บทที่ 8
“อื้อ…!” เธอครางประท้วงพร้อมกับรัวกำปั้นทุบหลังเขา แต่ดูเหมือนแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับทำให้เขาจู่โจมเธอหนักหน่วงมากขึ้น และก่อนที่เธอจะพ่ายแพ้ให้กับสัมผัสเย้ายวนที่เขาจงใจหลอกล่อให้เธอหลงเพริดอีกครั้ง สติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็สั่งให้ขาข้างหนึ่งของเธอยกขึ้น แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือจุดยุทธศาสตร์ที่เขาหวงแหนนั่นเอง
“อื้อ…!” เธอฮึดฮัดขัดใจด้วยความหงุดหงิด เมื่ออีกฝ่ายดูจะรู้ทัน ดันขาทั้งสองข้างของเธอให้แยกออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างนั้นแทน เธอพยายามจะขยับหนี แต่เขากลับยิ่งทิ้งน้ำหนักลงมากดทับไว้ กระทั่งเนื้อตัวของพวกเขาแนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง
ตอนนี้มีเพียงสองมือเท่านั้นที่ยังคงขยับประทุษร้ายร่างกายเขาได้ ซึ่งดูเหมือนจะอ่อนเปลี้ยลงไปทุกที กระทั่งมันสิ้นฤทธิ์ลงไปในที่สุด เมื่อถูกคนตัวโตกว่าจับสองมือตรึงไว้กับข้างฝา ก่อนจะยอมผละจากริมฝีปากอวบอิ่ม เพื่อเลื่อนลงมาซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างย่ามใจ อา…! กลิ่นนี้อีกแล้ว กลิ่นหอมๆ จากตัวเธอกำลังปลุกความกำหนัดในตัวเขาให้พลุ่งพล่าน และก่อนที่มันจะปะทุจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาจึงจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างเอาไว้แค่นี้
“…” เขาผละออกมาจากความหอมกรุ่นตรงหน้าอย่างแสนเสียดาย ในขณะที่สาวเจ้ายังคงยืนนิ่งด้วยความงงงวย ครั้นพอเลื่อนสายตามาสบกับดวงตาคู่คมที่กำลังมองมาอยู่ก่อนแล้ว สติสัมปชัญญะที่เคยหลุดลอยก็กลับคืนมา
“คุณ! ไอ้คนเลว” เธอเงื้อมือหมายจะตบหน้าอีกฝ่าย โทษฐานที่บังอาจจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถ้าคุณตบ ผมจะไม่จบแค่จูบ เพราะหน้าผมมีราคามากกว่านั้น ไม่ต้องให้บอกนะว่าคุณต้องจ่ายด้วยอะไร” เขาพูดพลางชำเลืองมองไปที่เตียง ทำเอามือที่เงื้อกลางอากาศถึงกับชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ลดลงมาในที่สุด แต่ทันทีที่มือข้างนั้นทิ้งลงข้างลำตัว โดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็จู่โจมเข้ามาอีก
“อื้อ…!” เป็นอีกครั้งที่เธอร้องเสียงอู้อี้จากการถูกจู่โจมตะโบมจูบ พร้อมกันนั้นก็พยายามดิ้นขลุกขลักหวังให้ตัวเองหลุดพ้นจากการรุกรานแสนวาบหวิวนี้
“คนเลว! ไหนคุณบอกว่าไม่ตบก็ไม่จูบไง แล้วคุณมาจูบฉันทำไม” ทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เธอก็โพล่งออกมาด้วยความเดือดดาล แต่สองตาเขียวปั๊ดที่จ้องเขม็งมาอย่างเอาเรื่องกลับไม่ได้ทำให้เขากริ่งเกรงแต่อย่างใด
“สงสัยคุณจะไม่แตกฉานเรื่องภาษาไทยสินะ ผมบอกว่าถ้าคุณตบ ผมจะไม่จบแค่จูบ แต่ในเมื่อคุณไม่ตบ ผมก็เลยต้องจบที่จูบ” ให้ตายสิ! นี่เธอต้องรู้สึกยังไงกับคำพูดกวนประสาทแต่หน้ากลับยังนิ่งเฉยของเขาเนี่ย ครั้นเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ จึงได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่อย่างนั้น กระทั่งใจเย็นลง เธอจึงพยายามจะคุยด้วย
“แล้วคุณมา…เอ่อ…มาจูบฉันทำไม หรือว่าเกิดติดกับแผนยั่วของฉันขึ้นมา ระวังเถอะ ถ้าขืนคุณยังตอแยฉันไม่เลิก ฉันจะยั่วให้คุณหัวปั่นเลยคอยดู”
“แล้วถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะ ผมติดกับแผนยั่วระดับเด็กอนุบาลของคุณแล้ว แบบนี้คุณยังอยากจะจับผมอยู่รึเปล่า”เขาสาวเท้าเข้าหาด้วยท่าทีคุกคาม ทำให้เธอต้องขยับถอยด้วยความหวาดระแวงราวกับกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย โดนเขาจูบอีก แต่ด้วยความลนลานไม่ทันระวัง ส้นเท้าที่ชนกับขอบเตียง ทำให้เธอเสียหลักจนล้มหงายลงไปบนที่นอน
“ว้าย!” ให้ตายสิ! อย่างกับฉากพระนางในละคร ติดก็ตรงที่เธอดันเหมือนนางร้ายมากกว่านางเอก ตรงที่ตอนล้มมือดันฉวยคอเสื้อเขาติดมือมาด้วย ภาพที่เห็นตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเธอเป็นฝ่ายดึงเขาลงมา ประหนึ่งให้ท่าเชื้อเชิญอย่างที่เขาเคยกล่าวหา
“หึๆ คุณร้ายกว่าที่ผมคิดนะพริมรตา” เสียงของเขาเรียกสติเธอ ครั้นพอเห็นว่ามือตัวเองอยู่ตรงไหน เธอก็ร้องเสียงหลงทันที
“เฮ้ย!” เธอรีบสลัดมือออกจากคอเสื้อเขาเร็วๆ
“เอาล่ะ! ผมจะไม่อ้อมค้อมอีก บอกมาว่าแอบถ่ายคลิปผมไปทำไม” เธอผงะตาโตกับคำถามนี้ที่วกกลับมาอีกครั้ง ครั้นพอจะขยับหนีก็ถูกเขาคร่อมเอาไว้ทั้งตัวจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
“กะๆ ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันจะจับคุณ” เธอปดคำโตเสียงสั่นเครืออีกครั้ง
“ถ้าเชื่อคุณอีก ผมก็โง่เต็มที” ตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน เขาพยายามสังเกตท่าทีของเธอ แน่นอนว่าท่าทีของเธอไม่ใช่อาการของคนที่ชื่นชอบจนอยากจะจับเขาทำสามีอย่างที่พูดเลยสักนิด ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่คุณเธอยังทำท่าทีประหนึ่งว่ารังเกียจกันนักหนา และมันก็ทำให้เขาอดรนทนไม่ได้จนต้องหาคำตอบ
“ตอบมาว่าถ่ายทำไม ไม่งั้นผมไม่จบแค่จูบแน่” เขาข่มขู่ด้วยการโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ในขณะที่เธอก็รีบยกสองมือขึ้นมาปิดปากราวกับกลัวว่าจะถูกจูบอีก แต่มือนั้นก็ถูกจับตรึงไว้กับที่นอนจนขยับเขยื้อนไม่ได้
“ตอบมาพริมรตา ไม่งั้นผมจะ…” เขาขู่ด้วยการก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกสัมผัสกับแก้มเธอเบาๆ ทำคนถูกหอมแก้มกลายๆ หลับตาปี๋ด้วยความตกใจ หลังจมูกโด่งๆ ของเขากดลงมาหนักๆ และก่อนที่มันจะเลื่อนไปตรงส่วนอื่น เธอก็รีบโพล่งออกมา
“ถ่ายเอาไว้กระชากหน้ากากคุณ” ถึงแม้ว่าเขาจะยอมผละออกมาจากแก้มนุ่มๆ แต่ก็ใชว่าเธอจะปลอดภัย เมื่อเขายังคงคร่อมเธออยู่อย่างนั้น
“เพื่อ?” เขาถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มนุ่มๆ ของเธออย่างคุกคาม ราวกับจะข่มขู่กลายๆ ว่าเธอไม่ควรเล่นลิ้นหรือมีลูกเล่นใดๆ
“เพื่อไม่ต้องแต่งงานกับคุณไง เพื่อนฉันเขาไม่อยากแต่งงานกับคุณ เขาก็เลยวางแผนส่งฉันมาเพื่อจัดฉากกระชากหน้ากากคุณ”
“ด้วยการส่งคุณมาอยู่กับผู้ชายสองต่อสองโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของคุณเลยเนี่ยนะ เป็นเพื่อนกันประสาอะไรถึงได้…”
“หยุดนะ อย่ามาว่าเพื่อนฉัน คุณไม่ได้รู้จักเรา คุณไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ความเป็นเพื่อนของเรา” เธอขึ้นเสียงใส่ด้วยความโกรธกรุ่น แน่นอนว่าในชีวิตเธอมีคนที่รักอยู่แค่ไม่กี่คน และคนที่เธอรักมากก็คือเพื่อนรักทั้งสองคนนั่นเอง
“แล้วเพื่อนแบบไหนเขาส่งเพื่อนมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้บ้าง นอกซะจากว่าเพื่อนคนนั้นจะไม่หวังดีแล้วก็ยัง…”
“ก็เพราะเขาคิดว่าคุณเป็นเกย์ไง เขาถึงได้กล้าส่งฉันมา” เธอตะโกนใส่หน้าด้วยความเดือดดาล ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลเมื่อเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันมาจ้องเขม็งที่หน้าเธอ
“คุณจะบอกว่าเพื่อนคุณคิดว่าผมเป็นเกย์ที่คิดจะมาหลอกแต่งงานบังหน้า ก็เลยคิดจะตลบหลังด้วยการอัดคลิปผมมาประจานว่างั้น” เขาที่จับประเด็นได้ จึงพอจะเดาเรื่องราวได้คร่าวๆ
“ก็ไม่ได้ประจาน แค่จะทำให้แม่กับยายรู้ความจริง พวกท่านจะได้เลิกบังคับให้เพื่อนฉันแต่งงานกับคุณก็เท่านั้นเอง” เธอบอกเสียงอ่อย
“แล้วคุณล่ะ…รู้ความจริงรึยัง” จู่ๆ เขาก็โน้มใบหน้าลงมาหาอีก และไอ้สายตาวิบวับเป็นประกายมันก็กำลังทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“คะความจริงอะไร” เสียงเธอเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน