จากวันกลายเป็นสัปดาห์ อี้เหม่ยหลิงยังคงรับใช้ฉินฝานหรูอย่างขยันขันแข็ง นางได้รับความไว้วางใจจากเขาและพบว่าตัวเองกำลังพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเขา แต่ความจงรักภักดีต่อตระกูลโจรของนางก็ไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน
“เจ้าหัวเมือง...” หลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู หญิงสาวรีบวิ่งไปเปิดและพบว่าเป็นฉินฝานหรู มืดค่ำเช่นนี้เขามาหานางทำไมกัน
“ข้านอนไม่ค่อยหลับ เห็นว่าคืนนี้เดือนหงาย อยากจะชวนเจ้าไปเดินเล่นที่สระบัว เห็นบ่าวบอกว่าดอกบัวกำลังบานเต็มสระ เจ้าอยากจะไปด้วยกันหรือไม่” หัวใจของหญิงสาวพองโตอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมาอี้เหม่ยหลิงไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับชายใดมาก่อน แม้ว่าจะเกิดและโตมาท่ามกลางหมู่บุรุษมากมาย
“ซินฟางก็นอนไม่หลับเช่นกัน แต่จะดีหรือเจ้าคะถ้าเราจะออกไปเดินเล่นกันเพียงลำพัง” หญิงสาวเอ่ยถาม เพราะนางเริ่มเรียนรู้ธรรมเนียมของคนเมืองมากขึ้น ชายหนุ่มยิ้มเล็กๆ ก่อนจะส่ายหน้า
“เราเพียงแค่ออกไปเดินเล่น ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่สมควรเสียหน่อย” เมื่อได้คำตอบอย่างนั้นหญิงสาวจึงได้เดินไปกับเขาแต่โดยดี ขณะที่อี้เหม่ยหลิงเดินเคียงข้างเจ้าหัวเมืองฉินฝานหรู
ภายในสวนที่มีแสงจันทร์ หัวใจของนางรู้สึกหนักอึ้งด้วยความขัดแย้งในแง่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาความรู้สึกที่มีต่อชายผู้เดินอยู่ข้างกาย และชื่นชมความเมตตาที่เขาแสดงให้กับนาง ทั้งที่สร้างตัวตนขึ้นมาว่าเป็นเพียงสาวชาวป่าเท่านั้น เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหรือดูหมิ่นเลย
แต่ในทางเดียวกัน นางก็รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่สำคัญที่ต้องสอดแนมหน้าที่ของเขาที่มีต่อกองโจร และวันหนึ่งเขาก็ต้องรู้ความจริงว่าซินฟางไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แต่เป็นอี้เหม่ยหลิงหนึ่งในสมาชิกโจรชั่วที่เขาต้องการจะปราบให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินจินหลิง
ฉินฝานหรู รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจในท่าทางของ อี้เหม่ยหลิงและเขาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือของนางอย่างทะนุถนอม
“เจ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือไม่” อี้เหม่ยหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายถึงความวุ่นวายภายในของตัวเองได้อย่างไร
“ซินฟางรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาที่ท่านเจ้าหัวเมืองมีให้กับหญิงชาวป่าผู้นี้ และรู้สึกไม่สบายใจนักที่ตอบแทนพระคุณท่านได้อย่างไม่เต็มที่นัก” หญิงสาวรู้ดีว่าไม่สามารถพูดความอึดอัดที่แท้จริงกับเขาได้ จึงต้องพูดโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า และมันก็ยิ่งทวีความไม่สบายใจให้กับตัวนางขึ้นทุกที
ฉินฝานหรูมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะดึงร่างบางของนางเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ได้แต่ก้มหน้าหลบตาเขาเท่านั้น
“เท่าที่เจ้าทำทุกวันนี้ก็มากเพียงพอแล้ว แค่อยู่ใกล้ๆ คอยดูแลข้า เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่มีภรรยาคอยดูแล ในตอนนี้หน้าที่ที่ภรรยาควรจะทำก็เป็นเจ้าทั้งนั้นที่ดูแลอยู่...แทบจะทุกอย่าง" อี้เหม่ยหลิงเงยหน้าขึ้นมองคนพูด และจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง หญิงสาวสามารถเห็นความจริงใจในดวงตาของเขา และมันก็ยิ่งทำให้หัวใจของนางเต้นรัว ความรู้สึกมากมายตีกันจนวุ่นทั้งความสุขและความกังวลใจ
"ข้าถูกตาต้องใจเจ้าตั้งแต่วันแรกที่พบ วินาทีที่เห็นเจ้าดั่งเห็นดอกไม้ป่าผลิบานอยู่กลางขุนเขา ใบหน้าที่งดงามของเจ้าดูไม่หมองเลยสักนิด แม้จะอยู่ในสภาพมอมแมม ยิ่งตอนที่ได้เห็นแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นสาวชาวเมืองก็ยิ่งงดงาม” เมื่อถูกกล่าวชมซึ่งหน้าแบบนั้น อี้เหม่ยหลิงแทบจะหยุดหายใจ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่พูดจาเช่นนี้กับนางก็ตาม แต่คนที่ทำให้รู้สึกลึกซึ้งได้ขนาดนี้ก็มีเพียงแค่เขาผู้เดียวอย่างปฏิเสธไม่ได้
ฉินฝานหรู ดึง อี้เหม่ยหลิงเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น เขากอดเธอแน่นราวกับว่าเขาไม่ต้องการปล่อยมือ
"เจ้ายินดีจะเป็นภรรยาของข้าหรือไม่" เขาเอ่ยถามอย่างหนักแน่น แม้ไม่เห็นหน้าของเขา แต่น้ำเสียงก็ทำให้อี้เหม่ยหลิงมั่นใจได้ว่าเขากำลังจริงจัง
หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวกับข้อเสนอของ ฉินฝานหรูแม้ว่าอี้เหม่ยหลิงจะพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเขาอย่างรวดเร็ว แต่นางก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้มันซับซ้อนเหลือเกิน หญิงสาวไม่ลืมว่าตัวเองเป็นสายลับของครอบครัวโจร และเขาเป็นเจ้าเมืองที่ต้องการกำจัดพวกเขาออกจากแผ่นดินจินหลิง นางไม่สามารถหักหลังครอบครัวของตัวเองได้ แต่ในขณะเดียวกันนางก็ไม่อยากเสียผู้ชายที่เป็นรักแรกไปเช่นกัน
“ซินฟางเป็นเพียงสาวชาวป่า คนอื่นจะมองอย่างไร เมื่อท่านเป็นถึงเจ้าหัวเมือง คนอื่นจะมองอย่างไร” หญิงสาวไม่ได้ให้คำตอบแต่เลือกที่จะตอบด้วยคำถาม
“ขอเพียงเจ้าตอบมาว่ายินดีหรือไม่เท่านั้น ใครจะว่าอย่างไรข้าไม่สนใจ” ชายหนุ่มพูดด้วยความหนักแน่น ยิ่งทำให้อี้เหม่ยหลิงเริ่มโอนอ่อนต่อคำถามของเขา
“ยินดีเจ้าค่ะ” ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ตอบรับ นางต่อต้านความคิดของตัวเองและยืนยันว่าที่ทำแบบนี้ก็เพราะจะสืบหาแผนการกวาดล้างโจรต่อ และถึงเวลาทุกอย่างก็จะเป็นไปตามผลที่ควรจะเป็น ถึงตอนนั้นอี้เหม่ยหลิงรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไร และนางก็พร้อมจะยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นด้วย
ในเช้าวันรุ่งขึ้นอี้เหม่ยหลิงตื่นขึ้นมาในห้องนอนของฉินฝานหรู ร่องรอยความรักฝากไว้บนร่างกายและความทรงจำของเมื่อคืนนี้อย่างชัดเจน อี้เหม่ยหลิงพยายามมองหาชายหนุ่มที่นอนหลับไปพร้อมกับตัวเองเมื่อคืนนี้แต่พบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เธอรีบแต่งตัวและออกไปเดินหาเขาก่อนจะเจอกับบ่าวรับใช้ที่ฉินฝานหรูฝากบอกกับอี้เหม่ยหลิงว่าเขาถูกเรียกตัวไปที่เมืองหลวงด่วน หลังกลับมาแล้วจะมาจัดการเรื่องของนางให้ถูกต้องตามประเพณี
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ส่องแสงสว่างอันอบอุ่นในห้องนอนอันเงียบสงบ อี้เหม่ยหลิงนอนหลับอยู่บนเตียงนอนของฉินฝานหรูด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อคืนนี้หลังกลับจากสระบัวเธอก็มานอนที่ห้องนี้กับเขา
เมื่อค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น หญิงสาวก็ขยับตัวเพื่อเงยหน้าขึ้นมองหาคนรัก แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า นางขยับตัวลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบห้องของเขา ไม่เห็นแม้แต่เงาของฉินฝานหรู ภาพบทรักของเมื่อคืนแวบขึ้นมาในหัวของหญิงสาว อี้เหม่ยหลิงมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงไม่ใช่แค่ฝันไป ความรู้สึกในรสรักที่เขามอบให้ยังชัดเจน ร่องรอยบนเนื้อตัวก็ยังหลงเหลือให้เห็น หญิงสาวรีบลุกขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วเดินออกจากตำหนักของฉินฝานหรู ก่อนจะพบว่ามีบ่าวรับใช้มารอรับอยู่แล้ว
“ท่านเจ้าหัวเมืองไปไหน” อี้เหม่ยหลิงมั่นใจว่าคนพวกนี้จะให้คำตอบกับนางได้ จึงเอ่ยถามออกไปตรงๆ การที่พวกนางมานั่งรออยู่หน้าห้องเช่นนี้ก็หมายความว่ารู้เรื่องของนางกับฉินฝานหรูแล้วเช่นกัน
“ท่านเจ้าหัวเมืองสั่งเอาไว้ว่าให้ดูแลฮูหยิน และสั่งเอาไว้ว่าให้ท่านทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย แล้วท่านหลิวเจิ้งจะมาบอกทุกอย่างเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านเจ้าหัวเมืองถูกเรียกตัวไปที่เมืองหลวงด่วน กว่าจะกลับมาคงอีกหลายวัน” หญิงสาวยืนตัวแข็งอยู่กับที่ คำพูดของบ่าวรับใช้ดังก้องอยู่ในหูของนาง ฉินฝานหรูออกจากเมืองไปแล้วโดยไม่ร่ำลานางสักคำ และทิ้งให้นางอยู่เพียงคนเดียวในห้องนอนของเขา
เรื่องที่เพิ่งรับรู้นั้นกระทบใจหญิงสาวอย่างหนัก เธอมองไปรอบๆ ตัวเอง เครื่องเรือนราคาแพงและการตกแต่งที่หรูหราทำให้หญิงสาวคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ นางได้กลายเป็นฮูหยินของฉินฝานหรูอย่างเต็มตัว แต่ก็เพียงคืนเดียว และตอนนี้เขาได้ทิ้งนางไว้ไม่มีแม้คำบอกลา อี้เหม่ยหลิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกหลอก อยากร้องไห้แต่น้ำตาก็ไม่ไหล
ก่อนจะนึกได้ว่าบ่าวรับใช้ได้พูดว่าหลิวเจิ้งจะบอกอะไรกับนาง จึงได้รีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อรอเจอกับหลิวเจิ้ง และหวังว่าเขาจะมีคำอธิบายที่ทำให้นางสบายใจขึ้นมาบ้าง ว่าไม่ได้ถูกฉินฝานหรูหลอกเอาความบริสุทธิ์ไป
หลังจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิวเจิ้งก็ไปพบซินฟางสาวชาวป่าที่กำลังจะกลายเป็นฮูหยินของเจ้าหัวเมือง แม้เขาจะไม่ค่อยถูกใจนักเพราะหญิงสาวคนนี้มาจากฐานันดรที่ต่ำต้อย แต่ด้วยฐานะของตัวเขานั้นก็ไม่สามารถจะขัดความต้องการของฉินฝานหรูได้ ในเมื่อเขานั้นก็ยังไม่มีสตรีเคียงกายไว้คอยดูแล ก็คงไม่แปลกที่จะหลงใหลในความงามของดอกไม้ป่าดอกนี้ได้ เพราะเขาเองก็มองออกว่านางงดงามเพียงใด
“เนื่องจากท่าเจ้าหัวเมืองมีเรื่องด่วนต้องเข้าเมืองหลวงไปกะทันหัน จึงได้ฝากข้อความกับข้าเอาไว้บอกท่าน ว่าหลังเสร็จธุระจากเมืองหลวงแล้วจะกลับมาจัดพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี และท่านจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน เพราะพระสนมมารดาของท่านเจ้าหัวเมืองอาจจะมาร่วมพิธีด้วย” หลิวเจิ้งพยายามอธิบายให้กระชับที่สุด เขารู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับหญิงสาวชาวป่าอย่างซินฟาง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรู้จักฉินฝานหรูดีแค่ไหน และนางรู้หรือยังว่าฉินฝานหรูมีสายเลือดกษัตริย์อยู่ในตัวด้วย เขาได้แต่หวังว่าเรื่องระหว่างคนทั้งสองจะเป็นเพียงความลุ่มหลงของหนุ่มสาวเพียงชั่วคราวเท่านั้น
“ฟังดูยุ่งยากเหมือนกันนะ” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเคอะเขิน รู้ว่าเขาจะรับผิดชอบก็สบายใจขึ้นมาก จนลืมไปว่าการแต่งงานจะทำให้ทุกอย่างยิ่งยุ่งยาก
“ยุ่งยากมากแน่นอน ท่านเจ้าหัวเมืองไม่ใช่คนธรรมดา ท่านรู้เรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่” หลิวเจิ้งตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น หญิงสาวมองหน้าเขาและพยายามนึกว่าเหมือนตัวเองเคยได้ยินเรื่องนี้มาแว่วๆ
“ท่านอ๋องฝานหรูเป็นบุตรชายของฮ่องเต้กับพระสนมสาม เท่ากับว่าเขามีสายเลือดราชวงศ์ไม่ใช่คนธรรมดา ข้าในฐานะของขุนนางอยากบอกให้ท่านเผื่อใจเอาไว้บ้าง เพราะหากฮ่องเต้ไม่ยอมรับลูกสะใภ้ การแต่งงานของท่านกับท่านอ๋องฝานหรู...ก็อาจจะไม่มีค่าอะไรเลย” หลิวเจิ้งบอกกับอีกฝ่ายตรงๆ ด้วยความหวังดี เพราะไม่อยากให้นางวาดฝันไปไกล เขาคิดว่าคนเช่นนางคงดีใจเนื้อเต้นที่จะได้แต่งงานกับผู้สูงศักดิ์ แต่ความจริงไม่ได้งดงามเสมอไป และน้อยคนนักที่จะยอมรับความแตกต่างเรื่องชนชั้น โดยเฉพาะคนที่เป็นชนชั้นสูงอย่างครอบครัวของฉินฝานหรู