บทที่ 1 ตอนที่ 1
แดดอ่อนๆ ส่องผ่านใบไม้ที่ปกคลุมหนาทึบ สาดแสงเล็ดลอดลงมากระทบผืนดิน แมกไม้ใบหญ้าและสรรพสิ่งนาๆ ที่อยู่เบื้องล่าง สองเท้าก้าวเดินไปนั่งตรงโขดหินใกล้ลำน้ำ ใช้มือปัดเก็บไรผมที่ประหน้าชื้นเหงื่อจนทำให้เกิดความรำคาญ เธอถลกแขนเสื้อยืดสีขาวรวบไว้เหนือหัวไหล่ ยกเท้าวางลงในน้ำแล้วใช้มือกวักน้ำเย็นจัดตามธรรมชาติขึ้นมาลูบล้างใบหน้า
“ร้อนชะมัด...นี่ขนาดอยู่บนดอยนะ ถ้าอยู่ในเมืองจะขนาดไหน” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางกวักน้ำล้างมือล้างคอไปด้วย หลังจากนั้นจึงรวบผมดำขลับที่ยาวเลยกลางหลังผูกรัดเป็นจุกสูงไว้กลางศีรษะ
เธอเอนหลังใช้สองมือค้ำด้านหลังแล้วปล่อยตัวตามสบายพร้อมกับหลับตาลง สูดดมอากาศบริสุทธิ์เต็มร้อยในป่าใหญ่ ที่นี่ไม่มีมลพิษ ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายอย่างในสังคมภายนอก เป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ แต่มันก็ห่างไกลจากแรงกดดันในการใช้ชีวิตเช่นกัน
หลายต่อหลายคน...ดิ้นรนจะจากไปเพราะอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่สำหรับเธอแล้วข้างนอกนั่นต่างหาก ที่ดึงให้ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจต่ำลง
ตลอดหลายปีที่เลือกมาเป็นหมอประจำการบนดอยซึ่งต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพราะที่นี่ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ กันดาร...และเดียวดาย
หลายคนว่าเธอบ้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนแบกรับสภาพเช่นนี้ได้นานหรอก มันไม่สนุกและเป็นการตัดอนาคตตัวเองทางอ้อม แทนที่จะได้มีความเจริญก้าวหน้า กับต้องมาจมปลักอยู่บนป่าบนเขา ไม่เคยได้ใส่ชุดสวย ไม่เคยได้แต่งหน้า ไม่เคย...ได้มีสังคมอย่างที่ควรจะเป็น แต่เธอก็เลือกมันแล้ว และมีความสุขกับสิ่งรอบตัวเหล่านี้โดยไม่เคยแยแสคำทัดทานเอ่ยห้ามใดๆ ทุกคนควรมีสิทธิ์พิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง
“อาบน้ำเสียหน่อยดีกว่า คันไปทั้งตัวแบบนี้กว่าจะถึงหมู่บ้านได้เป็นผื่นเต็มไปหมดแน่ๆ” ร่างเล็กขยับลุกยืนแล้วบิดตัวผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนี้นอกจากเธอ
แน่นอนว่าธารน้ำที่ไหลยาวตลอดสายมักมีสิ่งมีชีวิตอาศัยเพื่อใช้น้ำในการดำรงชีพ ผู้หญิงตัวคนเดียวย่อมมีอันตรายหากทำอะไรรุ่มร่ามสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เธออยู่ที่นี่มาหลายปี พอจะรู้ทางหนีทีไล่ รู้ว่าตรงไหนปลอดภัย หรือตรงไหนที่ควรหลีกเลี่ยง
แอ่งน้ำแห่งนี้ไม่ใช่ที่โจ่งแจ้ง เพราะเป็นสายน้ำเล็กๆ ที่ไหลแยกมาจากลำธารใหญ่ไหลตามร่องหินมารวมกันอยู่ในสระขนาดไม่ใหญ่มากนัก ความลึกระดับอก น้ำที่ล้นออกจากสระตามธรรมชาติสรรค์สร้างไหลลึกเข้าไปในป่าแล้วสิ้นสุดเพียงระยะสั้นๆ จากการซึมลงในดินเรื่อยๆ จนหมดเพราะมีปริมาณน้อย
รอบๆ บริเวณนี้รกชัฏ ต้นไม้น้ำปกคลุมโดยทั่ว คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ หากไม่เคยสำรวจมาก่อน เธอพบสถานที่นี้พร้อมกับแดนสรวงเพื่อนร่วมอุดมการณ์เมื่อหลายปีก่อน ถึงตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ยังคงแวะเวียนมาบ่อยครั้งในยามที่ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นๆ เพื่อรักษาคนป่วย เธอเป็นหมอ...ไม่ว่าเธอจะอยากเป็นหรือไม่ก็ตามเธอก็เป็นแม่พระของคนบนดอย ทุกวันนี้เธอก็รักและทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ปลายเดือนมีนาคมกำลังเข้าสู่เดือนเมษาอากาศร้อนจัด หรีดหริ่งเรไรร้องระงมป่า หากเป็นการใช้ชีวิตปกติทั่วไปก็คงไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ในป่าในดอย อุณหภูมิจะต่ำกว่าภายนอกอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเธอต้องแบกสัมภาระเดินทางไกลหลายกิโลจากหมู่บ้านหนึ่งกับมายังหมู่บ้านที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ ทำให้ร่างกายต้องออกกำลังอย่างหนักกว่าเดิม เหงื่อกาฬไหลซึมไปทั่วร่าง ทั้งร้อนทั้งเหนียวตัวไปหมด
เสื้อยืดเนื้อผ้าดีถูกถอดวางลงบนโขดหินในที่ลับตาคน ตามด้วยบราเซียสีดำสนิท กางเกงยีนตัวเก่ง และชั้นในสีเดียวกับ บรา...
ขาเรียวเล็กขาวนวลค่อยๆ ก้าวเดินลงในน้ำเย็นจัด แต่มันไม่ทำให้เธอรู้สึกสะท้านสักนิด เพราะร่างกายกำลังต้องการความสดชื่นอย่างเต็มที่ ผืนน้ำไสสะอาดมองเห็นถึงพื้นด้านล่างที่ปูไว้ด้วยหินดินทราย เธอย่างเหยียบลงไปถึงใจกลางแล้วกวักน้ำลูบไล้ไปตามเนื้อตัว
น้ำไหลพรมเปียกชื้น ระดับน้ำโอบอุ้มถึงปทุมถันคู่งามที่อวบสะพรั่งชูชัน รูปร่างได้สัดส่วนไม่ผอมไม่เจ้าเนื้อจนเกินไปเพราะต้องออกกำลังบ่อยๆ ทำให้สรีระของเธอดูกระชับงดงามเหมือนประติมากรรมชั้นเอก
เธอเริ่มลอยตัวแหวกว่ายเหมือนปลาน้อยที่ระเริงอยู่ในสระน้ำเย็น ทั้งผ่อนคลาย ทั้งได้ปลดปล่อย
พุ่มอกงามอ้อล้อกับระดับน้ำที่กระเพิ่มไหวเมื่อเธอขยับตัวหงายแล้วใช้สองเท้าตีเพื่อลอยตัว ยอดถันสีชมพูสดเครียดเกร็งอยู่เหนือปานสีอ่อนที่วาดรอบระบายเต้างาม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม สะเอวคอดกิ่วลอยขึ้นเหนือผิวน้ำในบางครั้ง
เนินสาวที่มีม่านไหมดำประปรายปกคลุมขยับแยกเมื่อสองขาแหวกวนอยู่ในนทีธาร...