ตอนที่4

1465 คำ
เสียงนกร้องต้อนรับเช้าวันใหม่กับอากาศที่ชวนน่านอน เมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกลกลับน่าแปลกที่อากาศรู้สึกสนชื่นกว่าที่คิด ผมงัวเงียเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อสูดอากาศข้างนอกยามเช้าที่มักจะทำเป็นประจำ อย่างน้อยก็โอเคล่ะนะ ฝนที่ตกเมื่อช่วงกลางคืนหลังจากพวกผมเล่นไพ่กันเสร็จแล้วแยกย้ายกันนอน ฝนกระหนำตกไม่ขาดสายจนเริ่มใกล้รุ่งนี่แหละ บวกกับที่คฤหาสน์นี้ติดกับป่าทำให้มีหมอกลงตอนเช้า มันไม่ได้ทำให้ร้อนอบอ้าวเหมือนในตัวเมือง “มีบ้านอยู่ใกล้ป่ามันดีแบบนี้นี่เอง” ไม่ทันที่ผมจะสูดกลิ่นธรรมชาติเต็มปอดผมสังเกตเห็นลูแอลเดินเตร่อยู่ในป่า แต่ตอนนี้หมอกลงนะ ชักไม่ดีแล้วสิ ผมรีบหยิบเสื้อกันหนาวแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่าง ผมวิ่งจนมาถึงจุดที่คิดว่าเห็นลูแอลผมชะเง้อมองหาเจ้าตัวแต่กลับได้ยินเสียงแปลก ๆ เหมือนมีใครร้องเลย ผมเดินตามเสียงนั่นไปแต่มีใครบางคนกระชากผมออกห่างจากป่า “ทำอะไร” ลูแอลจับแขนผมแน่น “ผมเห็นคุณเดินเข้าไป...” “ฉันก็ยืนอยู่นี่ไงนายนั่นแหละที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน เข้าไปแล้วเกิดหลงขึ้นมาจะทำไง” ผมรู้สึกผิดทันที “ขอโทษครับ” ลูแอลปล่อยแขนผมก่อนเผยิดหน้าไปทางคฤหาสน์ “เข้าข้างในเถอะข้างนอกถึงจะเช้าแล้วแต่อากาศยังเย็นอยู่” ผมเดินตามเขาไปด้านในยังอดสงสัยไม่ได้ก็เมื่อกี้ยังเห็น ๆ อยู่ว่าเขากำลังเดินเข้าไปในป่า แล้วไหนถึงมาอยู่ด้านหลังผมล่ะ “เสียงดังเอะแต่เช้าเกิดอะไรขึ้น” ทีเรียน่ายืนมองผมกับลูแอลที่เดินเข้ามา “ไมเคิลเกือบเดินเข้าไปในป่าน่ะสิ” ไม่วายว่าจบเหล่หันมองผมด้วยหางตา “ก็ขอโทษแล้วไง” “ทำไมชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อยกลัวไม่มีใครสนใจหรือไง” ทีเรียน่าเท้าสะเอวมองผมคาดคั้น ชักเหลืออดแล้วนะ! “แล้วมันไปหนักบนส่วนไหนของเธอถึงชอบด่าฉันนัก แน่จริงอย่าเก่งแค่กับฉันสิ” “น...” “หนวกหูจริงเลยอย่าทะเลาะกันแต่เช้าได้ไหม” ฟาคัล...แทบเรียกได้ว่ากระชากประตู ก้าวออกมาจากห้อง สภาพเพิ่งตื่นนอนไม่ผิดแน่ผมยุ่งขนาดนี้ “นี่ก็อีกคนพอไมเคิลทำอะไรผิดนิดหน่อยก็แวดใส่มันท่าเดียว บ้าหรือเปล่าเนี่ย” ทีเรียน่าทำท่าจะว่าฟาคัลกลับลูแอลก็พูดดักซะก่อน “นายเองก็ตื่นได้แล้วลงมาช่วยฉันเตรียมอาหารเช้าเร็ว” “ครับ ๆ ขอเวลาแต่งตัวแปปนะ” ตอนนี้เกือบเก้าโมงแล้วหลังทุกคนกินอาหารเช้าเสร็จเอร่อนก็เริ่มอีกป่วนอีกแล้ว “ฉันอยากลงไปห้องใต้ดินว่ะ” แน่นอนว่าเจ้าตัวพูดตอนที่ลูแอลไม่อยู่ “เมื่อวานไม่เข็ดหรือไง” “มันไม่ใช่พ่อฉันนะเรามาเที่ยวพักผ่อนนะเว้ยผ่อนคลายหน่อยสิ มีอีกหลายที่ในห้องใต้ดินที่ฉันยังไม่ได้เข้าไปสำรวจเลย มันคาใจนี่นา” “แล้วถ้านายกับลูแอลทะเลาะอีกล่ะ พวกฉันไม่ช่วยแล้วนะ” “เออน่ะ” เอร่อนหันมองผม ‘เอาแล้ว’ “อย่าหวังซะให้ยาก” “นายไม่คิดจะช่วยพี่ชายอย่างฉันหน่อยเหรอ” “พี่ชายที่ไม่เคยคิดจะช่วยฉันแถมยังโยนขี้มาให้เนี่ยนะ” เอร่อนลุกพรวด “รู้ไหมบางทีฉันก็คิดผิดที่พานายมาด้วย” ว่าจบก็ลากแฟนสาวออกไปด้วย “ฉันกลับไปนอนต่อละกัน” แอนออกไปมั่ง “ฉันด้วย เจ้าลูแอลดันให้ฉันลงมาช่วยทำอาหารเช้าเลยนอนไม่พอเลย” ฟาคัลเดินออกไปพร้อมแอน ตอนนี้ในห้องครัวเลยเหลือแค่ผมกับบิล เรานั่งเล่นเกมมือถือกันพักใหญ่ก่อนบิลจะขอตัวขึ้นไปนอนต่อเหมือนกัน ผมเลยขึ้นข้างบนมั่งแต่ไม่ได้เข้าห้องผมเอง ผมหันไปเห็นประตูห้องลูแอลเปิดอยู่ ผมเดินไปดูแล้วเห็นเขาเอาแต่นอนจ้องภาพแขวนที่ผมกับเขาพูดถึงอยู่ ผมมองเขาสลับกับภาพ เขานอนนิ่งมากเหมือนกับว่า...ตายแล้วอย่างนั้นแหละจนเขาเบนสายตามองผม “มีอะไร” “เอ่อ...ผมเห็นประตูห้องเปิดอยู่นึกว่าคุณ...” “ไม่มีอะไรหรอกฉันเป็นของฉันแบบนี้อยู่แล้ว” “โอเค งั้นผมไปนะฮะ” “อืม” ‘พิลึกคน’ “อึก ๆ ๆ” ผมลืมตาโพลงเพราะสะดุ้งเสียงร้องแปลกประหลาดที่ไม่คุ้น ผมเด้งตัวขึ้นแล้วรีบหามือถือพอเปิดเครื่อง ‘ไม่มีสัญญาณ’ เยี่ยมเลยเอาไงดี...ผมค่อย ๆ ออกจากห้องเดินไปตามทางเดินให้เงียบที่สุด ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่เสียงร้องก็ยิ่งดังขึ้น ผมหมุนลูกบิดประตูห้องของแอน ข้างในห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลย ผมรีบไปดูห้องคนอื่นแต่ก็เหมือนกันไม่มีใครอยู่สักคน “ไมเคิล” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูผมรีบหันขวับ... “ไมเคิล ไมเคิลตื่นสิ เฮ้...ไม่เป็นไรพวกนี่ฉันเอง” ผมลืมตามองรอบห้องก่อนมองคนที่มาปลุกผม “บิล” “เกิดไรขึ้นฝันร้ายเหรอ นายร้องดังมาก” ผมลุกขึ้นนั่งเอาหลังมือเช็ดเหงื่อตามใบหน้า “ฉัน...นี่กี่โมงแล้ว” “เกือบบ่ายแล้ว นายไหวนะ” บิลนั่งลงข้าง ๆ “ไหว...แค่...ขอพักหายใจหน่อย” นี่เป็นครั้งแรกที่ฝันร้ายแถมเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวด้วย คงต้องหาอะไรดูก่อนนอนกันฝันร้ายอีกระลอกดีกว่า ผมจะหันไปถามเรื่องที่บิลเข้ามาว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าดันเห็นสีหน้าหม่น ๆ ของเขาพอดี “มีอะไรเหรอ” “เอร่อนน่ะสิ” “ทำไม” “เขาให้ฉันไปเรียกคุณลูแอลให้ลงไปที่ชั้นใต้ดินน่ะ ฉันก็ไปเรียก...แต่บอกเจ้าตัวแล้วว่าเอร่อนเป็นคนให้ฉันเรียกเขาลงไปข้างล่าง คุณลูแอลไม่ได้ว่าอะไรเขายอมเดินลงไป พี่นายแอบอยู่หลังประตูห้องใต้ดิน พอคุณลูแอลเดินไปถึงกำลังจะเดินลงไปเอร่อนก็ผลักเขาตกลงไป” “ว่าไงนะ! แล้วคุณลูแอล...” “ขาหักแล้วก็หมดสติไปเลยน่ะสิ คุณแอนกับฟาคัลช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ฉันกำลังจะติดต่อกู้ภัยแต่เอร่อนห้ามไว้แล้วขู่ว่าถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปพูดเขาจะฆ่าทิ้งให้หมด” “อะไรทำให้เขาคิดเรื่องบ้าแบบนี้” “นายก็เห็นนี่ว่าเอร่อนกับคุณลูแอลถูกกันซะที่ไหน ถึงเอร่อนจะฟังคำพูดของคุณลูแอลก็เถอะ นายรู้นิสัยเอร่อนดี พอใครทำท่าทางใหญ่กว่าก็เล่นไม้นี้” “ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นใช่ไหม” บิลส่ายหน้า “นายเป็นบ้าอะไรวะเพียงแค่เพราะมันดูถูกแฟนนายหรือไง!” ผมกับบิลลงไปเห็นฟาคัลชกเข้าที่หน้าของเอร่อน “ใครใช้ให้มันพูดอย่างนั้นกับแฟนฉัน” “นายใช้ส่วนนั้นของนายเป็นสมองไว้คิดหรือไง เพื่อนส่วนเพื่อน แฟนส่วนแฟน แยกแยะไม่เป็นเหรอ” “แจ้งเจ้าหน้าที่เถอะเขาไม่รอดแน่ถ้าไม่รับการรักษาที่ถูกต้อง” “ฉันบอกว่าไงใครก็ตามที่แจ้งเจ้าหน้าที่ฉันไม่ปล่อยไว้แน่” “ตลกตายเอร่อน เขาหมดสตินานมากแล้วนะ ขืนปล่อยไว้เกิดสมองเขากระทบกระเทือนล่ะ ลูแอลอาจตายได้นะ” “เราก็บอกไปสิว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” “ไม่เป็นแน่ถ้าเราไม่โทรแจ้ง” ผมเข้าร่วมวงด้วย “ไม่มีใครขอให้นายสอดไมเคิล” “ไม่อยากหรอกแต่เชื่อเถอะถ้านายไม่แจ้งเจ้าหน้าที่แล้วปล่อยให้เรื่องเลยเถิด ต่อให้บอกเจ้าหน้าที่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุคิดว่าพวกเขาจะเชื่อเหรอ” เอร่อนถึงกับเงียบทำไมถึงไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้นะ ทีเรียน่าก็ช่วยปลอบอีกแรง “พวกเขาพูดถูกยอม ๆ ไปก่อนเถอะ” สุดท้ายเอร่อนก็ยอม ฟาคัลเลยให้บิลโทรหาเจ้าหน้าที่อีกรอบแต่... “เมื่อคืนฝนตกหนักมากทำให้น้ำป่าไหลหลากท่วมถนน แถมต้นไม้ยังล่มระเนระนาดด้วย ต้องรอจนกว่าพวกเขาจะเคลียร์เส้นทางได้” “เวรเอ้ย! ช่วยไม่ได้ช่วงนี้ผลัดกันดูแลลูแอลก็แล้วกัน พยายามทำให้อาการเขาคงที่ไว้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม