“นั่นมันนางกินรีหรือไง...หรือเราถูกผีหลอก” ชายหนุ่มในชุดทหารพรานอุทานเบาๆ จังหวะหัวใจของเขาเต้นสั่นกับภาพหญิงสาวในสระน้ำเบื้องล่าง ตั้งแต่มาประจำการ ณ ชายแดนแห่งนี้ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงชาวบ้านคนไหนสวยหยาดเยิ้มได้เท่านี้มาก่อนเลย จึงไม่แน่ใจนักว่าเธอคือมนุษย์ปุตุชน หรือผีป่านางไม้จำแลงกายมากันแน่
หรือจะเป็นนางกินรีมาถอดปีกถอดหางลงเล่นน้ำจริงๆ...
“นี่เรากำลังแอบดูผู้หญิงอาบน้ำเหรอ...โธ่เว้ย!” เสียงทุ้มในลำคอขบถกับตัวเองแล้วหันหลังให้ภาพนั้นทันที เขานั่งลงตรงโคนต้นไม้ใหญ่เป่าลมหายใจออกทางปากแล้วหลับตาลง เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร แต่ในกลางป่าแบบนี้มันเต็มไปด้วยอันตราย ทำไมเจ้าเธอช่างใจกล้าเปลือยกายลงเล่นน้ำได้อย่างชื่นมื่นไม่เกรงกลัวภัยใดๆ เลย
ใจหนึ่งเขาอยากกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง อีกใจก็ห่วงว่าหากมีใครมาเห็นเหมือนอย่างที่เขาเห็น อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอคนนั้นหรือเปล่า
คิดแล้วก็นึกโมโหยิ่งนัก...เพราะปกติหญิงสาวชาวบ้านป่าในแถบนี้จะรักนวลสงวนตัวเพราะวัฒนธรรมที่ยังเข้มงวด การอาบน้ำในแม่น้ำลำธารพวกเธอจะไปกับเป็นกลุ่ม และนุ่งผ้าถุงป้องกันมิดชิดไม่ได้อล่างฉ่างเช่นนี้
แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเรือนกายเปล่าเปลือยของเธอทำให้เลือดในการของเขาฉีดพล่านเร่าร้อนทั้งสรรพางค์...
“ผู้กองเสือ! ทำอะไรอยู่ครับ ตรงนั้นมีอะไรเหรอ”
“เปล่า! ไม่มีอะไร ไม่ต้องเข้ามา! ข้าจะพักสักหน่อย พวกจ่ากลับฐานไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะตามไป” เขาตะโกนบอกลูกลูกน้องที่มาด้วยกัน แต่ตนเองนั้นแยกตัวออกทำธุระส่วนตัวจนได้เห็นของของดีเข้า ชายชาติทหารกัดฟันกรอด หากคนที่มาไม่ใช่เขาล่ะ...
“ผู้กองไม่เป็นไรแน่นะ...”
“เออ!”
“ก็ได้งั้นพวกผมกลับก่อน เป็นห่วงหรอก กลัวจะเป็นลม”
“ตรงนี้ลมดี ข้าแค่อยากนั่งคิดอะไรเงียบๆ”
กลุ่มทหารพรานที่ออกล่าตระเวนด้วยกันพากันโบกมือลากลับฐานไปก่อน พวกเขาอาจแปลกใจในพฤติกรรมอันประหลาดของผู้บังคับบัญชา แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้มากมาย ผู้กองเสือ หรือร้อยเอกสุริเยนทร์ ภานุเดชเดชา นายทหารหนุ่มวัยสามสิบปลายๆ จึงวางปืนลงราบขวางตักในขณะที่นั่งชันเข่าพิงหลังกับต้นไม้
การดูแลประชาชนถือเป็นหน้าที่ของเขา...ดังนั้นการอยู่อารักขาหญิงสาวแปลกหน้าที่อาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งเช่นกัน เขาไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับเธอแต่มีเจตนาช่วยเหลือ มันคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก
“อย่าช้านักล่ะแม่คุณ...ผมคงอยู่เฝ้าคุณแก้ผ้าเล่นน้ำทั้งวันไม่ไหว หึ หึ”
บริเวณที่เขาอยู่เป็นเนินเขาสูง เบื้องล่างเป็นธารน้ำใหญ่ ส่วนที่หญิงสาวปริศนากำลังเห้อระเหยอยู่นั้นเป็นที่ลับตาพอสมควร เพราะเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กรอบๆ ปกคลุมด้วยต้นไม้และต้นหญ้า แต่หากมองจากที่สูงและสังเกตดีๆ ก็เห็นได้ไม่ยาก ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้เลือกเข้าป่ามาสำรวจเส้นทางใหม่ๆ เพื่อให้สามารถดูแลพื้นที่ได้ครอบคลุมมากขึ้น เขารู้ดีว่าในป่าใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางนั้นมีอะไรมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้
ทั้งเรื่องลี้ลับ ทั้งความเชื่อ...ครั้งแรกที่ได้ยลโฉมสะคราญของนางในธารนทีนั้นเขาก็แอบคิดว่าเธออาจไม่ใช่คน แต่เมื่อตั้งสติได้เขาก็พิจารณาด้วยเหตุผลว่าเธอคงเป็นสาวชาวบ้านในแถบใกล้ๆ นี้แหละ อาจมาลงเล่นน้ำเพราะเห็นเป็นบริเวณที่ห่างไกล และเธอคงไม่ใช่พวกนักท่องเที่ยวที่หลงป่าแน่นอน เพราะพฤติกรรมไม่ได้ร้อนรนแต่อย่างใด
สุริเยนทร์หันมองไปยังสระน้ำเป็นบางครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเธอยังปลอดภัยดี พยายามหลบเลี่ยงสายตาจากภาพยั่วเย้าอารมณ์กลัดมัน เขาเป็นผู้ชาย...ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษขนาดไหนก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ได้ยลโยมสรีระของอิสรีที่เต็มไปด้วยทรวดทรงสะโอดสะองสมบูรณ์แบบ มีหรือจะไม่หวั่นไหวบ้าง
เขาก็ได้แค่ภาวนา...ขอให้เธอเสร็จภารกิจโดยเร็ว จะได้แยกย้ายกันไปเสียที
“อ้าวเฮ้ย! หายไปไหนแล้ว!” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วจนหน้าผากยืนเกือบชนกัน เขาใช้ปลายด้ามปืนค้ำดินแล้วลุกขึ้นมองสระน้าเบื้องล่างที่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่ถึงห้านาทีเขายังเห็นหญิงสาวปริศนาเล่นน้ำแหวกวนอย่างสบายใจ
เธอกลับไปแล้วหรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...
หรือว่าเขากำลังเจอดีเข้าให้แล้ว...
สุริเยนทร์ครุ่นคิดแปลกใจ ขนลุกซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเพราะอากาศเย็นในป่า หรือเพราะเขายังหาคำตอบเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
“เราคงคิดมากไปเองมั้ง แต่คนอะไรหายตัวเร็วขนาดนั้น หรือรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้” เขาเก็บปืนขึ้นจากพื้น ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจหนัก พยายามคิดในแง่ของวิทยาศาสตร์ และเมื่อทุกอย่างเป็นปกติแล้วเขาจึงเดินแหวกหญ้ารกสูงเดินกลับยังเส้นทางที่ใช้บุกเข้ามาสำรวจ
“...” เสียงอะไรบางอย่างทำให้สองเท้าของร้อยเอกหยุดชะงัก หูของเขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหว สายตาคมกล้ากลอกเหลือบมองไปด้านหลังแล้วรีบยกปืนขึ้นหันกลับไป นิ้วมือเตรียมพร้อมจะลั่นไกทันที!
“นี่เธอ...” ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าได้เห็นหญิงสาวปริศนาว่ายน้ำอยู่ในลำธารเสียอีก เพราะตอนนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยปืนสั้นขนาดพกพาในมือ เธอเล็งมาที่เขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ แววตาดุดันเหมือนเสือร้าย
“ดุชิบ...” เขาเอ่ยพึมพำพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าเป็น ‘เธอ’ ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างดั่งประติมากรรมในตอนที่ว่ายเล่นอยู่ในน้ำ และเมื่อได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งสะกดให้เขาไม่อาจละวางสายตา
เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวแต่ไม่ขาวจัด ดวงหวานละมุนแต่คิ้วเข้ม ตาดุ ริมฝีปากบางเฉียบได้รูป จมูกโด่ง ผมยาวดำขลับล้อมอยู่รอบดวงหน้ารูปไข่
“แอบดูฉันเล่นน้ำแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“ใครแอบดูคุณ...ผมอยู่อารักขาต่างหาก คุณน่าจะขอบใจผมด้วยซ้ำ”
“อารักขาหัวตัวเองให้รอดเถอะ” เธอแสยะยิ้ม
“เมื่อกี้ยังเป็นมัจฉาน้อย ตอนนี้เป็นแม่เสือซะแล้ว” ชายหนุ่มบ่นพำพำ ยกมือยอมศิโรราบ แต่สายก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจ ในหัวของเขาลบภาพเปลือยเปล่าในแอ่งน้ำนั้นออกไปไม่ได้เลย
“ทุเรศสิ้นดี...เป็นทหารดูแลประชาชน กลับทำตัวถ่อยสถุลมาแอบมองผู้หญิงอาบน้ำ” เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด แต่มือที่ถือปืนนั้นนิ่งไม่กระดิก บ่งบอกถึงความชำนาญไม่ใช่น้อย
“นี่คุณ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะดู แต่มันเห็นเอง ผมไปฉี่เข้าใจไหม แล้วนี่มันกลางป่ากลางเขาทำไมคุณไม่ระวังตัวบ้าง เกิดเป็นพวกกลุ่มค้ายา หรือพวกตัดไม้เถื่อน หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่ผมผ่านมาเห็น คุณไม่ได้มายืนเอาปืนจ่อหัวเหมือนที่ทำกับผมแบบนี้แน่”
“ฉันอยู่ที่นี่มาหลายปี ไม่เคยมีใครทุเรศทุรังเหมือนนายเลย นิสัยไม่ดีแล้วยังปากเสียอีก”
“นี่เธอ...อย่าขยับนะ ข้างหลังมีงู”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย ฉันไม่ยอมปล่อยนายไปง่ายๆ แน่วันนี้”
“ไม่ได้เปลี่ยน...อย่าขยับ!” เขาตะโกนหน้าตื่นแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ เธอยังคงเล็งปืนมาที่เขาแล้วก้าวเท้าไปด้านข้างหวังดึงเถาวัลย์มามัดตัวชายหนุ่ม
สุริเยนทร์อาศัยจังหวะเพียงเสี้ยววิที่เธอละสายตาพุ่งตัวเข้าหาตบปืนในมือของเธอจนร่วงลงพื้นแล้วคว้าร่างเล็กมากอดพลิกตลบให้ตัวเองไปยืนอยู่นั้นแทน อันตรายไม่อาจหยุดยั้ง...แต่เขาคือผู้ปกป้องไม่เปลี่ยนแปลง