ระหว่างที่นางกำลังยื่นมือออกไปหาลูกสาวของร่างนี้ เด็กชายตัวน้อยซึ่งเป็นบุตรชายของนางก็รีบเดินมายืนขวางถ่างขาตั้งท่าเตรียมสู้เพื่อปกป้องน้องสาวของตนเอาไว้ ให้ตายเถอะ เธอทำไมถึงสร้างบาดแผลไว้ในใจของลูก ๆ มากมายขนาดนี้ ไม่เป็นไร มารดาผู้น่ารังเกียจคนนี้จะเติมเต็มความรักให้เจ้าทั้งสองเอง
"มารดาผู้น่ารังเกียจคนนี้ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เราเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ หรงเออร์ ซือเออร์"
"จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่"
เด็กหญิงตัวน้อยเผยรอยยิ้มออกมาให้เฟยเซียนได้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ในแววตาของหนูน้อยกลับมีความหวาดระแวงเจือปนให้เห็นอยู่หลายส่วน
"อย่าไปเชื่อนะซือซือ ครั้งก่อนเจ้าก็ดีใจได้เพียงชั่วข้ามคืน เช้าวันต่อมานางก็ทุบตีเจ้าอีก ไยเจ้าจึงไม่รู้จักจำ"
เฟยเซียนหันมองบุตรชายของร่างนี้ด้วยความกลัดกลุ้มในใจ ดูท่าเจ้าหนูคนนี้จะเป็นคนใจแข็งแตกต่างจากน้องสาวโดยสิ้นเชิง
"แม่เข้าใจว่าเจ้าไม่เชื่อในสิ่งที่แม่พูด เอาเป็นว่าแม่จะทำให้เจ้าเห็นว่ามารดาผู้น่ารังเกียจคนก่อนของพวกเจ้า นางได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ต่อไปมีเพียงมารดาผู้นี้"
"จริงนะเจ้าคะท่านแม่"
"จริงสิซือเออร์ มารดาผู้นี้จะไม่ทำให้เจ้าทั้งสองต้องคับข้องใจ จงทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ ลิขิตชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการ"
ร่างของเฟยเซียนที่ถูกเหลียนฝางพยุงให้นั่งอยู่บนเตียง ใช้มือลูบลงที่กลุ่มผมของหนูน้อยซือซือเบา ๆ ด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
"ข้าไม่เชื่อ เชอะ!"
พูดจบคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงก็เดินสะบัดหน้าออกไปจากห้องนอนของมารดาทันที เฟยเซียนได้แต่เอ็นดูร่างเล็กจ้อยที่พูดยังไม่ชัดถ้อยชัดคำทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ แต่กลับมีความแน่วแน่เกินกว่าที่เด็กอายุเท่านี้จะทำกัน
"ฮูหยินอย่าถือสาคุณชายน้อยเลยนะเจ้าคะ"
"ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ พี่ใหญ่แค่อยากปกป้องซือซือจะ..จาก...เอ่อ"
หนูน้อยซือซือรีบอุดปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากวิจารณ์ท่านแม่ของตนเองในทางที่ไม่ดีอีกแล้ว
"ปกป้องเจ้าจากแม่ ใช่หรือไม่"
"ทะ..ท่านแม่ ซือซือขออภัยเจ้าค่ะ ซือซือไม่ได้ตั้งใจ ฮึก"
ร่างเล็กจ้อยนั่งน้ำตาคลออยู่บนขอบเตียงของมารดา ใบหน้าเล็กก้มลงที่ตักของตนพร้อมกับปากจิ้มลิ้มที่เบะคว่ำด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นหนูน้อยก็ยังอยากอยู่ใกล้มารดา อยากพูดคุยเล่นเหมือนที่แม่ลูกบ้านอื่นเขาทำกัน
"ขยับเข้ามาใกล้ ๆ แม่เร็วเข้า"
"อึก ท่านแม่ ซึ..ซือซือขออภัยเจ้าค่ะ"
ปากเล็ก ๆ พร่ำเอ่ยขอโทษมารดาไม่หยุด ในขณะเดียวกันหนูน้อยก็ค่อย ๆ เขยิบตัวเข้าไปหามารดาตามที่อีกฝ่ายออกคำสั่ง แม้จะต้องเจ็บตัวหนูน้อยก็ยอม ขอเพียงแค่ให้ท่านแม่หายโกรธก็พอ
"ขอแม่กอดเจ้าได้หรือไม่ หยุดร้องได้แล้ว แม่ไม่ได้โกรธเคืองอันใดเจ้าเลย ซือเออร์ไม่ได้ทำอะไรผิด ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องขอโทษแม่ หยุดร้องนะเด็กดี"
ไม่ใช่เพียงเหรินลู่ซือเท่านั้นที่ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟยเซียนพูดออกมา บ่าวรับใช้ในเรือนต่างก็ตกใจกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน จะเป็นไปได้อย่างไรกัน หรือว่าผีร้ายตนใดเข้าสิงในร่างของนางกันแน่
"ฮึก ฮื้อออ ทะ..ท่านแม่ ซือซือรักท่านแม่ ฮื้อ ท่านแม่เป็นแบบนี้ตลอดไปได้หรือไม่เจ้าคะ ฮึก อึก ซือซืออยากได้ท่านแม่คนนี้"
เฟยเซียนดึงร่างเล็กของหนูน้อยซือซือเข้าสู่อ้อมกอดอุ่น นี่ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เธอได้ยินว่ามีคนต้องการเธอ เธอจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไม่หากจะยึดครองลูกชายและลูกสาวของร่างนี้มาเป็นของตนเอง แต่ไม่สิ! ก็จ้าวเฟยเซียนคนเดิมนางตายไปแล้วหนิ เช่นนั้นจากนี้ไปเธอจะเป็นแม่ให้เด็กทั้งสองคนนี้เอง
"ได้สิ แม่สัญญาว่าจะอยู่กับซือเออร์ตลอดไป"
"ท่านแม่ ฮื้อออ ซือซือรักท่านแม่เจ้าค่ะ ฮื้อออ"
"ปล่อยน้องข้าเดี๋ยวนี้นะ! ซือซือรีบออกมาเร็วเข้า พี่บอกเจ้าแล้วว่ามารดาผู้นี้น่ารังเกียจไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตนเองได้"
คุณชายน้อยของจวนแม่ทัพไม่พูดพร่ำหรือรับฟังอันใด เมื่อได้ยินเสียงน้องสาวร้องไห้ก็รีบเข้ามาต่อว่ามารดาทันที
"ฟังก่อนหรงเออร์ แม่ไม่ได้ว่าอะไรน้องเลย"
"ไม่จริง ท่านทุบตีซือซืออีกแล้วใช่หรือไม่?"
"ฮึก พี่ใหญ่ ทะ..ท่านแม่ไม่ได้ทำอะไรซือซือ ท่านแม่กอดซือซือเห็นหรือไม่ อึก พี่ใหญ่มากอดท่านแม่ด้วยกันเร็วเข้า ท่านแม่ผู้นี้ใจดียิ่งนัก"
แม้น้องสาวจะออกหน้าแก้ต่างแทนมารดาแต่เหรินเฟยหรงก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง
"แม่ขอกอดเจ้าได้หรือไม่ หรงเออร์"
"มะ..ไม่!"
เหรินเฟยหรงรีบวิ่งออกจากห้องอย่างร้อนรน อย่างไรเขาก็ไม่มีวันเชื่อว่ามารดาผู้น่ารังเกียจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ในขณะเดียวกันท่านหมอฮัว หมอชื่อดังของเมืองนี้ก็รีบเดินเข้ามาดูฮูหยินท่านแม่ทัพอย่างรวดเร็วพร้อมกับคหบดีจ้าวเฉิงที่มีท่าทางร้อนรนไม่ต่างกัน
"เซียนเออร์ เซียนเออร์ของพ่อ เจ้าฟื้นแล้วหรือลูก เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สึกเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่"
วินาทีแรกที่เฟยเซียนได้เห็นบิดาของร่างนี้ ขอบตาของนางร้านผ่าวปนเจ็บปวดเหมือนถูกแรงบีบรัดมาจากส่วนลึกในหัวใจ หวังว่าเขาผู้นี้คงไม่ใจร้ายเหมือนชาติก่อนที่นางจะมาที่นี่
"ท่านพ่อ"
"พ้นเคราะห์แล้วนะลูก ฮึก รู้หรือไม่ว่าใจพ่อแทบขาดรอนในยามที่เข้านอนแน่นิ่ง จากนี้ไปเริ่มต้นกันใหม่นะเซียนเออร์"
นายท่านจ้าวกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวทั้งน้ำตา รักเดียวของเขาคือบุตรสาวคนนี้ ห่วงเดียวของเขาก็คือบุตรสาวคนนี้เช่นกัน
"เจ้าค่ะ"
น้ำตาของเฟยเซียนไหลอาบใบหน้า ในที่สุดสิ่งที่นางรอคอยมาทั้งชีวิตนางก็มีโอกาสได้ยินแล้ว แม้จะไม่ใช่คำว่ารักจากปากของบิดาในชาติที่นางจากมาก็ตาม หนูน้อยซือซือยิ่งได้เห็นมารดาร้องไห้ก็ยิ่งร้องตามอย่างน่าเอ็นดู
"ท่านหมอฮัว รีบมาตรวจบุตรสาวของข้าเร็วเข้า ยาบำรุงชั้นดีรีบจัดมาอย่ารอช้า เงินทองท่านต้องการเท่าไหร่บอกข้ามาได้เลย"
ใบหน้าของเฟยเซียนมีรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา ใครจะไปรู้ว่าบิดาของนางในชาตินี้จะเป็นคนใจกว้างดั่งมหาสมุทร ขอเพียงสิ่งใดที่เป็นความต้องการของบุตรสาว ท่านย่อมหามาประเคนให้นางอย่างไม่มีข้อแม้ ก็แน่ล่ะสิ ขนาดท่านแม่ทัพ ท่านก็ยังนำมาประเคนให้บุตรสาวได้เลย เสียงในหัวของเฟยเซียนดังขึ้นในระหว่างที่ท่านหมอฮัวกำลังตรวจร่างกายของนาง
"ขอรับนายท่านจ้าว"
ท่านหมอฮัวเริ่มทำการจับชีพจรและฝังเข็มพร้อมกับจัดยาบำรุงหลายตัวให้กับเฟยเซียนได้ดื่ม เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ให้กลับมาแข็งแรงและทำให้นางพร้อมที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง หลังจากที่นางนอนเป็นผักอยู่บนเตียงนานแรมเดือน
ในขณะเดียวกัน
"เรียนฮูหยิน ที่หน้าประตูจวนแจ้งมาว่า ท่านแม่ทัพให้ม้าเร็วนำเบี้ยหวัดรายเดือนมาส่งพร้อมกับจดหมายฉบับนี้เจ้าค่ะ แต่ว่า..คือ"
สาวใช้เริ่มไม่กล้าพูดต่อเพราะเกรงว่าฮูหยินจะอาละวาดหลังจากที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา
"พูดมาเถอะ..ต่อให้ฟ้าจะถล่มหรือดินจะทลาย ยังไงข้าก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่างอยู่ดี"
"คือ ท่านแม่ทัพให้ม้าเร็วรอฟังคำตอบแล้วนำกลับไปรายงานด้วยเจ้าค่ะ"
เฟยเซียนรีบกวักมือเรียกให้สาวใช้รีบนำจดหมายไปให้ตน นางอยากรู้เหลือเกินว่าจดหมายฉบับนี้จะมีเนื้อหายังไง ในความทรงจำของร่างนี้ไม่เคยเลยสักครั้งที่สามีของนางจะเหลียวแลนาง นั่นจึงเป็นเหตุให้นางตรอมใจจนต้องใช้สุราบรรเทาทุกข์ตามคำแนะนำของสหาย
จริงสิ! นางยังมีสหายรักที่ชื่อว่า หม่าซูฮวา สหายนางนี้ใจคดยิ่งกว่าอสรพิษร้าย นึกมาถึงจุดนี้เฟยเซียนก็อยากเอาคืนสตรีนางนั้นสักหน่อย
"หนังสือหย่า!"
ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มมุมปากที่ทุกคนเห็นแล้วต้องถอยห่าง ดีจริง ๆ ฟื้นขึ้นมาสามีก็ส่งหนังสือหย่ามาให้ถึงเตียง
"อะไรนะ! มันจะหยามหน้ากันเกินไปหน่อยแล้ว กล้าดียังไงถึงจะหย่ากับลูกข้า คิดว่าตนเองสูงส่งมาจากไหน เซียนเออร์อย่าไปสนใจนะลูก เดี๋ยวพ่อจัดการเรื่องนี้ให้เอง"
นายท่านจ้าวร้อนรนยิ่งกว่าบุตรสาวที่เป็นผู้ถูกขอตัดขาดเสียอีก เวลานี้เฟยเซียนตั้งใจอ่านเนื้อหาในหนังสือหย่าโดยละเอียดเพื่อจะตัดสินใจต่อว่านางต้องทำอย่างไร เนื้อหาข้างในมีอยู่ว่า
หนังสือหย่า
นายท่านจ้าวหลิวหยาง ข้า เหรินเจี๋ย ขอให้ท่านอนุญาตในการตัดสัมพันธ์ระหว่างข้าและฮูหยิน เนื่องจาก ฮูหยินไร้คุณธรรมทุบตีทำร้ายร่างกายบุตรชายและบุตรสาว อีกทั้งประพฤติตัวไม่เหมาะสม เสพติดสุรามัวเมาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ประการสุดท้ายในขณะนี้ฮูหยินป่วยเป็นโรคร้ายไม่ได้สติเป็นเวลานาน จึงเกรงว่าจะส่งผลเป็นโรคติดต่อให้กับผู้อื่นในจวนไปด้วย เมื่ออยู่แล้วไม่มีอันใดดีขึ้น จึงขอนายท่านจ้าวเป็นพยานในการตัดสายสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาครั้งนี้ เหริยเจี๋ย.
"เหลียนฝาง ไปนำกระดาษกับพู่กันมาให้ข้า"
เหลียนฝางที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้อนใจจนต้องเอ่ยถามฮูหยินของตนเอง ผู้ใดก็รู้ว่าฮูหยินปักใจรักและเฝ้ารอท่านแม่ทัพมานานแค่ไหน เหตุใดนางจึงจะยอมลงนามในใบหย่าอย่างง่ายดายเช่นนี้
"ฮูหยินจะยอมหย่าขาดจริงหรือเจ้าคะ"
"ไปเถิด ประเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้เอง"
เหลียนฝางทำตามที่นายหญิงของตนบอกอย่างว่าง่าย แต่ตอนนี้มีเพียงหนูน้อยซือซือที่ซบไหล่ท่านตาอยู่ทั้งยังสะอื้นเบา ๆ เมื่อได้ยินคำว่าหย่าร้าง หลายครั้งที่หนูน้อยเดินอยู่แล้วได้ยินบ่าวในเรือนพูดถึงเรื่องนี้ แม้หนูน้อยจะไม่เข้าใจว่าคืออะไรกันแน่ แต่ก็พอรู้ได้ว่ามันจะทำให้ครอบครัวของตนต้องแยกจากกัน
ทางด้านคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงที่แอบยืนฟังอยู่หน้าห้องก็เอาแต่นิ่งเงียบ แต่ในแววตาของเด็กชายนั้นกลับอัดอั้นประหนึ่งว่าพยายามแบกรับทุกอย่างเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะทำ
เป็นกำลังใจให้เด็ก ๆ ทั้งสองกับเฟยเซียนด้วยนะคะ มาดูกันว่านางจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง