พวงแก้มของพอวาร้อนฉ่าและแดงจัดราวกับถูกอังด้วยไฟร้อนๆ แม้จะพยายามเตือนตัวเองว่าเขาแค่ต้องการทายาให้เธอเพื่อไถ่โทษที่ทำร้ายร่างกาย แต่กระนั้น... สัมผัสจากมือหยาบกระด้างของเขาก็ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านนิดๆ บังเกิดความวูบโหวงน่าฉงนขึ้นที่ช่องท้อง จนหญิงสาวรู้สึกเกร็ง จนต้องกลั้นหายใจเอาไว้เป็นบางครั้งคราว
“เอ่อ... ผมว่าที่เหลือคุณจัดการเองจะดีกว่า” ผู้กองหนุ่มตัดใจผละออกห่างเรือนร่างน่าปรารถนานั้น เพราะขืนยังสัมผัสแนบชิดเธออยู่อย่างนี้ เขาได้กลายเป็นไอ้โจรปล้นสวาทเธอกลางป่าแน่ ๆ
พอวารีบพยุงกายลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้าเอาเสื้อยืดที่ถอดออกกลับมาสวมใส่ไว้ดังเดิม พยายามเก็บเนื้อเก็บตัวให้มิดชิดพ้นจากสายตาของเขา
“เดี๋ยวผมกลับมา” ว่าเพียงเท่านั้นร่างสูงก็เดินลิ่ว ๆ ออกไปจากเต็นท์หลังใหญ่ ทิ้งให้เธอจัดการกับแผลที่เหลือเอง เพราะเกรงว่าจะอดใจไม่ไหวแตะต้องร่างระหงมากกว่านี้
พอวานั่งนิ่งรอเขา ยี่สิบนาทีต่อมาเขาก็เดินกลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม แต่เรือนผมที่เปียกชื้นของเขาทำให้เธอพอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคงไปอาบน้ำมา
“คุณช่วยพาฉันกลับไปที่ค่ายแพทย์เคลื่อนที่ได้ไหม?” ค่ำมืดอย่างนี้เธอคงไม่กล้าเดินกลับไปคนเดียวแน่ ๆ
“คืนนี้คุณนอนที่นี่ดีกว่า ดึกแล้ว แม้แต่พรานที่ชำนาญทางก็ไม่กล้าเดินฝ่าความมืดกลางป่าในเวลานี้หรอก” สุริเยนทร์ชี้แจงเหตุผล แต่จะเป็นความจริงไหม นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง...
“ก็ได้ค่ะ” คุณหมอสาวว่าง่ายจนเขาอดประหลาดใจไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรที่ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากไปกว่านี้
“เดี๋ยวคุณนอนบนเตียงของผมเลย”
“อ้าว... แล้วคุณล่ะคะ?” พอวาถามอย่างเกรงใจอีกฝ่ายนิดๆ
“ก็บนเตียงไง” หญิงสาวมีสีหน้าตื่นตระหนกกับคำตอบของเขา “นี่คุณ... ก็ทั้งเต็นท์มันมีเตียงอยู่หลังเดียว แล้วจะให้ผมไปนอนไหน”
“งั้นฉันไปนอนที่อื่นก็ได้” ไม่พูดเปล่า คนตัวเล็กยังก้าวผ่านเข้า ตั้งใจจะเดินออกไปจากเต็นท์อย่างปากว่าอีกด้วย และแน่นอนว่าถูกเขาคว้าข้อมือไว้ทันที
“ไม่ได้! คุณต้องนอนที่นี่กับผม” สุริเยนทร์ออกคำสั่งอย่างเคยชิน และนั่นทำให้คนถูกสั่งเอียงคอมองอย่างไม่พอใจนัก “ค่ายนี้มีแต่ผู้ชาย คุณนอนกับผมที่เต็นท์นี้นี่แหละปลอดภัยสุดแล้ว”
“หึ!” หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก ไม่เชื่อถือคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียวว่าอยู่กับเขาจะปลอดภัยจริงอย่างที่เขากล่าวอ้าง
“ผมสาบานด้วยเกียรติเลยว่าจะไม่ล่วงเกินคุณ ถ้าคุณไม่อนุญาต”
“ไม่มีวันที่ฉันจะอนุญาตแน่นอน!” พอวาเถียงกลับทันควัน และชายหนุ่มทำเพียงยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นสัญลักษณ์ว่าเขายอมแพ้ “ว่าแต่สัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรฉัน?”
“สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกิน แค่อาจจะลวนลามทางสายตาเท่านั้น”
“คุณนี่!” พอวาอยากจะหาอะไรปาหัวคนเจ้าเล่ห์นัก!
“ผมล้อเล่นน่ะ รีบๆ ไปนอนเถอะ คุณคงเหนื่อยมากแล้ว” คุณหมอคนสวยทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ยอมเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่คิดจะโต้เถียงอะไรอีก เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าและระบมไปทั้งตัว
คนตัวเล็กพยายามนอนให้ชิดขอบเตียงอีกฟากให้มากที่สุด ขณะที่รับรู้ว่าเจ้าของเตียงนอนตัวจริงกำลังทอดกายลงนอนเคียงข้าง แนบชิดชนิดที่ว่าเนื้อตัวแทบจะบดเบียดกัน
โธ่เอ๋ย... แล้วคืนนี้เธอจะข่มตาหลับได้อย่างไรหนอ?
“อื้อ...!” เสียงหวานครวญหงุดหงิดเพราะถูกแสงแดดแยงเข้าตา ความรู้สึกแรก เธอเจ็บระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงหน้าท้องที่ดูรู้สึกปวดจุกเป็นพิเศษ แค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รวดร้าวทั้งร่าง
ดวงตากะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ความพร่ามัวรอบกายชัดเจนขึ้น ใช้เวลาชั่วอึดใจจึงคุ้นชินกับแสงสว่างยามรุ่งอรุณภายในเต็นท์ แล้วความทรงจำก็ค่อยๆ ไหลวนกลับมา จึงจับใจความได้ว่าเหตุใดเต็นท์ที่เธออาศัยนอนตลอดทั้งคืนจึงได้ดูแปลกตาไป
พอเลื่อนสายตาลงไปมองที่เอว... จุดที่เธอรู้สึกถึงสัมผัสหนักแน่นชวนอึดอัด หญิงสาวก็พบกับท่อนแขนแข็งแรงของใครบางคนเกาะเกี่ยวเอวคอดของเธอเอาไว้
ใครกัน? หัวคิ้วสวยของขมวดมุ่น ก่อนสมองจะประมวลผลสั่งการให้เธอเอี้ยวใบหน้าหันกลับไปมองเจ้าของอ้อมแขนหนักแน่น และเมื่อผมว่าเป็นผู้กองจอมลามก ร่างแบบบางของพอวาก็ดีดลุกขึ้นราวกับติดสปริง
“ว้าย!” ทันทีที่กระโจนออกจากอ้อมแขนของเขาได้ พอวาก็ร่วงตุบลงจากเตียงแคบๆ จนก้นกระแทกพื้น ส่งเสียงโอดครวญเจ็บจุก เจ็บในเจ็บ! เจ็บแล้วเจ็บอีก!
“โอ๊ย!!”
“เฮ้ย! คุณ!” สุริเยนทร์ที่ลืมตาตื่นเมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอีกคน อุทานด้วยน้ำเสียงตกใจพอกัน เพราะพยายามยื่นมือออกไปดึงอีกฝ่ายเอาไว้ แต่ไม่ทันการณ์ ร่างสูงรีบกระโจนลงจากเตียงแล้วตรงดิ่งเข้ามาประคองคนที่นั่งจับกบอยู่ที่พื้นพร้อมไถ่ถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างคุณ?” มือใหญ่รีบช่วยประคองคนเจ็บให้ลุกขึ้นอย่างระวัง ไม่ให้สัมผัสของตนกระทบกระเทือนให้คุณหมอสาวต้องเจ็บตัวอีก
“ตั้งแต่เจอคุณมาฉันมีแต่เรื่องต้องให้เจ็บตัวตลอด” พอวาบ่นกระปอดกระแปดขณะที่ถูกนายทหารพรานหนุ่มประคองให้นั่งลงบนเตียงเช่นเดิม
“แล้วคุณจะกระโดดลงจากเตียงไปทำไมกันล่ะ” เขาโต้กลับไม่ยอมรับอย่างที่เธอได้กล่าวหา
“ก็ใครใช้ให้คุณมากอดฉันเล่า!?” เสียงหวานเถียงกลับอย่างไม่ลดละ ดวงตากลม ๆ ของเธอมองใบหน้าคร้ามคมอย่างกล่าวหา หายใจเร็วกว่าปกติ
“ก็...” สมองของชายหนุ่ม ประมวลผลอย่างเร็วรี่เพื่อหาข้ออ้างที่ตนถือวิสาสะกอดร่างนุ่มนิ่มหอมระรินเอาไว้ทั้งคืน “ก็เตียงมันแคบ ผมกลัวว่าคุณจะกลิ้งตกเตียง เลยกอดคุณเอาไว้ไง”
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย!” พอวาตะเบ็งเสียงบริภาษเหลืออด กับความลื่นจนปลาไหลต้องเรียกพี่ของอีกฝ่าย และเพราะออกเสียงออกกำลังอย่างลืมตัวนั่นเอง จึงทำให้อาการปวดระบมตรงหน้าท้องกำเริบขึ้นมาอีกจนต้องยกมือกุมท้องและงอตัวเอาไว้
“ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือคุณหมอ?” สุริเยนทร์ขยับเข้าชิดแล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หากแต่แพทย์หญิงทำเพียงตวัดสายตาขึ้นมามอง ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ “เดี๋ยวผมไปตามหมออีกคนมาดูอาการคุณดีกว่า”