บทที่ 9

1218 คำ
บทที่ 9 “ก็ความจริงที่ว่า…ผมเป็นเกย์รึเปล่าไง” “ฉะฉันไม่รู้” เธอตอบพลางรีบหลบสายตา “งั้นคงต้องพิสูจน์อีกที” ทันทีที่จมูกโด่งๆ กดลงมาบนแก้ม เธอก็รู้ทันทีว่าเขาจะพิสูจน์ยังไง “รู้แล้วๆ ฉันรู้แล้ว” เธอรีบโพล่งออกมา ด้วยกลัวว่าทุกอย่างมันจะเตลิดไปไกลอีก “รู้ว่า?” เขายอมผงกหัวขึ้น แต่ก็ยังอยากแกล้งเธอต่อ “รู้ว่าคุณไม่ใช่เกย์ไง ให้ตายสิ! คุณจะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย รู้ความจริงแล้วก็ปล่อยฉันไปสักทีสิ ฉันไม่ได้คิดจะจับคุณ เพราะงั้นเลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะ ฉันขอร้อง” น้ำเสียงเธอติดจะจะหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อเรื่องราวดูจะบานปลายไม่จบไม่สิ้นสักที “ทำไมผมต้องทำแบบนั้น ในเมื่อเรื่องทั้งหมดผมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่ม คุณเป็นคนเริ่ม คุณก็ต้องรับผิดชอบ” “โอเค! ถ้าคุณอยากได้คำขอโทษ ก็ได้! ฉันขอโทษ” ด้วยคิดว่าประโยคสั้นๆ แค่นี้จะสามารถจบเรื่องทุกอย่างได้ เธอจึงพูดออกไปโดยไม่ลังเล แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด “คิดว่าแค่คำโทษแล้วทุกอย่างจะจบ ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ” จากสายตาวิบวับก่อนหน้ากลายเป็นความเจ้าเล่ห์จนเธอรู้สึกได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อยังถูกเขาตรึงเอาไว้แบบนี้ “แล้วคุณจะเอายังไง” ความหงุดหงิดบวกกับความกรุ่นโกรธทำให้เธอแทบจะตะคอกออกมา “ก็ไม่ยังไง แค่ทำตามที่พูดก็พอ” เขายักไหล่ไม่ได้สนท่าทีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเธอแม้แต่น้อย “พูดอะไร” เธอถามเสียงห้วน “ก็พูดว่าคุณจะจับผม เพราะงั้นคุณต้องทำตามที่พูด” “คุณบ้าไปแล้วรึไง ฉันก็บอกอยู่ว่าไม่ได้คิดจะจับคุณตั้งแต่แรก ฉันไม่ได้พิศวาสคุณ เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้ ฉันไม่คิดจะจับคุณแน่” เธอพยายามย้ำชัดๆ อีกครั้ง เผื่อว่าเขาจะยังไม่เข้าใจ แต่เขาเองก็ย้ำกลับมาชัดเจนไม่แพ้กัน “แต่คุณต้องทำ” “เสียสติไปแล้วรึไง ก็บอกว่าไม่จับๆ ไม่ได้ยินรึไง” ให้ตายสิ! คำว่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงมันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับเธอตอนนี้ “แต่คุณต้องทำ เพราะผม…ยังมีบางอย่างที่ต้องพิสูจน์จากคุณ” สีหน้าเขาจริงจังพร้อมกับย้ำชัดอีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากรู้สักหน่อย “พิสูจน์บ้าอะไรฉันไม่สน แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่หาพ่อเลี้ยง จะว่าญาติหรือเจ้านายก็ไม่ใช่” สีหน้าเธอเอาเรื่อง แน่นอนว่าประสบการณ์ในอดีตสอนให้เธอสู้คนและปกป้องตัวเองอยู่เสมอ “สิทธิ์ของคนที่อยู่ในคลิปนี่ล่ะมั้ง” เขาพูดพลางหยิบกล้องตัวเล็กจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาโชว์ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าผมเอาคลิปนี้ไปเปิดให้ทุกคนดู คนที่ต้องตกเป็นจำเลยคงไม่ใช่ผมนะว่าไหม” เธอตาโตกับความจริงข้อนี้ ก่อนจะหันขวับมามองคนพูดตาขวาง “คุณขู่ฉัน” “อยากลองดูไหมล่ะ คุณจะได้รู้ว่าผมไม่ได้แค่ขู่” แน่นอนว่าเธอไม่อยากลอง แล้วเธอก็ไม่พร้อมที่จะเสี่ยงตอนนี้ด้วย “กะอีแค่ทำตามที่พูด คงไม่ยากเกินกำลังคุณหรอกมั้ง” “ด้วยการจับคุณเนี่ยนะที่ว่าไม่ยาก” เห็นเขายักคิ้วแทนคำตอบ เธอจึงโพล่งออกมาด้วยความอัดอั้นต่อ “ให้ตายสิ! มันจะไม่ยากได้ไง ในเมื่อฉันไม่เคยทำ อย่าว่าแต่จับผู้ชาย แม้แต่แฟนสักคนฉันก็ไม่เคยมี แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปจับคุณ” อา…! ดูเหมือนความเผลอโพล่งออกมาอย่างเหลืออดของเธอ จะทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว “โอเค! งั้นผมจะเป็นฝ่ายจับคุณเอง” สิ้นเสียงเขาก็โน้มลงมาประกบปากพลางส่งลิ้นควานหาความหอมหวานในโพรงปากเธออีกครั้ง ความตกใจ ความไม่ทันตั้งตัว บวกกับความหวานละมุนที่มาพร้อมกับความช่ำชองของเขาทำเธอเผลอไผลไปกับความหวามไหวตรงหน้า กระทั่งเขาผละลุกไปแล้ว แต่เธอกลับยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม “นี่แค่เริ่มต้น ไว้ถ้าผมมั่นใจมากกว่านี้เมื่อไหร่ ผมจะไม่หยุดแค่นี้…พริมรตา” สิ้นเสียงเขาก็เดินออกไป ในขณะที่เธอก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ อย่างพยายามจับต้นชนปลาย ก่อนจะผุดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจหลังจับใจความที่เขาบอกได้ “เฮ้ย! มั่นใจอะไร กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ โอ๊ย! มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันกันแน่เนี่ย ทำไมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้นะ” ว่าแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงไปบนที่นอนอีกครั้ง “ฮือ…! นี่ฉันเป็นอะไรไป ปล่อยให้เขาทำแบบนั้นได้ไง ใช่! ฉันไม่สบาย ฉันกำลังป่วย หรือไม่ฉันก็กำลังบ้าไปแล้วแน่ๆ” เธอว่าพลางขยี้หัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะพลิกตัวคว่ำหน้าฟุบลงกับที่นอนด้วยความสับสน สับสนที่ตัวเองไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสเขาแม้แต่นิดเดียว และก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ เธอต้องกันตัวเองให้อยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด “ใช่! เราต้องไปจากที่นี่” เธอผุดลุกตรงไปหวังจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แต่… ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้มือที่กำลังคว้าเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าจำต้องชะงัก ก่อนจะพาตัวเองมายืนอยู่หน้าประตู แต่ก็ยังไม่ยอมเปิด “ใคร?” เธออดระแวงไม่ได้ “ฟองจันทร์เองเจ้า (ฟองจันทร์เองค่ะ)” ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเสียงของเด็กในบ้าน เธอจึงเปิดประตู “อ้อ! ฟองจันทร์เองเหรอ มาหาฉันมีอะไรรึเปล่า” เด็กสาวแรกรุ่นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “แม่อุ้ยกับนายแม่หื้อมาตวยคุณไปกิ๋นข้าวแลงเจ้า ค่ำๆ ตี้บ้านจะมีงานเลี้ยงหน้อยๆ ตี้มีก้าคนเกยกั๋นทั้งนั้น จะใดป๊ะกั๋นตี้งานเน้อเจ้าคุณพรีม เดียวฟองจันทร์จะปิ๊กไปจ้วยเขายะกิ๋นลำๆ ไว้ท่าเน้อเจ้า (คุณยายกับนายแม่ให้มาตามคุณไปกินข้าวเย็นค่ะ ค่ำๆ ที่บ้านจะมีงานเลี้ยง เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ยังไงเจอกันที่งานนะคะคุณพรีม เดี๋ยวฟองจันทร์จะกลับไปช่วยเขาทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้รอนะคะ)” สิ้นเสียงเด็กสาวก็เดินจากไป เหลือก็แต่เธอที่ยังยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งคนน้ำท่วมปากก็ไม่ปาน “เอ้า! แล้วจะกลับยังไงวะเนี่ย โอ๊ย! มัวแต่อมอะไร ทำไมไม่พูดออกไปหาพริมรตา เฮ้อ! วันนี้ไม่ได้กลับ กลับพรุ่งนี้ก็ได้วะ” ว่าแล้วเธอก็เดินคอตกกลับไปในห้องตามเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม