EP.8
ประเทศมุสตาร์
เครื่องบินสายการบินพิเศษจากอเมริการ่อนลงจอดชั่วคราวที่สนามบินประเทศมุสตาร์เพื่อให้ผู้โดยสารบางส่วนลงที่ประเทศนี้ ก่อนจะบินต่อไปที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของสายการบิน
อำพัน พงษ์พันธุ์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ลงประเทศนี้ เธอมาเพื่อจะทำงานสารคดีและวิจัยชีวิตชนเผ่าดั่งเดิมและวิถีชีวิตของชนชาวพื้นเมืองของประเทศมุสตาร์
ความโชคดีของหญิงสาวยังมีหน่อยเมื่อเธอได้เจอกับมาริยาเพื่อนในสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปีเต็ม หลังจากที่จบม. ๖ เธอและมาริยาก็ได้แยกทางกันไปเรียนต่างคณะ ต่างมหาวิทยาลัย ที่แต่ละคนชื่นชอบ สาวมาริยาดีหน่อยที่พ่อและแม่รวยแบบล้นฟ้า เธอได้ไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์จนจบปริญญาตรีก่อนจะมาสมัครเป็นแอร์โฮสเตสเพราะชีวิตและความใฝ่ฝันของเธอคือการเป็นนางฟ้านั่นเอง
ส่วนอำพัน งานที่เธอชื่นชอบก็คือการได้ศึกษาทั้งศิลปะ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะดินแดนอาหรับอันมีมนต์ขลังชวนให้เธอหลงใหลเป็นที่สุด
ทั้งสองสาวพูดคุยกันเมื่อลงจากเครื่องแต่เพราะมาริยาต้องไปทำงานต่อ เธอทั้งสองจึงได้แยกทางกันแค่นั้น
“เอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยคุยกันต่อนะอำพัน” มาริยาโบกมือลาเพื่อนสาวหลังเดินลงมาส่งถึงห้องผู้โดยสารขาออก
“จ้า หวังว่าเจอเธอคราวหน้าคงจะไม่อยู่ในเวลาทำงานอีกนะ” อำพันส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนสาว ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น
หันซ้ายมองขวาก็เจอแต่คนแปลกหน้า หญิงสาวคลี่ยิ้มให้กับพวกเขาอย่างเป็นมิตร ก่อนจะมองหารถเพื่อจะพาเธอออกไปจากที่แห่งนั่น หากแต่เธอก็ไม่มีวันรู้ ยังมีใครอีกคนหนึ่งที่จ้องมองเธอด้วยจุดประสงค์ที่แอบแฝง
การจู่โจมจากใครคนหนึ่งทำให้หญิงสาวตกใจสุดขีด ก็เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีผ้าสีขาวผืนหนึ่งมาโปะลงบนใบหน้าของเธอ สาวร่างเพรียวดิ้นขลุกขลักอยู่สักพักก่อนจะสิ้นฤทธิ์เพราะยาสลบเริ่มออกฤทธิ์ ยอมให้ชายคนนั้นพาออกไปอย่างง่ายดาย
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างเต็มไปด้วยเสียงพูดจา ไม่มีใครรู้เมื่อหญิงสาวถูกพยุงพาขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
มันเร็วจนไม่มีใครทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นตรงที่แห่งนั้นอีกต่อไป
เสียงทุบโต๊ะดังสนั่นไปทั่วห้องแห่งนั้น พาลทำให้เหล่าลูกน้องที่ยืนเรียงแถวกุมเป้าตัวเองพากันสะดุ้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะสายตาอันแข็งกร้าวที่มองกราดไปที่พวกมันด้วยแล้ว ช่างเป็นสายตาที่อำมหิตยิ่งนัก
“ระยำสิ้นดี ทำไมไม่ให้คนมาบอกข้าตั้งแต่ทีแรก”
ดูบุฟสบถลั่นห้องแห่งนั้นอย่างเดือดดาล เมื่อเขาเพิ่งได้รับข่าวสารการกลับมาของ เมอัย เค คาฟิยอส เจ้าหลานชายตัวแสบที่เป็นทั้งหนามยอกอกและเสี้ยนดีๆ ที่คอยตำเท้าของเขาอยู่ตลอดเวลา
เพราะถ้าไม่มีมัน งาน ของเขาก็จะสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่นี่ เขาลืมไปเสียสนิทว่ายังมี ก้าง ชิ้นใหญ่ขวางอยู่อย่างเต็มๆ และบัดนี้มันกำลังเดินทางมาเพื่อขวางเขาโดยเฉพาะ...เจ็บใจนัก
“พวกเรากำลังเห็นท่านยินดีกับความสำเร็จที่ได้รับ จึงยังไม่ได้บอกท่านขอรับ” เจ้าลูกน้องตัวดีคนหนึ่งตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“บัดซบ!!” ดูบุฟ ตบโต๊ะอีกครั้งก่อนจะคว้าปืนที่วางอยู่ข้างๆ ยิงไปที่ไอ้คนนั้นอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ปัง
มันคนนั้นลงไปชักดิ้นชักงออยู่ตรงฟื้น ดวงตาลึกโหลทั้งสองข้างเบิกโพลงเหมือนจะถามว่าเหตุใดตนถึงได้ตาย มันผิดอะไร แค่เป็นคนที่กล้าเอ่ยบอกเจ้านายเป็นคนแรกอย่างนั้นรึ...ไร้เหตุผลสิ้นดี
“นี่คือผลตอบรับถึง ความภักดี ของมัน” ชายชรามองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นอย่างไม่ใยดี “เอาศพของมันออกไป แล้วปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย มาโร ตามฉันมาเดี๋ยวนี้”
คำสั่งที่เฉียบขาดนั้นจบลง ดูบุฟก็ผุดตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินนำออกไปจากห้องนั้นในทันที มาโร เลขาฯ คนสนิทเหลือบมองผู้ตายอีกครั้งอย่างนึกหวั่น ไม่วันใดก็วันหนึ่งตนก็คงจะมีสภาพไม่ต่างจากนั้นอย่างแน่นอน ถ้าหากทำทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจของ ท่าน
ห้องใต้ดินที่ลึกจากพื้นผิวดินทรายลงไปสู่พื้นพิภพเกือบสองเมตร ห้องนี้ดูบุฟใช้เป็นที่ประชุมลับสำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น และใช้สั่งงานกับเหล่าลูกน้องฝีมือดีจำนวนหนึ่ง
ชายชราทรุดตัวลงนั่งบนตั่งตัวหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าเลขาฯ ผู้ที่เพิ่งเดินตามเข้ามาด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“เจ้ารู้มั้ย ว่าใครเป็นคนส่งข่าวนี้ให้กับ เมอัย”
“กูรัคครับ พ่อบ้านกูรัค”
มาโรเอ่ยบอกเสียงสั่น ผิวหน้าสีน้ำตาลคร้ามแดดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาด้วยความกลัวต่ออำนาจอันอำมหิตของชายตรงหน้า
ประกายตาของดูบุฟวาวโรจน์เมื่อได้ยินชื่อนั้น กูรัค พ่อบ้านของตระกูล ไอ้แก่ผู้ที่อายุยืนยาวร้อยกว่าปี ถึงมันจะดูแลเขามา แต่ความดูแลเอาใจใส่ของมันกลับมีมากกว่าเมื่อยามที่คนๆ นั้นเป็นมาซอฟ ลูกชายของนังเมียหลวงของพ่อของเขา
แต่เขา ถึงจะเป็นลูกคนโตก็จริง แต่เขากลับเป็นลูกของเมียรอง ดังนั้นสิทธิ์ขาดที่ได้รับจึงน้อยกว่ามาซอฟเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจของตระกูล ทั้งๆ ที่เป็นพี่ แต่มาซอฟกลับได้ดูแลในฐานะของประธานผู้บริหารฯ ส่วนเขาเป็นได้กับอีแค่ รองประธานฯ เท่านั้น
รอยยิ้มกระหยิ่มผุดขึ้นเมื่อคิดมาถึงตอนนี้ ความสำเร็จขั้นแรกดำเนินมาถึง เมื่อเขาได้ ฆ่า มาซอฟ หลังจากที่คิดและวางแผนมานาน
การตายของมาซอฟ ทุกคนต่างก็รู้ว่าถูกวางยา แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าประธานบริษัทฯ ในเครือคาฟิยอสถูกวางยาหรือไม่ แถมยังปล่อยให้คนร้ายตัวจริงลอยนวลมาจนถึงบัดนี้ จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ นอกจากคนวางจริงๆ แล้ว ก็มีคนที่อายุยืนยาวอย่างกูรัคที่รู้เห็นอะไรบนโลกมานานอีกคนที่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ซึ่งเรื่องนี้ดูบุฟ ก็ยังนึกหวั่นอยู่ในใจว่าสักวัน ความจริงจะต้องเปิดเผย หากแต่เมื่อถึงนาทีนั้น เขาก็คงจะได้จัดการกับเจ้าคนนั้นให้ตายไปอีกคนแล้ว
ชายชราทอดสายตามองไปสู่ความมืดเบื้องหน้า ก่อนจะเข่นเขี้ยวด้วยความแค้นเคือง
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ตาเฒ่ากูรัค”
“นี่มันอะไร เจ้าราชีฟ”
กูรัคโวยวายเมื่อเห็นราชีฟเลขาของเมอัย พาหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก มาวางลงบนโซฟาพร้อมกับสั่งการเขาให้ ดูแล เธอให้ดี
“ผู้หญิงของนายท่าน ท่านกูรัคจัดการให้หน่อยสิ”
“นี่หมายความว่า เจ้าลักพาตัวเธอมารึ”
พ่อบ้านแห่งคฤหาสน์คาฟิยอสเอ่ยถามด้วยสีหน้าอย่างไม่พอใจ ลองลักพาตัวหล่อนมาอย่างนี้ อีกไม่นานคงได้เป็นเรื่องกันแน่
“ไม่ได้ลักพาตัว หล่อนยอมมาเอง” ราชีฟเอ่ยเสียงเย็น พร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉยที่มองสำรวจเรียวร่างบอบบางอย่างชื่นชม
“ยอมมา แล้วทำไมจะต้องวางยากันด้วย” ดูก็รู้หล่อนถูกวางยาและลักพาตัวอย่างแน่นอน
เรื่องเดิมยังไม่จบนี่ เมอัยจะสร้างเรื่องอีกแล้วหรือนี่ ตาเฒ่ากูรัคคิดอย่างหนักใจ เรื่องนี้คงได้มีการคุยกันอย่างยาวเลยล่ะ
“เถอะน่าท่านกูรัค นี่เป็นคำสั่งของนายท่านนะ ทำๆ ไปเถอะนะ เดินทางมาเหนื่อยๆ นายท่านต้องการพักผ่อนบ้าง อ้อ รีบจัดการด้วยล่ะ นายท่านต้องการเธอคืนนี้เลย”
ราชีฟถ่ายทอดคำสั่งเสียงรัวเร็ว ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้พ่อบ้านชราได้แต่ยืนเกาหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนจะมองพิศหญิงสาวตรงหน้าอยู่เป็นนาน
ร่างเรียวบางของสาวเอเชีย ผิวสีขาวดั่งหยวกกล้วย กับดวงตาคู่สวยที่หลับพริ้ม เข้ากับโครงหน้าที่ได้รูป ทำให้ชายชราอายุร่วมร้อยแอบยิ้มที่มุมปาก หรือเมอัยจะลงเอยกับแม่คนนี้จริงๆ
หากแต่ความคิดเหล่านั้นก็ต้องถูกหักล้าง เพลย์บอยอย่างเมอัยนะรึจะคิดลงเอยกับใครง่ายๆ แม่หนูเอ้ย เอ็งคิดผิดแล้วล่ะที่หลงคารมของเจ้าหนุ่ม