EP.09 ไฟแค้นที่ลุกโชน

1315 คำ
EP.9 หลังจากที่กลับมาถึงแผ่นดินบ้านเกิด เมอัยต้องเซ็งสุดๆ เพราะได้พักผ่อนแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เขาก็ต้องมานั่งหง่าวฟังผลสรุป กับสภาวการณ์ที่เริ่มจะย่ำแย่ของบริษัท หลังจากที่ขาดผู้นำอย่างพ่อของเขาไป แถมยังต้องมาปวดหัวกับข้อโต้แย่งที่ไร้เหตุผลที่ยังมีผู้ใหญ่บางคนจ้องจะดูถูกเด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์อย่างเขา หากแต่ไปสนับสนุนดูบุฟผู้ที่เป็นรองประธานฯ เสียเอง เมอัยต้องฝืนยิ้มในยามที่จ้องสบตางูพิษของดูบุฟผู้เป็นลุงและดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานจะห่างกันมากเสียด้วย เหมือนช่องว่างขนาดใหญ่ที่มาวางกั้นระหว่างคนทั้งสองเอาไว้ “ตอนนี้ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของเรากำลังย่ำแย่ครับนายท่านเมอัย เพราะเราสูญเสียนายท่านมาซอฟไป ตำแหน่งนี้เลยว่าง การทำงานจึงไม่ค่อยจะเป็นระบบเสียเท่าไร” หัวหน้าแผนกของบริษัทเกี่ยวกับอาหารรายงานสถานการณ์ที่ผ่านไปเสียงรัวเร็ว “ด้านการขุดเจาะน้ำมันก็เริ่มจะมีปัญหากับชนเผ่าบางเผ่าแล้วครับ เพราะพวกเขาไม่พอใจที่พวกเราเอาผลประโยชน์เพียงผู้เดียวโดยไม่แบ่งผลที่พึงจะได้ให้กับพวกเขาบ้าง” ชายกลางคน คนหนึ่งรายงานมาอีก ขณะเมอัยรับฟังผลสรุปเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด หากแต่แท้จริงแล้วภายในหัวใจของเขากลับรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดมันอีรุงตุงนังพันกันไปหมดจนไม่รู้ว่าจะแก้เชือกเส้นไหนก่อนดี ดูบุฟยิ้มพอใจกับใบหน้าที่เครียดสุดๆ ของเจ้าหลานชายผู้โอหัง มันหยิ่งผยองอย่างกับพ่อของมันเลยล่ะ ชายหนุ่มเบี่ยงสายตามาทางราชีฟเลขาฯ ด้วยสีหน้าที่สับสนและหนักใจ แต่กระนั้นเขาก็ยอมนั่งรับฟังปัญหาเหล่านั้นอย่างตั้งใจ จวบจนหลายชั่วโมงผ่านไปการประชุมที่สุดแสนจะน่าเบื่อสำหรับเขาก็ต้องจบลง ชายหนุ่มพาร่างกายที่แสนจะเพลียออกจากห้องประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่ก่อนจะพ้นไปจากห้องแห่งนั้นเสียงของผู้เป็นลุงจึงเรียกเอาไว้เสียก่อน “ท่านลุง มีอะไรหรือ” เมอัยหันมาเผชิญหน้ากับชายชรา แล้วถามเสียงเย็น ดูบุฟเปิดเสียงหัวเราะอย่างน่าเกลียด ประกายตาที่มองเด็กหนุ่มตรงหน้ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า อยากจะสั่งสอน เป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะท่าทีที่ โอหัง ของมัน “จะรีบไปไหนล่ะเจ้าหลานรัก กลับมาทั้งทีจะไม่ทักลุงบ้างเลยหรือ” “เอ้อ” เมอัยคลี่ยิ้ม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นลุงกับพ่อของเขา ชายหนุ่มรู้มานานแล้ว ท่ามกลางความ ไม่กินเส้น ระหว่างพ่อของเขากับดูบุฟดูเหมือนว่ามันจะอยู่บนเส้นของความห้ำหั่นของทั้งบิดาและดูบุฟด้วย พ่อของเขาถึงจะเป็นน้อง แต่ก็อยู่อย่างสงบเงียบ แต่ดูบุฟนี่สิที่ชอบเข้ามาก้าวก่ายงานของบิดาของเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไม่ออกหน้าเองก็เถอะ “หลานควรจะคำนับท่านลุงใช่ไหม ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มพาร่างองอาจไปหยุดลงตรงหน้าของดูบุฟ ก่อนจะทำความเคารพบุคคลตรงหน้าตามอย่างธรรมเนียมของมุสตาร์ เฒ่าดูบุฟบิดยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเปิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นหลานขอลาล่ะ ท่านลุง” ทำอย่างธรรมเนียมที่พึงกระทำแล้ว เมอัยก็เชิดหน้าก่อนจะเบี่ยงกายจะหันหลังเดินออกไป “เดี๋ยวก่อนสิหลานรัก” ผู้เป็นลุงเอ่ยอีกครั้ง ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าแทบจะเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ไม่หมด “เรายังไม่ได้คุยอะไรกันอย่างเป็นทางการเลยนะ เมอัย” “เอาไว้วันต่อไปก่อนดีไหมครับ วันนี้ผมเหนื่อยและอยากจะพัก” ชายหนุ่มเอ่ยบอกเพื่อจะเลี่ยงเพราะเขาก็กำลังจะไปพักจริงๆ ทั้งเหนื่อยและปวดหัวมากด้วย อ้อ ยังมีอีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปและจะต้องไปให้ได้ด้วยในวันนี่ ก็ที่สุสานของบิดานั่นแหละ “แต่ลุงต้องการจะพูดกับหลานวันนี้นะ” ชายชราผู้ที่มีโหนกแก้มสูงและดวงตาโหลลึกขยับมาเผชิญหน้ากับคนจองหองอีกครั้ง และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายด้วยสายตาวาวโรจน์ เมอัยจ้องตอบเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างไม่กลัวเกรงเช่นกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบายยิ้มปกปิดห้วงอารมณ์กลัวอะไรบางอย่างในหัวใจลงอย่างรวดเร็ว “ท่านลุงมีอะไรก็พูดกับหลานตรงนี้เลยละกัน” ดูบุฟจุดยิ้มอีกครั้ง หากสายตาก็ยังไม่วางจากจุดเดิม “หลานก็เห็น ธุรกิจในเครือคาฟิยอสกำลังอยู่ในวิกฤติที่เรียกว่าเหลวไม่เป็นท่าแล้วตอนนี้ เพราะขาดผู้นำ ลุงเข้าใจว่าหลานกำลังเสียใจเรื่องของมาซอฟพ่อของหลาน เอาเป็นว่าในเวลานี้หลานกำลังอยู่ในช่วงที่เศร้าโศก ลุงอยากจะช่วยหลานจริงๆ นะ หลานขายหุ้นที่เหลือของมาซอฟให้กับลุงบริหารจะดีกว่านะ เพื่อที่การทำงานของลุงจะได้ทำมันอย่างเต็มที่” เสียงจากอีกฝ่ายที่เรียบเฉยหากแต่มันกลับเคลือบแฝงเอาไว้ด้วยการเย้ยหยัน ดูบุฟกำลังดูถูกเขาว่าเป็นแค่เด็กหนุ่มยังไม่พร้อมที่จะดูแลกิจการทั้งหมด ดังนั้นทางที่ดีน่าจะยกให้กับเขาเพื่อจะได้บริหารมันอย่างสะดวกมากขึ้น หึๆ ไม่มีทางหรอกท่านลุงดูบุฟ ชายหนุ่มบิดยิ้มก่อนจะเอียงหน้ามองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “ท่านลุงต้องการแบบนี้จริงๆ หรือครับ” “อือ” ดูบุฟพยักหน้าตอบ รอยยิ้มที่แย้มเต็มไปด้วยความได้ที “แต่ผมขอคิดดูก่อนละกันนะ เพราะผมรู้สึกว่าจะสนุกกับการแก้ไขงานพวกนี้แล้วล่ะสิ จะเรียกว่าติดใจก็ได้นะครับ” เจ้าหนุ่มผู้จองหองพูดจบก็เบี่ยงกายเดินจากไป ปล่อยให้เสือเม่ายืนสั่นเทิ้มอยู่กับที่ด้วยความไม่พอใจ “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ไอ้เมอัย!!” เวลายี่สิบนาทีต่อมา เมอัยก็ได้มาหยุดอยู่ที่สุสานประจำตระกูล อาณาบริเวณโดยรอบถูกตกแต่งด้วยดอกไม้จากทะเลทรายหลากสีอย่างสวยงามและลงตัว บริเวณดังกล่าวเงียบสงบ มีแต่เพียงสายลมเย็น ที่พัดผ่านกับแสงแดดอ่อนๆ ของพระอาทิตย์สีส้มกลมโตที่ใกล้จะลับเหลี่ยมภูเขาทราย เช่นเดียวกับเหล่านกที่ต่างพากันบินกลับรวงรัง ร่างสูงกำยำของเมอัย เค คาฟิยอส เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลุมศพของบิดา พร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีเหลืองที่ค่อยๆ วางลงบนหลุมศพอย่างเชื่องช้า “ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้ว ท่านพ่อ...” ชายหนุ่มคุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพแห่งนั้น ดวงตาที่ทอดมองหลุมตรงหน้าเริ่มเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา หากแต่ความรู้สึกเหล่านั้น ก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมานั่งร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้ มันยังมีอีกหลายอย่างที่เขาจะต้องเคลียร์และจัดการ และตอบแทนพวกมันอย่างสาสม ที่บังอาจมายุ่งกับพ่อของเขา แววตาที่แข็งกร้าวมอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ภายในดวงตาคู่นั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและภายในความหลากหลายนั้น มีสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวและชัดเจนยิ่ง นั่นก็คือไฟแค้นที่มันคุกโชนเตรียมแผดเผามันผู้นั้นได้ทุกเมื่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม