หญิงสาวชาวป่า

2241 คำ
นานนับสัปดาห์ที่อี้เหม่ยหลิงพยายามสืบเรื่องการปราบโจรของเจ้าหัวเมือง แต่กลับไม่ได้รู้อะไรเลย เพราะระบบทหารแน่นหนามาก อีกทั้งการประชุมปราบโจรก็เป็นการประชุมลับ คนนอกไม่มีสิทธิ์ได้รู้ จึงต้องเปลี่ยนแผนให้ตัวเองได้เข้าไปประชิดตัวเจ้าหัวเมืองมากขึ้น นางโจรสาวไม่เพียงแต่ต้องระวังตัวจากทหาร แต่ยังคอยระแวงว่าคนในหมู่บ้านจะมาตามตัวกลับไป แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวว่ามีโจรหน้าไหนกล้าออกมาปล้น เพราะข่าวที่โจรภูเขาถูกจับตัวแพร่กระจายไปทั่วทั้งจินหลิง บรรดาโจรที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างก็ล้มเลิกการเป็นโจร บางส่วนก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น บางส่วนก็ยังต้องซ่อนตัวเงียบไว้ รอให้เรื่องเงียบแล้วถึงจะกลับมาปล้นอีกครั้ง “ในเมืองทหารพลุกพล่านเหลือเกิน แต่ก็นับว่าดีเพราะของของข้าขายดีขึ้นมาก” แม่ค้านางหนึ่งพูดขึ้น “นั่นน่ะสิ ถ้าทางการปราบพวกโจรได้หมดพวกเราคงค้าขายได้ดีกว่านี้อีกแน่” “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าทหารที่เข้าๆ ออกๆ ประตูเมืองเขาไปไหนกัน” “ก็ได้ยินมาว่าจะไปล่าพวกโจรที่มันซ่อนตัวอยู่ในป่าน่ะนะ เห็นว่าอีกไม่กี่วันจะมีกองทัพเสริมมาจากเมืองหลวง เจ้าหัวเมืองจะเป็นคนนำทัพออกไปกระจายกำลังกวาดล้างโจรให้หมดแผ่นดินจินหลิง” หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นลูกค้าทำทียืนเลือกของ แต่แท้จริงแล้วนางแอบฟังทุกอย่างจากพวกแม่ค้า อี้เหม่ยหลิงเริ่มกังวลและคิดว่าตัวเองควรจะกลับไปที่หมู่บ้านแล้วบอกกับทุกคนดีหรือไม่ อย่างน้อยก็อพยพไปอยู่นอกเขตจินหลิงเสียก่อน แต่อีกใจก็มั่นใจว่าที่ตั้งของหมู่บ้านซับซ้อนพอที่กองกำลังทหารจะหาไม่เจอ อี้เหม่ยหลิงตัดสินใจย้อนกลับไปที่หมู่บ้าน เพราะเห็นแล้วว่ากองกำลังทหารมีอยู่เต็มเมืองไปหมด อีกไม่กี่วันก็จะมีกองทัพจากวังหลวงมาเสริมอีก คิดแล้วก็อดห่วงไม่ได้ว่าที่ซ่อนอาจจะถูกหาเจอเข้า แต่การกลับเข้าป่ามารอบนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว อี้เหม่ยหลิงเจอทหารกระจายกำลังเต็มไปหมด นางไม่อาจจะฝ่ากองกำลังทหารเพื่อเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านของตัวเองได้ จึงต้องวางแผนใหม่ หญิงสาวซ่อนตัวหลังโขดหินและมองดูเหล่านายทหารที่กำลังพักผ่อนใต้ร่มไม้ “นั่งพักกันให้เต็มที่ก่อนที่ท่านอ๋องฉินจะมาถึง” เสียงนายทหารคนหนึ่งร้องบอกกับพรรคพวก หญิงสาวรู้ว่าอ๋องฉินคือเจ้าหัวเมือง นี่เป็นโอกาสทองที่นางจะได้รู้จักหน้าตาของเขา นางจึงตัดสินใจที่จะซุ่มรอตรงนี้ต่อไป แม้ว่ามันจะเสี่ยงมากก็ตาม อี้เหม่ยหลิงรออย่างอดทนในที่ซ่อนตัว เฝ้าดูทหารและเจ้าหัวเมืองอย่างใกล้ชิด นางมุ่งมั่นที่จะเคลื่อนไหวเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทันใดนั้นก็มีบุรุษสวมอาภรณ์สีดำขลับขี่ม้าสีขาวเข้ามาพร้อมกับกองกำลังทหารที่ติดตาม อี้เหม่ยหลิงมั่นใจว่าเขาคืออ๋องฉินไม่ผิดแน่ ฉินฝานหรูลงจากม้าแล้วเดินเข้ามายังจุดพักของกองกำลังทหาร เขาตั้งใจจะบอกแผนการล่าโจรของเขา แต่อี้เหม่ยหลิงคิดว่านี่คือโอกาสของนาง จึงได้รีบเดินไปหาพวกเขาโดยรับบทเป็นเชลยที่หลบหนี “ได้โปรดช่วยข้าด้วย” อี้เหม่ยหลิงพูด น้ำตาไหลอาบใบหน้า “ข้าหนีออกมาจากพวกโจร และข้าต้องการให้พวกท่านช่วยเหลือข้า” หญิงสาวทำทีล้มลงไปที่พื้น ฉินฝานหรูมองหญิงสาวอย่างพิจารณา ร่างกายที่ดูบอบบาง กับการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าโทรมทำให้เขาเชื่อว่านางเป็นหญิงสาวชาวบ้านจริงๆ “เจ้าว่าเจ้าหนีมาจากที่ใด” เขาถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับสั่งการให้ทหารของเขาเก็บอาวุธ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวปริศนา “ข้า...ข้าหลบหนีออกมาจากพวกโจร” เพราะอี้เหม่ยหลิงรู้ว่าการปราบโจรเป็นเป้าหมายของเจ้าหัวเมือง หากนางโกหกว่าถูกโจรจับไปแต่หลบหนีออกมาได้ เขาจะต้องการใช้ประโยชน์จากนางเพื่อนำทางไปยังหมู่บ้านโจรแน่ๆ ฉินฝานหรูมองไปที่อี้เหม่ยหลิงด้วยความสงสัย เขาจัดการกับคนโกหกและนักต้มตุ๋นมากมาย และเขาก็ไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ อย่างไรก็ตามมีบางอย่างในตัวผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขาอยากจะเชื่อนาง “พาข้าไปที่หมู่บ้านโจรที่เจ้าว่าได้หรือไม่” ฉินฝานหรูถามหญิงสาวแปลกหน้า นางพยักหน้าอย่างแรง “ได้เจ้าค่ะ ข้าพอจำทางได้บ้าง และพอจะนำทางให้ท่านได้” "หากได้เช่นนั้นก็ดีมาก" ฉินฝานหรูกล่าว “แต่ท่านโปรดช่วยคุ้มกันข้าจากโจรพวกนั้นด้วย พวกมันน่ากลัวเหลือเกิน” อี้เหม่ยหลิงแสร้งทำหน้าหวาดกลัว “ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องปลอดภัย” ฉินฝานหรูตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หญิงสาวรู้สึกว่าแผนการของตัวเองสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็สามารถแฝงตัวเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับนายหัวเมืองได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องคอยระวังตัว เพราะท่าทางของเขาดูไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกได้ง่ายๆ จากนั้นเจ้าเมืองและกองทหารของเขาก็ออกเดินทางเข้าไปในป่า โดยมีอี้เหม่ยหลิงเป็นผู้นำทาง ขณะที่พวกเขาเดินไปอี้เหม่ยหลิงก็เล่าให้ ฉินฝานหรูฟังทุกอย่างที่นางรู้เกี่ยวกับหมู่บ้านโจร รวมถึงที่ตั้ง การป้องกัน และชื่อผู้นำ ฉินฝานหรูฟังอย่างตั้งใจ เขาประทับใจในความรู้และความกล้าหาญของหญิงสาว นางไม่ใช่แค่เหยื่อที่ทำอะไรไม่ถูก นางเป็นผู้รอดชีวิตและมีความเป็นนักสู้ ใบหน้างามของนางขนาดว่าขะมุกขะมอมได้ดูฝุ่นแต่ยังไม่ทำให้ความงามของนางด้อยลงไปแม้แต่น้อย “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดถึงได้ถูกพวกโจรมันจับไปได้” เรื่องหนึ่งที่ฉินฝานหรูเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ หญิงสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังพอเก็บอาการไว้อยู่ นางไม่ได้เตรียมคำตอบเรื่องนี้มาก่อน “ปกติแล้วพวกโจรมันจะปล้นแต่พ่อค้าต่างแคว้น หรือไม่ก็ขบวนเดินทางที่เคลื่อนผ่านแนวชายแดน แต่พอมีเจ้าหัวเมืองคนใหม่ พวกโจรก็ปล้นลำบากเลยหันมาปล้นชาวบ้านตามแนวป่า ซึ่งหมู่บ้านของข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น” อี้เหม่ยหลิงเล่าไปตามที่ได้ยินจากผู้คนในตลาด จับเรื่องนั้นมาผสมเรื่องนี้ ใช้เป็นคำแก้ตัวที่พอจะทำให้รอดพ้นจากคำถามของฉินฝานหรู “คนในหมู่บ้านถูกโจรชั่วฆ่าตายไปหลายคน ผู้หญิงกับเด็กถูกจับไปเป็นทาส ข้าเองก็กำลังจะถูกพวกโจรชั่วย่ำยี แต่หนีรอดออกมาได้เสียก่อน” หญิงสาวเล่าต่อ ชายหนุ่มไม่ได้คิดจับผิดอะไรนาง กลับสงสารเวทนาเสียมากกว่า “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ ข้ายังไม่ได้ถามเลย” “ข้ามีนามว่าซินฟาง” ฉินฝานหรูเพียงพยักหน้ารับ กองทัพของเขาเดินหน้าไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้หมู่บ้านโจรเข้าไปทุกที เมื่อพวกเขาเข้าใกล้หมู่บ้านโจร ฉินฝานหรูสั่งให้กองกำลังของเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ อี้เหม่ยหลิงเฝ้าดูอย่างกระวนกระวายในขณะที่ทหารเตรียมอาวุธและเข้าประจำตำแหน่ง ตาคมของนางมองอาวุธอย่างพิจารณาเพื่อวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของกองทัพ การได้เห็นทหารติดอาวุธจำนวนมากและใกล้ชิดขนาดนี้ ทำให้นางรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านของกองโจรอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ทิ้งร้างเอาไว้หลังจากที่เจ้าหัวเมืองเริ่มทำการปราบโจร พวกมันย้ายถิ่นฐานไปอยู่อีกแคว้นเพราะสอดแนมและรู้ว่าตัวเองไม่สามารถจะต่อกรกับเจ้าหัวเมืองคนใหม่ได้ไหว จึงไม่คิดจะเสี่ยงและเลือกที่จะไปตั้งถิ่นฐานใหม่แทน ฉินฝานหรูมาถึงในหมู่บ้านและพบเพียงความว่างเปล่า แต่ยังคงมีร่องรอยการเคยมีคนอาศัยอยู่ที่นี่ และมีหลักฐานหลายอย่างช่วยยืนยันว่าที่นี่เป็นรังโจรจริงๆ “ไม่มีคนอยู่เลยท่านเจ้าเมือง แต่จากร่องรอยน่าจะเคยมีคนอยู่ที่นี่จริง มีซากกองไฟที่น่าจะถูกดับไปไม่นาน มีหีบสินค้าของพ่อค้าต่างแคว้นที่น่าจะถูกปล้นระหว่างเดินทางข้ามชายแดนเข้ามาในเขตจินหลิง” นายทหารกล่าวรายงานสถานการณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามที่อี้เหม่ยหลิงคาดการณ์เอาไว้ พวกโจรนั่นคงยังกลับมาที่นี่เรื่อยๆ เพื่อขนของไป และอะไรที่ไม่จำเป็นอย่างหีบใส่สินค้าคงจะถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ และมันจะช่วยยืนยันคำพูดของนางว่าไม่ได้โกหก “พวกมันคงจะหนีไปแล้ว เพราะข่าวการจับตัวพวกโจรภูเขาแพร่สะพัดไปทั่ว” นายทหารอีกคนเสริมขึ้น ฉินฝานหรูไม่ได้พูดอะไร เขามองไปรอบๆ หมู่บ้านเพื่อสำรวจทุกอย่างเป็นไปตามที่ทหารของเขาบอก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพวกมันถึงหลบหนีไปได้โดยรอดพ้นจากสายตาทหารลาดตระเวนที่กระจายตัวอยู่ทั่วพื้นที่ “แสดงว่ามันเป็นคนละพวกกับที่เราจับได้ตรงช่องแคบแดนเหนือ เพราะไม่อย่างนั้นมันคงคิดที่จะหาทางช่วยชีวิตพวกพ้องส่วนที่ถูกขังไปแล้ว แต่นี่ทิ้งหมู่บ้านหนีไปกบดานอยู่ที่อื่น เหมือนจะไม่กลับมาที่นี่อีก” “ทำไมท่านจึงคิดว่ามันไม่ใช่พวกเดียวกัน มันอาจจะหนีตายไปก็ได้เจ้าค่ะ” นายทหารคนหนึ่งแย้งขึ้น “พวกที่เราจับได้มันรักพวกพ้องยิ่งกว่าชีวิต ทรมานจะเกือบตายแล้วยังไม่ปริปากพูดอะไรสักอย่าง เจ้าคิดว่าคนที่ยังไม่ถูกจับจะไม่มีความรักที่แรงกล้าต่อพวกพ้องเช่นนั้นหรอกหรือ” อี้เหม่ยหลิงที่แอบฟังอยู่หัวใจแทบแตกสลาย เมื่อได้ยินว่าพวกพ้องถูกทรมานเจียนตาย และที่ยิ่งไปกว่านั้นจนช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่คิดขายพวกพ้อง อี้เหม่ยหลิงตั้งใจแล้วว่าจะต้องสอดแนมให้สำเร็จ และช่วยพวกเขาออกมาให้ได้หากมีโอกาส ฉินฝานหรูกลับจากหมู่บ้านโจรมือเปล่า เขาไม่เจอพวกโจรแม้สักคนเดียว แต่ก็ถือว่าได้สำรวจพื้นที่ และได้ทิ้งกองกำลังให้ลาดตระเวนแถวนั้นจำนวนหนึ่ง อี้เหม่ยหลิงตระหนักได้ว่าตอนนี้ทางการได้มีความตั้งใจที่จะกวาดล้างโจรให้สิ้นซากจากแผ่นดินจินหลิงจริงๆ เจ้าหัวเมืองได้ชวนให้ซินฟางหญิงสาวชาวบ้านที่เขาช่วยเหลือเอาไว้ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือลูกสาวของอดีตหัวหน้ากองโจรที่เข้ามาสอดแนมให้เข้าไปอยู่ในเมืองกับเขา เพราะนางโกหกว่าครอบครัวถูกโจรฆ่าตายไปหมดแล้ว หมู่บ้านก็ถูกเผาทำลาย ซินฟางจะเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าฉินฝานหรูพึงพอใจในตัวนางไม่น้อย “นี่ที่พักของเจ้า” บ่าวรับใช้ที่พาอี้เหม่ยหลิงที่อ้างตัวว่าเป็นสาวชาวบ้านชื่อซินฟาง มาส่งยังที่พักบ่าวรับใช้ ที่นี่เป็นห้องพักรวมมีบ่าวรับใช้หลายคนพักอยู่ร่วมกัน และนี่ก็ดูจะค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับอี้เหม่ยหลิงเพราะมากคนก็ยิ่งมากความ “ส่วนนี่เสื้อผ้าเจ้า ไปอาบน้ำที่บ่อน้ำข้างหลังห้องพักซะ แล้วก็เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าของบ่าวรับใช้ ข้าจะรออยู่ที่นี่” หัวหน้าบ่าวรับใช้พูดขึ้น อี้เหม่ยหลิงรับเสื้อผ้ามาถือไว้แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมสตรีรูปร่างท้วมที่นำทางนางมาที่นี่จะต้องรอนางด้วย “ท่านจะรอข้าทำไม” “ก็รอเกล้าผมให้เจ้าน่ะสิ แล้วก็ต้องพาเจ้าไปเรียนรู้งานด้วย” อี้เหม่ยหลิงได้แต่พยักหน้ารับคิดแล้วก็ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ ที่เข้ามาสอดแนมจนใกล้ชิดขนาดนี้ แถมยังต้องมาเป็นทาสรับใช้ของคนในตำหนักหัวเมืองอีก จะได้เจอกับฉินฝานหรูอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้นางทำได้เพียงทำตามคำสั่งไปก่อน และพยายามสืบหาที่คุมขังของพวกพ้องเพื่อที่จะหาทางช่วยพวกเขาออกไป แต่ภารกิจที่สำคัญที่สุดคือสอดแนมและส่งข่าวแผนการกวาดล้างโจรให้กับคนที่หมู่บ้าน หากทำได้สำเร็จตำแหน่งหัวหน้ากองโจรอาจจะกลับคืนมาสู่ครอบครัวอี้ได้อีกครั้งก็เป็นได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม