แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง (1)

1372 คำ
บนดาดฟ้าของอาคารเรียน ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งกำลังยืนรับลมเย็นในต้นฤดูหนาวด้วยท่าทางอารมณ์ดี เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสวไปตามแรงลม สัดส่วนร่างกายที่ดูดีราวกับหลุดออกมาจากแมกกาซีนของคิเรย์ทำให้ฉันเผลอมองอย่างลืมตัว ฉันเดินผ่านประตูยังไม่ถึงสามก้าวหมอนั่นก็รู้ตัวแล้วหันกลับมามองทันควัน ใบหน้าที่ดูร่าเริงกลับเคร่งขรึมไม่เป็นมิตรขึ้นมาทันทีในพริบตาแรกที่สบสายตากับฉัน หมอนั่นคงผิดหวังที่ไม่ใช่คนตัวเองกำลังคิดถึงอยู่ ดวงตาคมเข้มสีดำสนิทจ้องมองฉันอย่างเยือกเย็น ไม้จิ้มฟันที่ค้างคาอยู่ในปากถูกกัดเสียงดังกรอดๆ ดูเหมือนว่าแค่ฉันมายืนอยู่ตรงนี้เฉยๆ ก็สร้างความโมโหให้กับเขาแล้ว ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นใจพูดสิ่งที่คิดออกไป “บลายธ์ไม่มาเจอนายหรอก!” “ว่าไงนะ!?” คิเรย์นัยน์ตาลุกวาวขึ้นมาทันที! หมอนั่นทำฉันรู้สึกหวาดเกรงจนต้องถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง “นี่ไงล่ะหลักฐาน” ฉันชูกระดาษโน้ตยับยู่ยี่ให้เขาดู “แล้วเธอเป็นใคร!? สะเออะอะไรมายุ่งวุ่นวายเรื่องของฉัน!” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น เจ็บกับคำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจคนฟังของหมอนั่นจนแทบอยากจะพ่นออกมาเป็นคำด่าแต่ก็ต้องทนสงบใจเอาไว้... “ฉันเป็นเพื่อนบลายธ์! และอยากจะมาบอกนายว่าให้เลิกยุ่งกับบลายธ์ได้แล้ว!” “หา!?” คิเรย์จ้องหน้าฉันด้วยแววตาคมกริบ! “ยัยนั่นไม่สนใจนายหรอก!” ฉันใจสั่นแปลกๆ ในทุกคำพูดที่เอ่ยออกไป ไม่ใช่เพราะว่าฉันกำลังอ่อนไหวให้กับใบหน้าหล่อโฉดของคิเรย์แต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะฉันอยากจะร้องไห้และก็ละอายใจที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายที่ไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่นเลยอย่างหมอนี่! “ถ้าอยาก...” ฉันหายใจติดขัด กำมือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแน่น “ถ้านายอยากจะไปเดทกับใครสักคนล่ะก็...” คิเรย์มองหน้าฉันอย่างหงุดหงิด สายตาคมดุมองมาอย่างเป็นคำถามว่า “อะไร” “ก็... เป็นฉันแทนเถอะ!” ฉันหลับหูหลับตาพูดออกไป ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากบ้านความรู้สึกอายก็เข้าจู่โจมแทรกซึมอยู่ในทุกอณูขุมขน! บ้าเอ๊ย! หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ทั้งอายทั้งกลัวจนไม่กล้ามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ “หา!? ล้อฉันเล่นหรือเปล่า” ฉันหลับตาแน่น สะดุ้งโหยงกับเสียงตะคอกของคิเรย์ ฉันนี่มันขี้ขลาดจริงๆ ถ้ายังมามัวห่วงศักดิ์ศรีและกลัวอายอยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะปราบราชสีห์ตรงหน้าได้สักทีล่ะ พรึบ! ทันทีที่รวบรวมความกล้าได้ฉันก็เงยหน้าขึ้นสบตากับคิเรย์แต่ประกายตาเจ้าเล่ห์ที่ไหวระริกอยู่ในแววตาคมกริบคู่นั้นก็ทำเอาฉันใจแป้วขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทันใดนั้นหมอนั่นก็กระชากต้นแขนฉันแล้วดึงเข้าไปใกล้ “เป็นเธอแทนงั้นเหรอ” คิเรย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตากลมกริบกวาดมองสำรวจในทุกตารางนิ้วบนใบหน้าของฉันอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะแสยะยิ้มเลือดเย็น “ไม่เลวหนิ! ถือเป็นข้อเสนอที่ดี... ฉันจะใช้เธอแก้ขัดไปก่อนก็ได้!” หัวใจฉันกระตุกวูบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น คิเรย์กำลังจะลากฉันลงไปจากชั้นดาดฟ้า ฉันรีบรั้งร่างกายตัวเองเอาไว้ทันควัน “เดี๋ยวสิ” “...???” หมอนั่นหันมามองด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ “วันนี้ฉันต้องรีบกลับบ้าน” ฉันละล่ำละลักบอกเสียงเบาโหวง ใจสั่นระรัวเพราะท่าทีของคิเรย์มันผิดคาดไปจากที่ฉันคิดไว้!! เขาไม่ได้คิดจะเดทกับฉันแทนบลายธ์แน่ๆ เพราะสายตาที่หมอนั่นใช้มองฉันมันไม่ต่างจากของเล่นคร่าเวลาชิ้นหนึ่งเท่านั้น! “หา!? อยากให้ฉันหักคอเธอตรงนี้หรือไง! บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าทำฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้ล่ะก็เธอได้เละคามือฉันแน่!” นี่ฉันคิดผิดหรือเปล่าที่เอาตัวเองเข้ามาอยู่ในอุ้งมือปีศาจแบบนี้! กึก! “โอ๊ย!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถูกคิเรย์กระตุกข้อมือสุดแรงจนได้ยินเสียงข้อต่อดังลั่น! นายไม่สนเลยใช่ไหมว่าคนอื่นจะเป็นยังไง!? นี่มันนรกขุมไหนกันเนี่ย! “คิเรย์ฉันเจ็บ!” ฉันร้องโวยวายไปตลอดทางแต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าหูหมอนั่นเลยสักนิด จนกระทั่งถึงรถหมอนั่นก็กระชากประตูเปิดแล้วผลักฉันเข้าไปข้างในอย่างไม่ไยดี ยังกับว่าฉันเป็นแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น! ปึก!! ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งสติหมอนั่นก็เดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งแล้วกดล็อกประตูรถอย่างรวดเร็วก่อนจะสตาร์ทรถ ขับออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้หนีเลย ให้ตายสิ! “นี่จะพาฉันไปไหนน่ะ!?” ฉันหันขวับไปมองหน้าคิเรย์ด้วยความแตกตื่น “โรงแรม” เฮือก! ฉันเบิกตากว้าง หัวใจสั่นระรัว ตะโกนใส่หน้าเขาเสียงแข็ง “ไม่นะ ฉันไม่ไป ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!” “หึ! คิดจะเรียกร้องความสนใจหรือไง? ถ้าจะเล่นตัวล่ะก็ไม่ได้ผลหรอก เพราะยังไงเธอมันก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่เสนอร่างกายให้ฉัน” “ใคร!? ใครเสนอร่างกายให้นายกัน ฉันพูดแบบนั้นตอนไหนไม่ทราบ!” ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บ หัวใจกระตุกร้าวกับถ้อยคำเหยียดหยันของปีศาจตรงหน้า! “อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับผู้หญิงพวกนั้นนะ!!” “หึ! เดี๋ยวก็รู้...” หมอนั่นพึมพำเสียงในลำคอแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลยไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอดสนิทหน้าสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีสภาพไม่เหมือนโรงแรมแต่ก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ป้ายข้างหน้าเขียนคำว่า ‘Nirvana Clubhouse’ “ลงมา!!” “ไม่!” ฉันเกาะขอบเบาะเอาไว้แน่น ส่ายหน้าเป็นพัลวันหลังจากที่ถูกคิเรย์เดินมาเปิดประตูแล้วเรียกให้ลงจากรถ! “เฮ้!!!” คิเรย์ตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะจับท่อนแขนฉันแล้วกระชาก ออกมาจากรถอย่างแรงจนร่างฉันปลิวออกไปกระแทกกับแผ่นอกของเขาดังพลั่ก! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันตามไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกหมอนั่นล็อกแขนข้างหนึ่งเอาไว้แล้วกระชากให้เดินตามเข้าไปข้างในอย่างทุลักทุเล “คิเรย์ฉันเจ็บ! โอ๊ยนี่!!” ฉันร้องโวยวายไปตลอดทาง จ้องมองแผ่นหลังของหมอนั่นน้ำตาคลอ หวังว่าเขาจะรู้สึกเห็นใจฉันบ้างแต่ไม่เลย แรงฉุดกระชากที่คิเรย์ทำกับฉันไม่มีทีท่าจะผ่อนเบาลงเลยสักนิดตรงกันข้ามยิ่งฉันร้องมากเท่าไหร่หมอนั่นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น!! ตลอดทางที่เดินผ่านพนักงานและผู้คนต่างหันมามองอย่างสนใจ ฉันทั้งอายทั้งโกรธคิเรย์ หมอนั่นทำกับฉันเหมือนไม่ใช่คน ไม่รักษาหน้ากันเลยสักนิด! แต่พอฉันจะอ้าปากด่าเขาก็หยุดเดินอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งแล้วไขประตูเข้าไปข้างในอย่างช่ำชองก่อนจะผลักไหล่ฉันแรงๆ “เข้าไป” ฉันทำเสียงจุ๊ปากอย่างไม่พอใจ พูดดีๆ ไม่เป็นหรือไง ฉันเจ็บนะ! ดูสิเนี่ยบอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว ฮือออ “โอ๊ยนี่! มันเจ็บนะโว้ย!” ฉันก่นเสียงพูดออกไปอย่างสุดจะทน ก่อนจะชะงักกึกเมื่อมองเห็นภาพข้างในห้องที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงเปล่าๆ กับตู้เสื้อผ้าหลังเล็กและประตูหนึ่งบานซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ และเมื่อฉันคิดจะวิ่งหนีออกจากห้อง พอหันกลับไปมองอีกทีประตูก็ปิดลงต่อหน้าต่อตา คิเรย์ย่ำเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกับดึงเนกไทออกหลวมๆ โดยที่ตลอดเวลาสายตาของหมอนั่นจับจ้องมาที่หน้าฉันอย่างไม่ให้คลาดสายตา “ถอดเสื้อผ้าซะ หรือจะให้ช่วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม