนำของแม่ค้า
บ้านของผู้นำหมู่บ้านสร้างจากหิน หลังใหญ่ดูโอ่อ่ากว่าบ้านของชาวบ้านคนอื่น มีคนรับใช้คอยทำความสะอาดและดูแลอยู่ เบลล่าจึงเดินเข้าไปหาคนรับใช้คนหนึ่ง
“ข้าเดินทางรอนแรมมาไกลต้องการที่พัก แม่ค้าในตลาดบอกข้าว่า ให้ข้ามาขอพบท่านผู้นำหมู่บ้าน แล้วท่านจะจัดที่พักให้ข้า”
“อ๋อ เจ้าคงเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก มาเถอะข้าจะนำทางไปพบท่านผู้นำมูซาเอง”
เบลล่าเดินตามคนรับใช้คนนั้นเข้าไปในบ้าน เขาพานางไปยังห้องโถงของบ้าน ผู้นำหมู่บ้านเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเหนือริมฝีปากท่าทางดูภูมิฐาน สวมเสื้อผ้าทำจากผ้าไหมชั้นดี แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่สวมเสื้อผ้าทำจากผ้าฝ้ายธรรมดา
“ท่านมูซา ชายผู้นี้เป็นคนเดินทาง เขามาขอพบท่านขอรับ” คนรับใช้รายงานผู้เป็นนาย
“เจ้าชื่ออะไร” มูซาเอ่ยถามผู้มาเยือน
เบลล่าค้อมศีรษะทำความเคารพ เลียนแบบคนรับใช้ของผู้นำหมู่บ้าน ก่อนจะแนะนำตัวว่า
“ข้าชื่อเบน เดินทางมาจากหมู่บ้านที่ห่างไกลจากที่นี่มาก คืนนี้ข้าต้องการที่พักแรม ขอท่านมูซาช่วยเหลือข้าด้วย”
“อืม ได้สิ บ้านข้า มีที่พักไว้รับรองผู้มาเยือนต่างถิ่นอยู่แล้ว เจ้าจะเดินทางไปที่ใดต่อหรือ” มูซาสอบถาม
“ข้ากำลังจะเดินทางไปหาท่านนักพรตชาครีย์ ไม่ทราบว่าท่านพอจะทราบหรือไม่ ว่าท่านนักพรตพำนักอยู่ที่ใด”
แม่มดสาวถือโอกาสสืบหาที่อยู่ของนักพรตชาครีย์ โดยถามจากผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้
“ท่านนักพรตอยู่ที่วิหารศิลา ไม่ไกลจากที่นี่ แล้วเจ้าต้องการมาพบกับท่านนักพรตทำไม”
มูซาเอ่ยถาม ปกติผู้คนที่เดินทางมาหาท่านักพรตชาครีย์ มักจะมาขอความช่วยเหลือ หรือนำของมาถวายให้ท่านนักพรตเพื่อขอพร
“หมู่บ้านของข้าประสบภัยแล้ง ฝนไม่ตกมาหลายปีแล้ว ข้าได้ข่าวท่านนักพรตชาครีย์ มีอัญมณีวิเศษสามารถบันดาลสิ่งต่างๆ ได้ ข้าจึงเดินทางมาขอให้ท่านช่วย”
“อ้อ ท่านนักพรตชาครีย์ ท่านมีอัญมณีแห่งชีวิต สามารถทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ หมู่บ้านคีรีของข้าอยู่ใกล้กับวิหารของท่านนักพรต ด้วยอำนาจวิเศษของอัญมณีแห่งชีวิต บันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า”
ผู้นำหมู่บ้านพูดถึงนักพรตด้วยความนับถือ นักพรตชาครีย์คือผู้ที่ทุกคนในหมู่บ้านคีรีให้ความเคารพสูงสุด ทำให้แม่มดสาวอยากเห็นหน้าของนักพรตขึ้นมา
“ข้าอยากไปพบท่านนักพรต ท่านพาข้าไปพบท่านนักพรตได้หรือไม่”
“ได้สิ วิหารของท่านนักพรต อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เดินทางไปไม่กี่นาทีก็ถึง”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านได้โปรดนำทางข้าไปด้วยเถิด”
เบลล่าไม่อยากเสียเวลารอ อยากไปพบกับผู้ครอบครองอัญมณีแห่งชีวิต บางทีนางอาจจะหาทางชิงอัญมณีมาได้โดยไม่ต้องใช้เวลานาน
“เชิญทางนี้ ข้าจะนำทางไป”
ผู้นำหมู่บ้านเดินนำแม่มดเบลล่าออกจากบ้านไปยังทิศเหนือ ถนนโรยด้วยกรวดทอดยาวไปจากหมู่บ้านตรงไปยังวิหารสีขาวทำจากหินอ่อนทั้งหลัง ประดับลวดลายฉลุรอบตัวโบสถ์ มีหน้าต่างโค้งแหลม ด้านหน้าโบสถ์มีหอคอยสูงตั้งตระหง่านกระหนาบตัวอาคารทั้ง 2 ข้าง มียอดโดมปลายแหลม ส่วนทางเข้าตรงกลางเป็นหลังคาจั่วมีช่องแสงและลวดลายประดับ ดูสวยงดงามไม่แพ้ปราสาทของราชินีแม่มด บริเวณรอบๆ วิหารปลูกต้นไม้ไว้ดูร่มรื่น มีการตกแต่งข้างทางเดินด้วยไม้พุ่มและกระถางดอกไม้ ประตูทางเข้าเป็นซุ้มดอกกุหลาบเถาสีขาว ส่งกลิ่นหอมอบอวลมาตามสายลม