สหายรัก

1978 คำ
​ "ซือเออร์ หรงเออร์ เจ้าทั้งสองมาช่วยแม่แต่งตัวได้หรือไม่" เฟยเซียนเอ่ยถามเด็ก ๆ ทั้งสองที่ยืนอยู่กับท่านตาของพวกเขา หนูน้อยซือซือที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข การที่มารดาของตนจะยอมให้เข้าใกล้ช่างหาได้ยากยิ่ง แตกต่างจากพี่ชายของนางโดยสิ้นเชิงที่เกิดริ้วแดงบนแก้มจนปิดไม่มิด "ซือซือช่วยท่านแม่เจ้าค่ะ" "ดะ..ได้อย่างไรกัน บุรุษที่ไหนจะสามารถจ้องมองสตรีแต่งกายได้" "แต่เจ้าเป็นลูกแม่" "ท่านตาขอรับ พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ หลานยังต้องไปเก็บของที่ห้องอีกนะขอรับ" นายท่านจ้าวก้มมองหลานชายตัวน้อยที่กระตุกชายเสื้อของตนเองด้วยรอยยิ้มระคนเอ็นดู เจ้าเด็กนี่อาจจะมีหลายอย่างฝังใจเกี่ยวกับมารดา แต่ท่านเชื่อว่า จ้าวเฟยเซียนคนนี้สามารถเอาชนะใจเจ้าหนูน้อยคนนี้ได้แน่ ๆ "ไปสิหลานตา เซียนเออร์พ่อออกไปรอข้างนอกนะลูก เดี๋ยวทางนี้ให้เหลียนฝางกับสาวรับใช้คอยช่วยลูกอีกแรงนะ" "เจ้าค่ะท่านพ่อ" ก่อนจะออกไปนายท่านจ้าวจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาที่อยากแก่การคาดเดา สายตาถวิลหา สายตาที่บ่งบอกว่าเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว "เซียนเออร์คนเดิมของพ่อกลับมาแล้วสินะ" นายท่านจ้าวพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ภาพเหตุการณ์เมื่อ 17 ปีก่อนที่จ้าวเฟยเซียนตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดผุดขึ้นมาในหัวของเขา ตอนนั้นเฟยเซียนมีอายุได้เพียง 6 หนาวเท่านั้น หลังจากฟื้นขึ้นมา นางก็กลายเป็นคนใหม่ที่มีนิสัยใจคอผิดแปลกจากเดิมไปเสียสิ้น ราวกับว่าเป็นคนละคน "ท่านตาขอรับ หลานจะได้กลับมาที่นี่อีกหรือไม่" ระหว่างที่เดินกลับหอนอนของตน คุณชายน้อยเหรินเฟยหรงเอ่ยถามท่านตาของตนพร้อมกับมองไปรอบจวน หากจะบอกว่ารักที่นี่ก็คงไม่ใช่ เพราะเขากับน้องสาวไม่ได้มีความทรงจำดี ๆ ที่นี่เลย แม้แต่จะออกมาเดินเล่นนอกห้องก็มักจะได้ยินบ่าวไพร่นินทามารดา นั่นจึงเป็นเหตุให้สองพี่น้องกลายเป็นเด็กที่ซึมเศร้าไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน "สุดแล้วแต่ความต้องการของหลาน ตาเลี้ยงลูกไม่เคยบังคับจิตใจฉันใด ตาก็เลี้ยงหลานสุดแต่ใจของเจ้าฉันนั้น แต่หรงเออร์ ตาอยากจะให้เจ้าลองเปิดใจ มารดาของเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ต่อไปนี้ตาเชื่อว่าเจ้ากับน้องจะต้องใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข" "เชื่อได้จริงหรือขอรับท่านตา" แววตาของคุณชายตัวน้อยดูมีความหวังแต่ก็สั่นไหวในเวลาเดียวกัน นายท่านจ้าวจึงอุ้มหลานชายขึ้นมาสู่อ้อมกอดพร้อมกับปลอบประโลมในเวลาเดียวกัน "หรงเออร์จงวางใจ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ตาจะอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านของเราแล้ว" ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจัดเตรียมข้าวของใกล้จะเสร็จ จ้าวเฟยเซียนที่มีสาวรับใช้คอยช่วยแต่งกายให้ก็ถูกพาออกมานั่งที่ระเบียงหน้าทางเข้าเรือนหลักเพื่อเตรียมจะขึ้นรถม้าเดินทางกลับจวนจ้าว ช่วงเวลานั้นเองเสียงที่นางคุ้นเคยก็ดังขึ้น "เฟยเซียน ข้าได้ยินว่าเจ้าฟื้นแล้วจึงรีบเร่งมาดูเจ้าทันที เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง" หม่าซูฮวา หรือคุณหนูหม่ารีบเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ นางอย่างร้อนรน ประหนึ่งว่าทุกข์ร้อนแทนสหาย แต่ใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังนางซุกซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง มีเพียงจ้าวเฟยเซียนเท่านั้นที่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในดินแดนยมโลก "หม่าซูฮวา เจ้าจะมาเชยชมชัยชนะของตนเองใช่หรือไม่" "จะ..เจ้าพูดเรื่องใดกัน รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด" คุณหนูหม่าหน้าเสียทันทีที่ได้ยินคำพูดของจ้าวเฟยเซียน คงไม่ใช่ว่านางรอดตายแล้วจะฉลาดขึ้นทันทีหรอกนะ "เอ้า ก็เจ้าไม่ใช่หรือที่เป็นคนคอยแอบส่งข่าวเรื่องของข้าให้ท่านแม่ทัพได้รับรู้ ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ถวิลหาตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพต่อจากข้าอยู่" ยิ่งบ่าวรับใช้เดินออกมาเยอะเท่าไหร่เฟยเซียนก็ยิ่งพูดทุกอย่างออกมาอย่างไม่อาย เรื่องนี้นางไม่ควรต้องอาย นางอสรพิษร้ายต่างหากที่ต้องละอายแก่ใจ "เจ้าพูดอะไรของเจ้าเฟยเซียน เราเป็นสหายรักกันมานานปี ข้าไม่มีทางคิดเช่นนั้นกับเจ้าเป็นแน่" หม่าซูฮวาเริ่มมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นผู้คนมากมายกำลังเดินผ่านไปมาหน้าประตูจวนนางจึงรีบปรับสีหน้าให้เหมือนผู้ถูกกระทำให้เร็วที่สุด "เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรกับอดีตสามีของข้าหรอกนะซูฮวา หนังสือหย่าก็ถูกเขียนขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ข้าออกจากจวนนี้ไปเจ้าก็สามารถสานสัมพันธ์กับท่านแม่ทัพได้อย่างเปิดเผย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากบอกให้เจ้ารับรู้เอาไว้" "..." ในตอนนี้ซูฮวามั่นใจแล้วว่านางไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป แต่อย่างไรนางก็ยังสงสัยว่านางพลาดตรงจุดไหนกัน เหตุใดจ้าวเฟยเซียนสตรีที่โง่งมจึงได้รู้ทันในสิ่งที่นางทำลับหลังกันเล่า "หากเจ้าอยากเริ่มต้นใหม่กับเขาอย่างราบรื่น เจ้าคงต้องหาทางให้เขายินยอมให้บุตรของข้าทั้งสองเปลี่ยนมาใช้แซ่จ้าวของข้า จากนั้นเขาถึงจะหมดสิ้นพันธะจากพวกเราสามคนแม่ลูก เจ้าคงไม่ต้องการให้บุตรชายของข้ากลายเป็นบุตรชายคนโตและผู้สืบทอดต่อจากท่านแม่ทัพหรอกจริงไหม หากเป็นเช่นนั้นบุตรที่ถือกำเนิดจากครรภ์ของเจ้าคงต้องตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว" "มันต้องไม่มีวันเป็นแบบนั้น ข้าไม่มีวันปล่อยให้ลูกของเจ้าอยู่เหนือลูกของข้า" เฟยเซียนยิ้มร้ายที่มุมปาก ในที่สุดนางจิ้งจอกก็ยอมเผยธาตุแท้ต่อหน้าทุกคนเสียที สามีก็ร้าย สหายก็เลว แต่ทั้งหมดก็เป็นความผิดของจ้าวเฟยเซียนที่อยากได้อยากครอบครองจนต้องใช้วิธีผิด ๆ โดยไม่สนว่าเจ้าตัวจะเต็มใจหรือไม่ จบแล้วชีวิตของจ้าวเฟยเซียนคนเดิม นางตายจากไปในจวนแห่งนี้แล้ว หลังจากที่เฟยเซียนก้าวเท้าออกจากจวนสกุลเหรินแห่งนี้ นางถือว่าได้เกิดใหม่และมีชีวิตใหม่อีกครั้ง "เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถอะ จากนี้เจ้าไม่ต้องฝืนใจแสร้งทำเหมือนจริงใจต่อข้า ข้ารู้ทุกอย่างที่เจ้ากับเขาลักลอบกระทำลับหลังข้า หากเจ้ายังอยากรักษาหน้าตาของสกุลหม่า ก็รีบกลับไปเกลี้ยกล่อมให้เขายินยอมให้บุตรของข้าเปลี่ยนไปใช่แซ่ของข้าซะ ไม่เช่นนั้นเรื่องราวที่คุณหนูตระกูลหม่าลักลอบสานสัมพันธ์กับสามีของสหายคงได้โด่งดังในชั่วข้ามคืน" ใบหน้าของหม่าซูฮวาซีดเซียวปานไก่ต้มเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟยเซียนพูด แสดงว่าที่ผ่านมานางแสร้งทำตัวเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ "มะ..ไม่จริง เจ้าพูดอะไรข้าไม่เห็นรู้เรื่อง" "เจ้าจะให้ข้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการส่งสารถึงกัน หรือจะให้ข้าบอกจุดที่เจ้าซ่อนจดหมายรักระหว่างเจ้าและเขาด้วย ดีหรือไม่" "หยุด! เจ้าหยุดพูดสักที หากเจ้ากล้าปล่อยข่าวลือให้ครอบครัวของข้าเสียชื่อเสียง ข้าจะ...ข้าจะ" "เจ้าจะอะไร? กลับไปซะตราบที่ข้ายังปรานีเจ้าอยู่ รีบไปส่งข่าวบอกให้เขายินยอมรับข้อเสนอของข้า ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของสตรีที่เขาปักใจรักคงต้องมัวหมองเป็นแน่" "เจ้า!" หม่าซูฮวาสะบัดหน้าเดินออกไปจากเรือนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ใครกันจะยอมให้เรื่องพวกนั้นต้องดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง จะไม่มีสักครั้งเลยหรือที่นางจะเอาชนะจ้าวเฟยเซียนได้ เหตุใดนางต้องเป็นรองสตรีผู้นี้อยู่ร่ำไป เฟยเซียนได้แต่นึกขอบคุณท่านพญายมที่ทำให้นางได้รับรู้เรื่องราวของจ้าวเฟยเซียนและผู้คนที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด จากนี้ไปนางจะเริ่มต้นชีวิตใหม่หากไม่มีใครมาต่อกรกับนาง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นก็คงต้อง... "คงจะมีเรื่องสนุกให้ทำเสียแล้ว" นายท่านจ้าวที่เดินออกมาพร้อมกับหลานชายต่างก็ต้องอึ้งเมื่อได้เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของบุตรสาว "ท่านตา ท่านแน่ใจหรือว่านางจะเป็นมารดาที่ดีได้" เสียงของคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงเอ่ยกับผู้เป็นตาที่เพิ่งบอกตนเองว่า มารดาของเขากำลังจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม พอได้เห็นสายตาแบบนี้ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ท่านตาพูดจะเป็นจริงได้หรือไม่ "ตะ..ต้องได้สิหลานตา เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย เฟิ่งหยวน เตรียมขบวนคุ้มกันคุณหนูคุณชายพร้อมแล้วใช่หรือไม่?" "พร้อมแล้วขอรับนายท่าน" เฟิ่งหยวนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นรีบตอบคำถามของนายท่านจ้าวอย่างขึงขัง แม้แต่เขาเองยังมองเห็นว่านายหญิงเล็กเปลี่ยนแปลงไปเช่นไรบ้าง ยิ่งได้ฟังสิ่งที่นายหญิงเล็กพูดกับสหาย ยิ่งทำให้เขาทึ่งเข้าไปอีก นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ในเมื่อเขาเองที่ส่งคนคอยคุ้มกันนางอย่างลับ ๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วรายงานที่ได้มา มีเพียงนางขลุกตัวอยู่ที่เหลาอาหารและจวนแม่ทัพเพื่อร่ำสุราเท่านั้น "เซียนเออร์ไปกันเถอะลูก" "เจ้าค่ะท่านพ่อ โอ๊ะ โอ๊ย" "ว้ายนายหญิง!" ระหว่างที่เฟยเซียนกำลังจะลุกขึ้นยืนโดยมีเหลียนฝางสาวรับใช้ข้างกายคอยช่วยพยุง ทว่าขาของนางกลับอ่อนแรงจนร่างกายทรุดฮวบลงกับพื้น โชคดีที่เฟิ่งหยวนรับนางไว้ได้ทัน แต่วินาทีแรกที่ทั้งคู่ได้สัมผัสและจ้องตากัน กลับทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน นี่มันความรู้สึกอะไรกัน "รีบอุ้มบุตรสาวของข้าไปที่รถม้าเร็วเข้าเฟิ่งหยวน" "ขอรับนายท่าน ขออภัยนะขอรับนายหญิงเล็ก" บ้าเอ๊ย นี่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทำไมใจถึงเต้นรัวแบบนี้นะ แล้วกลิ่นนี้ กลิ่นกายบุรุษเพศ อย่าบอกนะว่าฉันจะ... ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนั้น เสียงในหัวของเฟยเซียนดังก้องจนร่างของนางถูกพาไปวางอย่าทะนุถนอมบนรถม้าอันโอ่อ่า สมแล้วที่เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้ "ขอบคุณเจ้าค่ะ" "มิได้ขอรับ เป็นหน้าที่ของบ่าวที่ต้องรับใช้นายหญิงเล็กอยู่แล้ว" เฟิ่งหยวนรีบลงไปจากรถม้าทันทีที่วางเฟยเซียนลงได้ แต่จังหวะนั้นเหมือนนายท่านจ้าวจะรู้ว่าเขากำลังมีบางอย่างผิดปกติ ทันทีที่ได้สบตากัน เฟิ่งหยวนรีบหลบตาผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นก็เป็นคำตอบที่แน่ชัดได้แล้วว่า ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งคู่ ​ ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม