โจรภูเขา
ทางตอนเหนือของเมืองจินหลิง ขณะที่กลุ่มโจรภูเขาจินหลิงประมาณ 20 ชีวิต กำลังซุ่มปล้นพ่อค้าต่างแดนซึ่งกำลังจะเดินทางผ่านช่องเขาสูงไปยังเส้นทางสายไหม ทุกคนที่จะเดินทางผ่านจุดนี้ รู้ดีว่าสองปีมานี้มีกลุ่มโจรรอดักปล้นตรงบริเวณช่องแคบ ก่อนตัดเข้าเส้นทางสายไหมของเมืองจินหลิง
อี้เหม่ยหลิง บุตรสาวคนเล็กของมหาโจรอี้เวยชิง นางกวาดสายตามองหาสัญญาณอันตรายในป่าหนาทึบ มือเรียววางอยู่บนคันธนูที่พาดอยู่บนไหล่บางของนาง และเล็งไปที่ถนนซึ่งตัดผ่านกลางช่องเขาสูง ถนนเส้นนี้เป็นทางสำคัญของเมืองจินหลิงแคว้นต้าเฉิง ทิวทัศน์รอบๆ ช่างน่าทึ่ง งดงามร่มรื่น แต่แฝงไปด้วยอันตราย ทั้งสองฝั่งทางประกบ ด้วยผาสูงตระหง่าน ที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผืนป่าเป็นสีเขียวสมบูรณ์
อากาศเย็นสบายให้ความรู้สึกสดชื่น มีเพียงเสียงกีบเท้าม้ากระทบกับพื้นหินดังอยู่ไกลๆ และเสียงใบไม้กระทบต้นไม้ที่สูงเรียงรายเต็มสองข้างทาง ต้นไม้สูงตระหง่านเสียดฟ้า ลำต้นหนาแผ่กิ่งก้านสาขาทำให้เกิดร่มเงาที่รกทึบ
ดวงตะวันทอแสงเหนือศีรษะ ทอดเงาเป็นรอยระยิบระยับบนพื้นป่า อี้เหม่ยหลิงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของแสงอาทิตย์บนผิวของนาง หญิงสาวก็หลับตาลงชั่วครู่เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกนั้นให้ช่วยดูดซับความเครียดที่เกิดขึ้น
“เตรียมตัว” เสียงของชายวัยกลางคนกระซิบบอกลูกสาว เมื่อขบวนเดินทางของพ่อค้าต่างแดนใกล้เข้ามา
อี้เหม่ยหลิงและกลุ่มโจรของนางเห็นขบวนเกวียนสินค้ากำลังเคลื่อนผ่านจุดที่ซุ่มอยู่ สายตาคมดุจตาเหยี่ยวหรี่ลง กลุ่มของมือธนูต่างเล็งไปที่คนบังคับเกวียน และทหารที่นั่งอยู่บนหลังม้าคอยดูแลความปลอดภัยของขบวน
พ่อของอี้เหม่ยหลิงหันมาหานาง สีหน้าเคร่งขรึม
“เตรียมพร้อมขบวนรถใกล้เข้ามาแล้ว” เขากระซิบบอกกับลูกสาว
อี้เหม่ยหลิงพยักหน้า กำคันธนูแน่น เด็กสาวรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นแม้ว่านี่จะไม่ใช่การออกปล้นครั้งแรก และนางได้พยายามสงบสติอารมณ์ในขณะที่เฝ้าดูพ่อค้าต่างแดนเคลื่อนเข้ามาใกล้
“บุก!!!” เสียงตะโกนของอี้เวยชิงดังขึ้น พลธนูยิงลูกดอกใส่เป้าหมายของตัวเอง ถูกบ้างผิดบ้างแต่ก็กระหน่ำยิงไม่หยุด กลุ่มที่ถูกแบ่งเป็นพลโจมตีประชิดตัวกระโจนเข้าใส่กลุ่มพ่อค้า และเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด
การปะทะกันนั้นรุนแรงและโหดเหี้ยม ดาบ ขวานส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด พวกพ่อค้าเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นทางนี้ในยามราตรี เพราะจะทำให้กลุ่มโจรปล้นได้ง่ายขึ้นและมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่เดียว
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและความเดือดดาลดังไปทั่วบริเวณ พลธนูต้องออกจากที่ซ่อนและเปลี่ยนอาวุธเป็นดาบ เพราะกองกำลังทหารบุกเข้าไปตรงจุกซ่อนตัวของพวกเขา อี้เหม่ยหลิงต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดของนาง จัดการนายทหารที่คุ้มกันขบวนทีละคนด้วยดาบของนาง
“กับดัก!!!” อี้มู่จ้าวบุตรชายคนโตของหัวหน้าโจรร้องขึ้น เมื่อเขาเปิดผ้าคลุมบนเกวียนบรรทุกสินค้า แล้วพบว่าเป็นทหารซ่อนตัวอยู่เต็มคัน ทหารที่ถูกค้นพบพุ่งเข้าใส่เขาอย่างกระชั้นชิด แต่ก็จับตัวชายหนุ่มไม่ได้ เนื่องจากเขาว่องไวกว่า
“ถอยทัพ!!!” อี้เวยชิงตัดสินใจทันที จากการคำนวณจำนวนทหารมีมากกว่าพวกเขาเป็นสองเท่าตัว หากไม่รีบถอยอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน กลุ่มโจรพากันถอยทัพแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่บาดเจ็บ และล้มตายไปบ้างแล้ว อีกส่วนก็ถูกจับตัวไปได้ มีเพียงสามพ่อลูกครอบครัวอี้ที่หนีตายเอาชีวิตรอดออกมาได้
อี้เหม่ยหลิงวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของนาง เสียงฝีเท้าของทหารดังก้องอยู่ในหูจนไม่รู้ว่าถูกตามมาจริงๆ หรือเป็นเพียงภาพหลอน นางรู้สึกได้ว่าหัวใจของนางเต้นรัวขณะที่นางหนีตายออกมาจากสนามรบ นางมองกลับหลังไปและเห็นว่ามีทหารไล่ตามมาไม่ไกล 2-3 คน และนางคิดได้ว่าจำเป็นต้องหาที่ซ่อนโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นคงหนีไม่รอดแน่
หญิงสาวกระโดดลงหน้าผาที่ด้านล่างเป็นธารน้ำ นางชำนาญเส้นทางแถวนี้ดีเพราะเกิดและโตที่นี่ ทำให้รู้ว่าจุดนี้น้ำลึกมากพอที่จะทิ้งตัวลงจากที่สูงขนาดนี้ได้ อี้มู่จ้าวลูกชายคนโตของอี้เวยชิงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เขาเองก็ต้องหาที่ซ่อนเช่นกัน เพราะไม่มีกำลังมากพอที่จะวิ่งหลบหนี
ทันใดนั้น อี้เวยชิงก็เห็นถ้ำเล็กๆ อยู่ไกลๆ เขาชี้ไปที่มันแล้วพูดว่า
“อาจ้าวมีถ้ำอยู่ตรงนั้น เราซ่อนที่นั่นได้”
“หลิงเอ๋อร์ละท่านพ่อ นางไม่ได้มากับพวกเราด้วยหรอกหรือ” คนเป็นพี่คิดห่วงน้องสาว แม้ตัวเองจะเจ็บจนแทบจะก้าวขาไม่ไหวแล้ว
“พ่อเชื่อว่าน้องของเจ้าต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน พวกเราไปซ่อนตัวกันก่อน แล้วค่อยออกไปตามหานาง” อี้มู่จ้าวพยักหน้าก่อนพวกเขาจะรีบไปที่ถ้ำ และเมื่อเข้าไปถึงข้างใน ทุกพื้นที่มืดสนิทอี้เวยชิงประคองลูกชายไต่เลาะผนังถ้ำเข้าไปหาที่หลบ พวกเขาหายใจอย่างแผ่วเบาพยายามฟังเสียงการไล่ตาม ทหารยังคงวนเวียนอยู่บริเวณนั้นเพื่อค้นหาพวกโจรทั้งสอง
“เราคงต้องอยู่ที่นี่สักพัก” อี้เวยชิงกล่าว
“ข้าเป็นห่วงหลิงเอ๋อร์เหลือเกินท่านพ่อ” คนเจ็บพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“ต้องรอจนกว่าเราจะแน่ใจว่ามันปลอดภัย พ่อเชื่อว่าน้องของเจ้าต้องปลอดภัยเช่นกัน” อี้มู่จ้าวพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขานั่งอยู่ในถ้ำรอและฟัง อากาศข้างในทั้งชื้นและเหม็นอับ แต่การอดทนอยู่ที่นี่ก็ยังดีกว่าถูกทหารจับ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงและเสียงฝีเท้าของทหารก็จางหายไปในที่สุด อี้เวยชิงก้าวออกจากถ้ำอย่างระมัดระวังและมองไปรอบ ๆ เมื่อแน่ใจว่าทหารจากไปแล้วจริงๆ เขาจึงย้อนกลับเข้าไปในถ้ำเพื่อพาลูกชายออกมาจากที่ซ่อน
“ไปกันเถอะ” พวกเขาเดินทางกลับไปยังปากถ้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าหมู่บ้าน บุรุษสองคนเดินพยุงกันเข้ามาใกล้ทุกที อี้เหม่ยหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ รีบออกมาหาพ่อและพี่ชายด้วยความดีใจ นางรู้สึกโล่งใจเมื่อพวกเขากลับมาถึงที่จุดนัดพบ แม้ว่าจะกลับมาเพียงสองคนเท่านั้น
หญิงสาวรู้ว่าพวกเขาโชคดีที่รอดชีวิตจากการซุ่มโจมตีครั้งนี้ แต่นางก็อดเสียใจไม่ได้ที่พวกพ้องไม่ได้กลับมาด้วย มีบางส่วนที่ถูกจับตัวไป และอีกส่วนก็ตายในสนามรบ พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้นำร่างของพวกพ้องไปฝังด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้าน ผู้คนมากมายกำลังรอต้อนรับอย่างมีความหวัง แต่กลับเห็นเพียง 3 พ่อลูกครอบครัวอี้ที่กลับมาเท่านั้น
“อายงลูกชายคนเดียวของข้า ต้องมาตาย ซ้ำร้ายพวกท่านก็ปล้นไม่สำเร็จ กลับมากันแต่มือเปล่า หนีตายกันมาเพียง 3 คนพ่อลูก เหตุใดท่านถึงพาลูกท่านกลับมาได้ แต่พาลูกข้าและคนอื่นๆ กลับมาด้วยไม่ได้" สตรีมีอายุคนหนึ่งร่ำไห้และร้องถามกับอี้เวยชิงซึ่งเป็นหัวหน้ากองโจร หลังจากที่เขาเล่าความจริงทั้งหมดให้ผู้คนที่มารอรับได้ฟัง อี้เวยชิงก็ตอบอะไรไม่ได้ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่จนเต็มอก เขาเองก็ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าคนอื่นๆ เสียงร่ำไห้ดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจของคนทั้งสาม
"นี่ครั้งที่สามแล้วนะท่านอี้เวยชิง ที่ท่านพากองทัพพวกเราออกไปปล้นแล้วกลับมามือเปล่า และครั้งนี้ก็ดูจะหนักกว่าทุกครั้ง เพราะคนของพวกเราตายไปเกือบหมด" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น เขาตั้งตารอตำแหน่งหัวหน้ากองโจรมานาน และเหมือนกับว่าสวรรค์กำลังจะเปิดทางให้กับเขาแล้ว
"เจ้าหัวเมืองคนใหม่ชำนาญการรบนัก พวกเราคาดไม่ถึงว่าจะถูกมันวางแผนตลบหลัง" อี้มู่จ้าวพูดขึ้น เขาตามสืบเรื่องนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังระวังตัวไม่มากพอ ทำให้พลาดท่าเข้าจนได้
"พวกท่านดูจะฝีมือตกไปมาก เห็นทีว่าหมู่บ้านโจรภูเขาของเรา จะต้องหาผู้นำใหม่กันเสียแล้ว" ชายหนุ่มคนเดิมพูดปลุกระดมชาวบ้านคนอื่นๆ เสียงเฮดังสนั่น เขาพูดโน้มน้าวคนอื่นๆ ได้สำเร็จ อี้เวยชิงอยู่ในที่นั่งลำบาก เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ส่วนหนึ่งของการล้มเหลวมาจากเขา อี้เวยชิงนิ่งเงียบไปเขาเองก็เริ่มเห็นด้วยกับชายหนุ่ม
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะอาเทียน ท่านเห็นพี่ชายของข้ารึไม่ ฝีมือของเขาเก่งกาจไม่เป็นรองท่านพ่อของข้า แต่ก็ยังถูกคมดาบของพวกทหารฟันมาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด” อี้เหม่ยหลิงทนฟังชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าพี่ชายของนางดูแคลนบิดาไม่ไหว จึงได้เดินเข้าไปประชิดตัวเขาแล้วร้องบอก ฉูเทียนจิงยิ้มเย้ยอย่างไม่เกรงกลัว เขารู้ว่าอำนาจของครอบครัวอี้ริบหรี่เสียจนแทบไม่เหลืออะไรให้เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว
“ข้าก็ถึงได้บอกอยู่นี่ไงเล่า ว่าคงถึงเวลาที่จะต้องหาหัวหน้าคนใหม่แล้ว”
“อาเทียน!!!” อี้เหม่ยหลิงพุ่งเข้าใส่บุรุษร่างกำยำด้วยความไม่พอใจ นางตัวเล็กกว่าเขาแต่หัวใจไม่เคยคิดเกรงกลัว คนเป็นพ่อเมื่อเห็นลูกสาวทำเช่นนั้นก็รีบเข้าไปห้าม เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่ฉูเทียนจิงกล่าวมามันไม่จริง
ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อชาวบ้านประท้วงว่าจะเปลี่ยนหัวหน้า แต่อี้เหม่ยหลิงก็ไม่ยอม นางไม่เห็นว่าจะเป็นความผิดของพ่อตัวเองที่ตรงไหน แต่อี้เวยชิงกลับไม่คิดอย่างนั้น เขารู้สึกผิดเต็มอกและพร้อมจะสละตำแหน่งหากฉูเทียนจิงจะสามารถขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองโจรได้จริงๆ
ครอบครัวอี้แยกตัวกลับมาที่บ้านของพวกเขา เพราะต้องพาอี้มู่จ้าวมารักษาบาดแผลก่อน และขอเวลาคิดหาทางออกว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป
“ท่านพ่อลูกไม่ยอมให้อาเทียนขึ้นเป็นหัวหน้าเด็ดขาด มิอย่างนั้นข้าตกต้องไปเป็นเมียมันเป็นแน่” เพราะชายหนุ่มเคยลั่นวาจาเอาไว้ ว่าหากสามารถขึ้นเป็นหัวหน้ากองโจรได้เมื่อไหร่ จะใช้สิทธิ์หัวหน้าเลือกเอาอี้เหม่ยหลิงมาเป็นภรรยา
“พ่อคงไม่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าแล้วจริงๆ”
“ท่านพ่อ...นี่ไม่ใช่ความผิดท่านหรอก”
“แล้วจะเป็นความผิดใครกันล่ะหลิงเอ๋อร์ ในเมื่อพ่อเป็นหัวหน้าแต่กลับพากองกำลังออกไปปล้นแล้วพ่ายแพ้กลับมา ผู้คนบาดเจ็บและล้มตายไปจนหมด คนที่ถูกจับตัวไปก็ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร” อี้เหม่ยหลิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“เช่นนั้นข้าจะไปประลองกับฉูเทียนจิงเพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ากองโจร” บุตรสาวพูดขึ้นด้วยความหนักแน่น
“หลิงเอ๋อร์สตรีมิอาจจะท้าประลองชิงตำแหน่งหัวหน้าได้” อี้เวยชิงแย้งขึ้น เขารู้ว่าบุตรสาวของตัวเองนั้นฝีมือเก่งกาจไม่แพ้บุรุษ แต่กฎย่อมต้องเป็นกฎ กองโจรของพวกเขามีกฎที่สืบทอดกันมายาวนาน ว่าผู้นำกองโจรจะต้องเป็นบุรุษเท่านั้น
อี้เหม่ยหลิงทำหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันมองพี่ชายเพราะหวังจะให้เขาลงประลองกับฉูเทียนจิง แต่เห็นบาดแผลตามเนื้อตัวของเขาแล้ว ก็คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะหายดี หญิงสาวถอนหายใจและคิดว่าใครบ้างที่จะสามารถเป็นคู่ประลองกับฉูเทียนจิงได้ แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้วก็พบว่าคนมีฝีมือล้วนออกไปปล้นในวันนี้และไม่ได้กลับมาแม้แต่คนเดียว
“พรุ่งนี้พ่อจะประกาศถอนตัวจากตำแหน่งหัวหน้ากองโจร แล้วจัดการท้าประลองหาหัวหน้ากองโจรคนใหม่”
“ท่านพ่อ...”
“หลิงเอ๋อร์...ที่พ่อทำแบบนี้ก็เพื่อไถ่โทษต่อดวงวิญญาณของพวกพ้อง พ่อไม่สามารถพาพวกเขากลับมากับเราได้แม้แต่ร่างที่ไร้ลมหายใจ หากพ่อไม่ทำเช่นนี้พ่อคงไม่กล้าหายใจต่อไป” อี้เหม่ยหลิงไม่อาจจะหาคำใดมาหักล้างเหตุผลที่พ่อของนางกล่าวออกมาได้เลย ทำได้เพียงแค่ทำใจยอมรับ ว่าหลังพระอาทิตย์โผล่พ้นยอดเขาในวันพรุ่งนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะมาถึง