“หวงก็เป็นของพี่สิครับ”
แน่นอนว่าประโยคนี้ทำให้ลิลินยิ้มกว้างปากแทบฉีก แล้วเธอก็รีบยื่นมือไปควงแขนติณห์ทันที ก่อนที่จะเอนไปซบไหล่กว้าง ๆ ของเขา
“รอแต่งงานนะคะ ลินจะเป็นของพี่ติณห์ทั้งตัวเลย”
“โถ่ลิน อีกไม่กี่เดือนเองนะ พี่ขอทดลองก่อนไม่ได้เหรอ? เราคบกันมานานแล้วยังไง ๆ ก็ต้องแต่งอยู่ดีนี่”
ติณห์หว่านล้อม พร้อมกับยกมือใหญ่ ๆ ของเขาแตะเบา ๆ ที่มือลิลินด้วย
“ไม่ได้ค่ะ ลินจะไม่ผิดคำสัญญากับปะป๊าเด็ดขาด พี่ติณห์ชวนบ่อย ๆ แบบนี้จำไม่ได้เหรอคะ ว่าปะป๊าบอกพี่ติณห์วันที่ท่านจับได้ว่าเราคบกันว่าอะไร”
“จำได้ ห้ามล่วงเกินลินก่อนแต่งงาน”
“เยส! ถูกต้อง! ฉะนั้นรอหน่อยนะคะ อีกแป๊บเดียวเอง ลินไม่หายไปไหนหรอกค่ะ”
ติณห์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเฮือก ถึงเขาจะรู้ว่ายังไง ๆ ก็ต้องสมปรารถนา แต่ความเป็นชายทั้งแท่งของเขา ที่อยู่แนบชิดกับลิลินแฟนสาวทุกวันนั้น
มันชักจะทำเขาความอดทนต่ำลงไปทุกวัน
เขาต้องการให้ลิลินเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะทางพฤตินัยหรือนิตินัย อยากเชยชมเรือนร่างที่เขาเฝ้าทะนุถนอมไว้มาตลอดนี้สักที เพราะที่ผ่านมาจวนจะสามสิบปีนี้ ชายทั้งแท่งอย่างเขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย
“เฮ้อ รอก็ได้ แต่ลินสัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่หายไปไหน?”
ติณห์ถามย้ำอย่างไม่สบายใจ ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมเขาต้องรู้สึกแปลก ๆ จนถามทวนมันอีกครั้ง
“สัญญาสิคะลินจะไปไหนได้ แต่ตอนนี้ลินร้อนมาก ๆ เราไปหาอะไรทานกันเถอะค่ะ”
เมื่อลิลินให้คำสัญญาผ่าน ๆ เธอก็ควงแขนติณห์แฟนหนุ่มไปขึ้นรถทันที จนปลายฝนที่ลงมาจากชั้นบนตอนนี้ เธอต้องหยุดชะงัก
และแอบมองภาพตรงหน้าไกล ๆ
เหมาะสม ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวย ทำไมว่าที่เจ้านายเธอชีวิตเพอร์เฟคขนาดนี้ แฟนหล่อขับลัมโบร์กินีและเป็นถึงไฮโซซีอีโอสายการบินเวลฟาย
ส่วนชื่อเสียงเรียงนามถามว่ารู้จักไหม? ใช่ พอเห็นหน้าจริงจัง ปลายฝนเธอก็แอบตกใจเหมือนกัน ที่เธอเองก็พอจะรู้จักผู้ชายคนนี้ห่าง ๆ
เพราะผู้ชายเกรดพรีเมี่ยมคนนี้ เขาเป็นลูกหลานทายาทโรงพยาบาลที่ดองกับครอบครัวเธออยู่ แต่เธอไม่เคยคุยหรือเคยพบกับติณห์มาก่อน
เพราะหนึ่งปลายฝนเป็นแค่ลูกสาวบุญธรรมที่ถูกเก็บมาเลี้ยง และสองเธอมีความถ่อมตัว ไม่กล้าเสนอหน้าออกไปรู้จักหรือสนิทสนมกับใคร เพราะมันจะทำให้เธอคิดน้อยเนื้อต่ำใจเสมอ ว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น ๆ
“ติณห์คนนี้นี่เอง ได้ยินชื่อมานานไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้”
“ไม่ทราบว่ามีอะไรธุระอะไรกับคุณลิลินอีกคะ?” ปลายฝนละสายตาจากรถสปอร์ตคันนั้นหันกลับตกใจ เมื่อพนักงานที่นำเธอไปสัมภาษณ์งาน ไถ่ถามขึ้นมาจากด้านหลัง
“เอ่อเปล่าค่ะ คือเรื่องสัมภาษณ์งาน ขั้นตอนมีแค่นี้ใช่มั้ยคะ?”
“ค่ะ รบกวนตามฉันไปเซ็นสัญญาที่ฝ่ายบุคคลด้วย”
ปลายฝนได้ยินแบบนั้นก็ยืนงุนงงอยู่ครู่นึง เพราะเธอยังไม่ได้ตกลงที่จะทำงานนี้ด้วยซ้ำ ทำไมพนักงานคนนี้ต้องยัดเยียดให้เธอไปเซ็นสัญญาด้วย
“ฉันขอเวลาตัดสินใจสักสองสามวันได้ไหมคะ”
“สองสามวันไม่ได้ค่ะ แต่ให้เวลาตัดสินใจสิบนาที ตำแหน่งนี้ถึงจะว่างบ่อย แต่ไม่ใช่ว่าคุณลิลินจะถูกใจใครง่าย ๆ คนมาสมัครไม่ขาดสายเงินเดือนก็เยอะ คิดดูดี ๆ นะคะ”
ไม่ขาดสาย? เหอะ หลังจากพนักงานสาวบอกและเดินออกไป ปลายฝนก็ถึงกับหัวเราะเหอะออกมา
เพราะไม่ขาดสายที่ว่า เธอไม่เห็นใครมานั่งรอสัมภาษณ์งานกับเธอสักคน! ทำไมบริษัทใหญ่ ๆ แบบนี้ถึงทำอะไรไม่มีระบบเอาซะเลย
แล้วยังไงต่อ เธอควรจะตัดสินใจทำงานที่นี่ดีมั้ย? หรือว่าเซย์โนกลับไปนอนเล่นที่บ้านเช่นเดิม
ปลายฝนยืนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะหวนนึกถึงทุก ๆ วันที่เธอเอาแต่นอนรอชายกำยำคนนั้นอย่างไร้วี่แวว
จริง ๆ แล้วมันเบื่อนะ แล้วถ้ายิ่งอยู่แบบนั้น..มันก็เหมือนเธอกำลังทำตัวไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ หรือระหว่างรอเธอควรหาอะไรทำให้ชีวิตมันมีสีสัน ไม่ก็สร้างสตอรี่ให้กับตัวเองบ้าง เพราะไหน ๆ ก็อุตส่าห์เรียนจบมาแล้ว
‘ครืน... ครืน...’
P’NAPHAT
เมื่อเห็นชื่อปลายสาย ปลายฝนก็กดรับทันที ก่อนที่จะหันไปมองที่ป้ายแผนกฝ่ายบุคคลแว๊บนึงด้วยความลังเล
“ค่ะ พี่ณภัทร”
(สัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง)
“ยังลังเลอยู่เลยค่ะ เอ่อ... คือที่ลังเลเพราะเจ้านายฝนดูเป็นคนแปลก ๆ ค่ะ ท่าจะเรื่องเยอะ”
หญิงสาวป้องมือกระซิบ จนทำให้คุณหมอณภัทรที่อยู่ปลายสายหัวเราะออกมาเบา ๆ
(ฮะ ๆ นินทาว่าที่เจ้านายในบริษัทเขาเลยนะ คนทำงานระดับนี้ ก็ต้องเรื่อยเยอะเป็นธรรมดา อย่าลืมสิว่าผู้บริหารต้องบริหารทุกอย่าง พี่ว่าถ้ามีโอกาส ฝนก็ควรคว้าไว้นะ)
ปลายฝนพยักหน้าตาม เข้าใจที่พี่หมอณภัทรพูดทุกคำ และประโยคนั้น มันก็ช่วยเธอได้มาก เธอตัดสินใจทำตามคำแนะนำของหมอณภัทรทันที เพราะปกติไม่มีใครหวังดีกับเธอเท่าเขาคนนี้แล้ว
ถ้าพี่ณภัทรบอกว่าดี ก็ต้องดีสิ เธอจะเชื่อเขา
“ค่ะ ฝนจะลองดู”
(ครับ แต่ถ้าเสร็จธุระเรื่องงาน ฝนกลับแท็กซี่ได้ใช่มั้ย ช่วงนี้ที่โรงพยาบาลคนไข้เยอะและหมอเฉพาะทางด้านศัลยประสาทมีไม่กี่คน พี่ค่อนข้าง)
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา พี่ณภัทรทำงานเถอะค่ะ”
(ครับ)
ที่ปลายฝนรีบตัดบทบอกไปแบบนั้น เธอไม่ได้น้อยใจหมอณภัทรเลยสักนิด แต่เธอเข้าใจต่างหาก ว่าการเป็นหมอศัลยกรรมประสาทที่งานล้นมืออย่างเขา มันเหนื่อยและกดดันแค่ไหน
ยิ่งคนไข้อุบัติเหตุผ่าเร่งด่วนเข้ามาทีไร เหมือนทุกนาทีของเขาต้องแข่งกับชีวิตคน
และตอนนี้ขณะที่ปลายฝนตัดสินใจเซ็นสัญญาอยู่ ด้านลิลินผู้เป็นเจ้านาย ก็รับประทานอาหารกลางวันกับคนรักอย่างอิ่มอกอิ่มใจที่ไม่ไกลจากบริษัทของเธอ
ซึ่งทั้งคู่ปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงาน และเลือกเรือนหอที่ติณห์ไปจัดหามาคร่าว ๆ ไปด้วย
“หลังนี้เล็กไปลินไม่ชอบค่ะ”
“งั้นหลังนี้ ใหญ่ขึ้นมาหน่อย”
“ไม่ค่ะ มันไม่อลังการ ลินอยากได้บ้านหลังใหญ่ ๆ กว้าง ๆ โมเดิร์น ๆ ให้สมกับที่เป็นคู่แต่งงานจากสองตระกูลใหญ่ พี่ติณห์ต้องเข้าใจนะคะว่าเราจะได้ไม่อายใคร ว่าแต่... มีให้ลินเลือกอีกรึเปล่าคะ?”
ติณห์ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับก้มมองแบบบ้านที่เขาวางไว้บนโต๊ะทันที ก่อนที่จะนั่งสลับไปมา ๆ และยกมือกุมขมับ เพราะเขาเหนื่อยใจกับความเรื่องเยอะของแฟนตัวเองมาก และไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไง
เพราะบ้านที่เขาให้ดูมันไม่เล็กและไม่สมเกียรติซะเมื่อไหร่แถมยังสมัยใหม่โมเดิร์น จัดสรรพื้นที่ข้างในอย่างลงตัว เหมาะกับคู่รักแต่งงานและวางอนาคตมีลูกสี่ถึงห้าคนอย่างเขา
“ลินอยากได้แบบไหนล่ะ เอาเป็นว่าลินหามาเถอะ ไม่ก็ออกแบบเองไปเลย”
ลิลินได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มวางช้อนกับมีดหั่นเสต็กลงทันที ก่อนที่จะเอนพิงพนักเก้าอี้ ยกมือกอดอกมองหน้าว่าที่จ้าบ่าวของเธอ
“พี่ติณห์ประชดลินเหรอคะ?”
“คำไหนที่คิดว่าพี่ประชด? ลินชักจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ นี่ก็ไม่ได้นู่นก็ไม่เอา พี่ก็ให้ลินหาเองนี่ไง เพราะพี่มีงานต้องทำนะลิน พี่เหนื่อย”
เหมือนฟ้าผ่ากลางโต๊ะอาหาร นี่ครั้งแรกที่ติณห์พูดเต็มปากเต็มคำว่าลิลินเอาแต่ใจ
และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะถูกตามใจและถูกโอ๋มาตลอด ลิลินจึงยืนหนึ่งในความเรื่องเยอะและเอาแต่ใจเสมอมา
ซึ่งเธอเองไม่รู้หรอกว่า มันเริ่มไม่น่ารักสำหรับติณห์แล้ว
เขาทำงานหนักเพื่อจะสรรเวลามาจัดงานแต่งให้เธออย่างสมเกียรติ แต่ลิลินกลับสร้างความลำบากใจให้เขาแทน
“งั้นก็ขอโทษแล้วกันค่ะ ลินก็งานเยอะ งั้นลินกลับนะคะ ไม่ต้องไปส่ง”
พูดจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นพรวด ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูของเธอและสะบัดหน้าเดินออกไป
ส่วนติณห์ เขาก็นั่งนิ่ง ๆ ถอนหายใจ และมองตามแผ่นหลังของแฟนสาวออกไป ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเช่นกัน
เขาไม่รู้จะจัดการกับความเอาแต่ใจของลิลินด้วยวิธีไหนดี เพราะเขาเองก็มีส่วนผิด ที่ตามใจเธอมาแต่ต้นจนเธอได้ใจขนาดนี้
และได้แต่หวังว่าเธอจะเปลี่ยนมันสักที ไม่ใช่ตอนนี้ก็เมื่อเป็นแม่คน