นานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ว่าดวงวิญญาณของเฟยเซียนล่องลอยออกจากร่าง เธอไม่รู้ทิศทางว่าหลังจากนี้เธอจะไปที่ไหนต่อ เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลพัดพาให้เธอล่องลอยไปตามสายลมจนมาถึงที่นี่ ดินแดนยมโลก สถานที่หลังความตาย
เฟยเซียนมองดูรอบ ๆ ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉยละจากความตื่นเต้น โกรธแค้น ประหนึ่งว่าไม่สามารถรับรู้หรือมีความรู้สึกอะไรได้อีก
"เจ้าน่ะ วิญญาณดวงนั้นน่ะ เดินออกมานี่ซิ!"
"ฉันเหรอคะ"
"ใช่ เดินตามมานี่เร็วเข้า"
เฟยเซียนเดินตามผู้ดูแลที่มีรูปร่างบึกบึนน่าเกรงขาม กระนั้นพอเธอหันกลับไปมองคนอื่น ๆ ไม่มีใครสนใจที่เธอถูกเรียกตัวออกมาเพียงคนเดียวเลยสักนิด
"นางมาแล้วขอรับท่านพญายม"
"อื้อ จ้าวเฟยเซียน สตรีที่ยังไม่เคยมีโอกาสใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเลยสักครั้ง ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก"
พญายมที่นั่งอยู่บนแท่นตัดสินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเฟยเซียนอยู่ตรงหน้า ข้างกำแพงขนาดใหญ่ฉายชัดเรื่องราวในชีวิตของเธอตั้งแต่วัยเด็กจวบจนวันสุดท้ายที่เธอมีชีวิต ไม่มีเลยสักวันที่เธอจะยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุขจริง ๆ
"หลังจากนี้ฉันต้องไปที่ไหนต่อคะ"
น้ำเสียงของเฟยเซียนยอมรับชะตากรรมของตนเอง ก่อนตายเธอเพิ่งทะเลาะกับพ่อมา ตายแล้วไม่รู้จะมีโอกาสได้เกิดใหม่รึเปล่า นี่คือเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ
"เจ้าไม่อยากใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้างรึ"
"จะเป็นไปได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันตายแล้ว อีกอย่างร่างกายก็ฉันก็เหวอะหวะน่ากลัวขนาดนั้น"
"ช้าก่อน เจ้าลองดูโน่นก่อนสิ"
เฟยเซียนหันมองที่กำแพงตามที่ท่านพญายมบอก บนนั้นฉายชัดเรื่องราวของหญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอ ชื่อเหมือนเธอ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับทำตัวประหนึ่งว่าไม่รักชีวิตตัวเอง ละเลยลูกแฝดทั้งสองคน วัน ๆ เอาแต่ร่ำสุราให้วันคืนผ่านไป เพื่อเฝ้ารอวันที่สามีจะกลับมา โง่งมให้สหายปั่นหัวเหมือนคนบ้า หนำซ้ำสามีกับสหายรักกับลักลอบสานสัมพันกันลับหลังนาง จนตอนนี้ตนเองต้องนอนไม่ได้สติหรือที่เรียกว่าสภาวะผัก ถึงกระนั้นนางก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าสหายของนางไม่ได้หวังดีอะไรกับนางเลย
"ท่านจะให้ฉันไปใช้ชีวิตในร่างนั้นเหรอคะ"
"เจ้าสนใจหรือไม่ ร้านของเจ้าข้ายินดีให้เจ้านำติดตัวไปได้ในรูปแบบมิติหรือห้องลับระหว่างห้วงกาลเวลา"
เสียงของท่านพญายมดูทรงอำนาจก็จริงแต่เฟยเซียนคิดว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เล่าขานต่อ ๆ กันไป
"แต่ที่นั่นมีเค้าคนนั้น"
"หึ! เจ้าไม่ต้องกลัวไป กาลเวลานั้นเขารักเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด แต่เป็นเจ้าเสียเองที่ทำตัวไม่คู่ควรกับความรักที่บิดามอบให้"
"หมายความว่าทุกช่วงกาลเวลา เราสองคนได้เป็นพ่อลูกกันตลอดเลยเหรอคะ"
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องรู้ ตอบมาได้แล้วว่าเจ้ายินดีจะไปใช้ชีวิตที่นั่นหรือไม่"
"ไปค่ะ ฉันไป ที่ท่านบอกว่าฉันสามารถนำร้านไปด้วยได้ เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ"
"จริง หลับตาลงเถิด เมื่อเจ้าเข้าไปอยู่ในร่างนั้น ความทรงจำของนางจะทำให้เจ้าได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างในกาลเวลานั้นอีกครั้ง คำพูด วิถีการดำรงชีวิตต่าง ๆ เจ้าจะได้เรียนรู้ผ่านความทรงจำของนาง"
เฟยเซียนรวบรวมสมาธิแล้วหลับตาเตรียมพร้อมกับการเดินทาง แม้ในภาพที่เธอเห็นหญิงสาวคนนั้นจะอยู่ในยุคโบราณแต่เธอก็ไม่ได้หวั่นใจแม้แต่น้อย ขอเพียงเธอได้ใช้ชีวิตตามที่ใจต้องการบ้าง เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
"กลับไปยังสถานที่ที่เจ้าจากมา เจ้าอยู่ผิดที่ผิดทางมานานแล้ว"
ณ แคว้นต้าเหลียง จวนแม่ทัพเหรินเจี๋ย
"พี่ใหญ่ เมื่อไหร่ท่านแม่จะตื่นมาหาพวกเรา ซือซือคิดถึงท่านแม่ยิ่งนัก"
หนูน้อยเหรินลู่ซือวัยเพียง 4 หนาวพูดกับพี่ชายร่วมอุทรที่เกิดก่อนตนเพียงไม่นานด้วยความสงสัย นานนับเดือนแล้วที่มารดาของพวกเขานอนไม่ได้สติเช่นนี้
"ซือซือ เป็นแบบนี้ไม่ดีหรือน้องพี่ หากท่านแม่ตื่นขึ้นมาก็ดุด่าพวกเรา ไม่สู้ให้นอนอยู่แบบนี้เสียเลย"
เหรินเฟยหรงเอ่ยกับน้องสาว คำพูดของเด็ก ๆ ทั้งคู่อยู่ภายใต้การรับรู้ของเฟยเซียนทุกอย่าง นางเข้ามาอยู่ในร่างสภาพผักนี้ได้สักพักแล้ว แต่ยังไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงค่อย ๆ พยายามตามลำดับเท่านั้น
แต่ให้ตายเถอะ เจ้าของร่างนี้ต้องเป็นแม่แบบไหนลูกชายถึงไม่อยากให้นางตื่นกันนะ แค่คิดมาถึงจุดนี้ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเฟยเซียนเหมือนถูกอัดแน่นสิ่งต่าง ๆ จนสมองใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เต็มทีแล้ว
เจ้าของร่างนี้เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านจ้าวเฉิง คหบดีผู้ที่ร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดในเมืองนี้ เมื่อ 5 ปีก่อนขบวนเครื่องบรรณาการที่แม่ทัพเหรินเจี๋ยต้องรับหน้าที่ดูแล ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติระหว่างการเดินทางขนส่ง ในเวลานั้นผู้เดียวที่สามารถหาสิ่งของมีค่าเหล่านั้นได้มีเพียงนายท่านจ้าวเท่านั้น
จ้าวเฟยเซียนผู้เป็นบุตรสาวของนายท่านจ้าวจึงร้องขอต่อบิดา ให้เสนอข้อต่อรองการแต่งนางเข้าเป็นฮูหยินของจวนแม่ทัพ เพื่อแลกกับสิ่งของเหล่านั้น เหตุการณ์นั้นทำให้แม่ทัพเหรินเจี๋ยจำใจต้องรับข้อเสนอ
หลังจากส่งเครื่องบรรณาการเสร็จสิ้น แม่ทัพเหรินกลับมาแต่งจ้าวเฟยเซียนให้เป็นฮูหยินจวนแม่ทัพตามที่นางต้องการ เพียงคืนเดียวเท่านั้นที่เขายอมทำหน้าที่สามี เขาออกจากห้องหอในเช้ามืดวันต่อมา แม่ทัพเหรินเจี๋ยก็ปล่อยให้ฮูหยินของตนได้เป็นใหญ่ในจวนตามที่นางต้องการ ส่วนตัวเขาอาสานำทัพออกแนวหน้าตั้งหลักเฝ้าอยู่ที่ชายแดนนับแต่นั้นมา
แม้จ้าวเฟยเซียนจะส่งข่าวว่านางตั้งครรภ์ก็ไร้วี่แววของสามี กระทั่งนางคลอดบุตรชายและบุตรสาวฝาแฝด แม่ทัพเหรินก็ไร้การเหลียวแล แต่ที่น่าแปลกคือเงินทองของใช้กลับส่งให้ไม่เคยขาด หากแต่สิ่งที่จ้าวเฟยเซียนต้องการคือสามี หาใช่สิ่งของเงินทองเหล่านั้น
นานวันจ้าวเฟยเซียนก็กลายเป็นสตรีที่ติดใจในรสชาติของสุรา หลงมัวเมากับการดื่มด่ำไม่สนใจไยดีลูก ๆ เมามาก็อาละวาดทำร้ายลูก ครั้นบ่าวไพร่จะช่วยเหลือคุณหนูคุณชายของตนก็ไม่อาจทำได้ นอกเสียจากต้องรอเวลาให้ฮูหยินหมดสติไปก่อน และหม่าซูฮวาสหายรักของนางก็เป็นคนเขียนจดหมายบอกเล่าความร้ายกาจของนางส่งต่อให้แม่ทัพเหรินเจี๋ยได้รับรู้
"แค่ก ๆ นะ..น้ำ ขอน้ำหน่อย"
"ท่านแม่!"
"มารดาผู้น่ารังเกียจ ฮึ! ซือซืออย่าเข้าไป ประเดี๋ยวนางก็ทำร้ายเอาหรอก"
เหรินเฟยหรงรีบดึงมือน้องสาวเอาไว้แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว หนูน้อยที่บ่นคิดถึงมารดาตอนนี้เกาะขอบเตียงชะเง้อคอมองมารดาตาแป๋วจนพี่ชายต้องถอนหายใจ
"พี่เหลียนฝาง ท่านแม่ตื่นแล้ว มาเร็วเข้าเจ้าค่ะ"
"คุณหนูว่าอะไรนะเจ้าคะ ฮูหยินตื่นแล้วจริง ๆ เหรอเจ้าคะ ฮูหยิน ฮูหยินตื่นแล้วจริง ๆ ด้วย ท่านพ่อบ้านโจว ให้คนไปตามหมอมาเร็วเข้า อย่าลืมรีบไปรายงานนายท่านจ้าวด้วยนะเจ้าคะ"
เหลียนฝางสาวรับใช้ข้างกายของจ้าวเฟยเซียนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดูผู้เป็นเจ้านายของตนด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบหันไปบอกพ่อบ้านโจวที่กำลังวิ่งตามมาให้รีบไปเรียกหมอ พร้อมกับแจ้งข่าวให้นายท่านจ้าวได้รับรู้การตื่นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งของบุตรสาว
"ได้ ๆ ข้าจะให้คนไปตามเดี๋ยวแหละ"
"ฮูหยินดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะ ค่อย ๆ เจ้าค่ะ"
อึก อึก อึก
"อ๊าา ขะ..ขอบใจนะ เหลียนฝาง"
สาวรับใช้ที่ได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าของฮูหยินที่ชุบเลี้ยงนางมานับสิบปี หยดน้ำตาแห่งความปลื้มปีติก็ไหลรินออกมาไม่หยุด
"ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ ฮึก บ่าวกลัวเหลือเกินว่าฮูหยินจะไม่ตื่นขึ้นมา"
"ขะ...ข้า ต้องแทนตัวว่าข้าถูกแล้วสินะ ข้าไม่เป็นไรแล้วเหลียนฝาง เจ้าหยุดร้องเถอะ แล้วนั่นลูกแมวน้อยที่ไหนมาเกาะขอบเตียงอยู่ตรงนั้น"
เฟยเซียนทบทวนคำเรียกอีกครั้งก่อนจะตอบกลับสาวใช้ข้างกาย สายตาของนางไม่วายจะมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนเกาะขอบเตียงทำทีกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ ก็ใช่น่ะสิ จ้าวเฟยเซียนคนเก่าดุด่าลูกทุกครั้งที่เด็ก ๆ จะเข้าใกล้ ทำแบบนั้นย่อมเป็นเรื่องฝังใจเด็กอยู่แล้ว
"ทะ..ท่านแม่ ซือซือไม่ดื้อนะเจ้าคะ ท่านแม่อย่าดุซือซือเลยนะเจ้าคะ"
"หยุดนะ! มารดาผู้น่ารังเกียจ ห้ามทำร้ายน้องสาวของข้าเด็ดขาด"
ระหว่างที่นางกำลังยื่นมือออกไปหาลูกสาวของร่างนี้ เด็กชายตัวน้อยซึ่งเป็นบุตรชายของนางก็รีบเดินมายืนขวางถ่างขาตั้งท่าเตรียมสู้เพื่อปกป้องน้องสาวของตนเอาไว้ ให้ตายเถอะ เธอทำไมถึงสร้างบาดแผลไว้ในใจของลูก ๆ มากมายขนาดนี้ ไม่เป็นไร มารดาผู้น่ารังเกียจคนนี้จะเติมเต็มความรักให้เจ้าทั้งสองเอง
"มารดาผู้น่ารังเกียจคนนี้ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เราเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ หรงเออร์ ซือเออร์"