ตอนที่ 7 ความลับของอิงหยวน
แม่ทัพหนุ่มหายไปจากจวนกลับมาอีกทีก็ช่วงสายของอีกวัน จูเพ่ยเพ่ยนั่งรอเขาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลเพื่อถามไถ่ แต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดและท่าทางอ่อนเพลีย นางก็ไม่กล้าเข้าไปหา ได้แต่นั่งมองดูอยู่ที่เดิม หญิงสาวรู้สึกแคลงใจยิ่งนัก นางอยากรู้เหลือเกินว่าเมื่อคืนเขาหายไปไหนมา
หลังจากที่นางออกจากเรือนเขา นางก็ต้องรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่เมื่อเห็นอิงหยวนที่กำลังเดินมา คราแรกนางคิดว่าจ้าวเยว่ฉินไปค้างที่เรือนอนุคนโปรด แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนางยังแอบได้ยินอิงหยวนบ่นกับบ่าวรับใช้เรื่องที่แม่ทัพหนุ่มไม่ยอมร่วมรักหลับนอนด้วย
เรื่องนี้ก็ทำให้จูเพ่ยเพ่ยนึกสงสัยเช่นกัน
หญิงสาวกลับไปที่เรือนก่อนสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปตามสืบดู ว่าพักนี้ท่านแม่ทัพได้ไปหาอิงหยวนบ้างหรือไม่ ความใคร่รู้ทำให้นางนั้นหลงลืมกิจวัตรประจำวันที่นางมักจะทำทุกวัน เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ไม่ใช่ของตน อีกทั้งความอยากเอาชนะทำให้นางนั้นเริ่มถูกความมืดดำครอบงำจิตใจ
ในเมื่อไม่มีผู้ใดเมตตาเอ็นดู คอยปกป้องดูแลนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่ใส่ใจ
จากนี้ไปนางจะแปรเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง แม้แต่สวรรค์นางก็จะไม่ยอมให้มากำหนดชีวิตนางตามใจชอบอีก!
พักนี้จ้าวเยว่ฉินต้องไปค้างที่กองทัพ ทำให้จูเพ่ยเพ่ยรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนักที่ชายหนุ่มมักหายไปนานหลายวัน แผนการที่นางวางไว้ก็เป็นอันต้องล่าช้าไปด้วย อีกทั้งยามนี้นางยังต้องถูกแม่สามีบังคับให้ไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่าทุกวัน หญิงชราน่ารำคาญ ทั้งยังเอาแต่ใจ นางเบื่อเสียจนอยากจะกัดลิ้นตายวันละหลายรอบ
แต่ทำเช่นไรได้ ต่อให้อยากไปจากที่นี่ นางก็หามีปัญญาไม่
เมื่อครั้งที่บิดาตายจากไป นางก็เคว้งคว้างโดดเดี่ยว เมื่อได้แม่ทัพรับมาเป็นอนุภรรยาอีกคน นางจึงหวังพึ่งพิงเขาไปจนวันตาย นางไม่เคยคิดว่าหากชีวิตนี้ต้องออกไปเริ่มต้นใหม่นอกจวนสกุลจ้าวนั้น จะเป็นเช่นไร
หญิงสาวคิดแล้วได้แต่ถอนหายใจ
นางพยายามหลบหน้าแม่สามี แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเลี่ยง จำใจต้องไปเรือนใหญ่เพื่อรองรับอารมณ์หญิงชราน่าตายนั่นทุกวัน เพราะถูกกดขี่อยู่บ่อยครั้ง ทำให้นางเริ่มถูกความมืดดำครอบงำจิตใจ
นางสลัดความไร้เดียงสาออกจนหมดสิ้น และเริ่มหาแผนการที่จะอยู่ในจวนนี้ได้อย่างผู้มีอำนาจ
หากหมดสิ้นเสี้ยนหนามเช่นฮูหยินผู้เฒ่าและแม่สามี ถึงเวลานั้นนางค่อยหาทางเขี่ยอิงหยวนออกไป หญิงสาวไม่ได้ฉลาดนัก แต่แผนการของนางก็นับว่าล้ำลึก
อันดับแรกที่นางต้องทำ คือพิชิตใจสามีให้ได้เสียก่อน
ถึงเวลานั้นทุกอย่างจะง่ายขึ้น
นางจะแทรกซึมได้ทุกหนแห่ง และนั่นคือโอกาสที่นางจะกำจัดฮูหยินผู้เฒ่าและแม่สามีให้ลงปรโลกไปเสีย!
เมื่อวาดฝันว่าวันหนึ่งจะได้ครอบครองทั้งจวนนี้และจ้าวเยว่ฉินแต่เพียงผู้เดียว อารมณ์ขุ่นมัวในใจก็ลดน้อยลงหลายส่วน นางออกมาเดินเล่นชมดาวที่กระจ่างกระจายเต็มผืนฟ้า
แต่ทว่า…สายตากลับเหลือบไปเห็นอิงหยวนที่กำลังยืนอยู่ริมกำแพงจวน
หญิงสาวค่อยๆเดินตามเข้าไปดูใกล้ๆก่อนพบว่าอีกฝ่ายกำลังปีนต้นไม้อย่างรวดเร็วและกระโดดออกไปด้านนอก จูเพ่ยเพ่ยหันซ้ายหันขวาก่อนเหลือบไปเห็นแผ่นไม้ที่ปิดช่องโหว่ของกำแพงไว้ นางสั่งบ่าวรับใช้ให้ลากแผ่นไม้นั้นออกก่อนที่ทั้งสองจะตามอิงหยวนไปอย่างเงียบเชียบด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อิงหยวนหยิบหมวกสวมปกปิดใบหน้าก่อนมุ่งตรงไปที่ตรอกร้างไร้ผู้คน
มุมนั้นเงียบสงัดและน่ากลัว แต่ทว่ากลับมีชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดส่องลงมา คนผู้นั้นแต่งกายกลมกลืนชาวเมืองนี้ แต่ดูอย่างไรก็แปลกตานัก
“เจ้าทำได้ดียิ่งอิงหยวน”
ชายผู้นั้นกล่าวชื่นชมก่อนมอบถุงเงินให้แก่หญิงสาว จูเพ่ยเพ่ยและบ่าวของนางแอบมองคนทั้งสองตาไม่กระพริบ
“ขอเพียงนายท่านสั่งมา อิงหยวนผู้นี้พร้อมทำตาม”
“ข้ายังไม่วางใจนัก อย่างไรก็พยายามหาทางกำจัดนางให้ได้”
“การกำจัดนางนั้นไม่ง่าย รอบตัวนางมีกลุ่มคนที่มีวรยุทธสูงส่งคอยให้การช่วยเหลืออย่างลับๆ ข้าเกรงว่า….”
ไม่ทันสิ้นคำ ลำคอระหงก็ถูกบีบอย่างแรงจนร่างบางลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย
“อย่ากล่าวสิ่งใดให้ข้าขุ่นเคืองใจ หากเจ้าฆ่านางไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”
เสียงนั้นแข็งกร้าวแต่ไม่ดังมากคล้ายกระซิบ ร่างบางถูกปล่อยร่วงลงพื้น อิงหยวนไอออกมาก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าชายผู้นั้น
“อภัยให้ข้าด้วยเถิด ทะ ท่านอาจารย์”
“หึ! ต่อให้เจ้าเป็นศิษย์ที่มีฝีมือมากที่สุด แต่หากเจ้าทำงานผิดพลาดล่าช้าอีก อย่าหวังว่าข้าจะปราณีเจ้าต่อไป”
เหตุการณ์ตรงหน้าและคำสนทนานั้นทำให้จูเพ่ยเพ่ยและบ่าวของนางหน้าซีดเผือด ระหว่างที่ทั้งสองจะล่าถอยออกไปจากตรงนี้ จู่ๆก็มีสุนัขสีดำตัวใหญ่โผล่เข้ามาใกล้ เมื่อสายตาของมันเห็นพวกนางก็ขู่กรรโชกและเห่าอย่างบ้าคลั่งทันที
อิงหยวนและชายผู้นั้นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทั้งคู่รีบตรงดิ่งมายังมุมที่จูเพ่ยเพ่ยและบ่าวรับใช้หลบอยู่ ด้วยความกลัวตายทำให้บังเกิดความเห็นแก่ตัว หญิงสาวผลักบ่าวรับใช้ออกไปรับหน้ากับความตาย ก่อนที่จะวิ่งหนีไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
เสียงที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของบ่าวผู้โชคร้าย
เลือดสีแดงฉานสาดกระเด็น ก่อนที่ศรีษะนั้นจะร่วงหล่นจากบ่า เป็นภาพน่าสยดสยองที่ผู้เป็นนายไม่มีโอกาสได้เห็น
จูเพ่ยเพ่ยมุดกลับเข้ามาในจวน นางสะดุดชายอาภรณ์ล้มลุกคลุกคลานจนเนื้อตัวเลอะเทอะ หญิงสาวกลับเข้าเรือนลงกลอนประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา ก่อนที่นางนั้นจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าท่าทางตื่นกลัว
นางรู้สึกอื้ออึง ทั้งสมองยังเต็มไปด้วยความสับสน แต่เหนือสิ่งอื่นใดยามนี้นางกลับหวาดระแวงกลัวว่าอิงหยวนจะจับได้ว่านางได้รู้ได้เห็นทุกอย่างแล้ว หากเป็นเช่นนั้น ศพต่อไปคงไม่พ้นเป็นนาง
นางจะทำเช่นไรดี
นางควรบอกเรื่องนี้แก่ทุกคนดีหรือไม่ แล้วถ้าหากไม่มีผู้ใดเชื่อคำพูดของนาง จะทำเช่นไร
หญิงสาวคิดไปคิดมาไม่อาจข่มตานอน ราวกับคนเสียสติเพียงแค่ลมพัดด้านนอกนางก็สะดุ้งสุดตัว!
ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งกำลังทนทุกข์ทรมานจากความหวาดระแวง ลู่เหลียนเองก็นอนไม่หลับ ด้วยรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจะบุกรุกเข้ามาในห้องของนางทางหน้าต่างในยามวิกาล หญิงสาวแกล้งข่มตาหลับ มือนางกำด้ามดาบเอาไว้แน่น
โชคร้ายนักที่คืนนี้ถานเอ๋อร์จะต้องกลับไปดูอาถิงที่ล้มป่วยลงเพราะสภาพอากาศเริ่มแปรเปลี่ยน อย่างไรเสียทั้งคู่ก็เป็นพี่น้อง ไม่อาจตัดขาดต่อกัน นางเห็นว่าถานเอ๋อร์ร้อนใจและเคร่งเครียดนัก จึงได้อนุญาตให้กลับไป ทั้งที่อีกฝ่ายพะวักพะวงเป็นห่วงนาง
นางคิดผิด นางควรตามถานเอ๋อร์ไปด้วย
แต่ทว่าเพราะกลัวว่าบิดาและสกุลลู่จะโดนนินทา นางจึงไม่กล้าแบกหน้ากลับไป ได้แต่นอนรอรับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง
บานหน้าต่างถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะเดินเข้ามาใกล้เตียง ลู่เหลียนใจสั่นไหวรุนแรง น่าแปลกนักที่นางหาได้รู้สึกถึงภัยอันตราย แต่กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดขึ้นมา หญิงสาวหลับตานิ่งคล้ายคนที่หลับใหล
สิ่งที่น่าตกใจกว่าการถูกลอบฆ่า คือริมฝีปากอุ่นที่แนบชิดลงมา
ให้ตายเถิด! บุรุษผู้นี้กล้าดีเช่นไรมาขโมยจูบนาง หญิงสาวตัดสินใจลืมตาก่อนที่สายตานางจะสบเข้ากับสายตาอ่อนโยนที่คุ้นเคย นางชะงักพลันคิดว่าตัวเองตาฝาดจึงได้หลับตาลงอีกครั้ง เมื่อลืมตาตื่นอีกทีก็พบว่าบุรุษผู้นั้นหายไปเสียแล้ว
หรือนางจะเลอะเลือนไปเอง?
นี่คือผลข้างเคียงจากการที่นางทดสอบยาพิษใช่หรือไม่ ช่วงนี้นางกำลังคิดค้นสูตรยาพิษหลากหลายชนิดเพื่อใช้สำหรับช่วยอ๋องแปดปราบพวกบุกรุกดินแดน ซึ่งพืชพิษบางชนิดเพียงแค่สูดดมก็อาจทำให้เกิดอาการเห็นภาพลวงตาได้
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
หญิงสาวคิด ก่อนลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังหน้าต่างที่เมื่อครู่นางเห็นว่าถูกเปิดออก เมื่อตรวจสอบก็พบว่ากลอนนั้นยังถูกปิดแน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกปิดจากด้านนอกเด็ดขาด
ให้ตายเถิด นางคงต้องพักเรื่องคิดค้นพิษร้ายบ้างเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นนางอาจตายก่อนเจ้าพวกเผ่าป่าเถื่อนนั่น!