ตอนที่3

1731 คำ
“สาบานได้ทริปเที่ยวนี้จบฉันขอเลิกไปไหนมาไหนกับพี่นายตลอดกาล” บิลบ่นฮึดฮัดพร้อมเตะหญ้าตรงสวนด้านหลังของคฤหาสน์ อาฮะ...ผมสองคนโดนไล่ให้ออกมาเฝ้าด้านนอกเผื่อเจ้าของคนนั้นแกล้งหลอกว่าไปทำธุระที่ทำงานในเมือง แต่แอบซุ่มมองพวกเราว่าพวกเราจะทำอะไรกับที่นี่ “นี่มันก็เกือบสองชั่วโมงแล้วนะ ถ้าเจ้าของเขาแอบจริงคงออกมาแล้วล่ะ” ผมนั่งมองท้องฟ้าบนเก้าอี้ตัวยาว “ก็จริงนะ สองชั่วโมงใครจะไปทนไหว” บิลนั่งกระแทกก้นลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ผมนั่ง “เราเองยังทนไม่ไหวเลย ให้ออกมาอยู่ข้างนอกแบบเนี่ย ยังดีที่อากาศพอเย็นไม่งั้นจ้างให้ก็ไม่เล่นด้วยหรอก” ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแก้เบื่อ ไม่รู้ว่าป่านนี้ด้านในสำรวจบ้าบอคอแตกเสร็จหรือยัง จะเข้าไปก็ขี้เกียจฟังเอร่อนบ่น อยู่ข้างนอกก็ดีจะได้เงียบหน่อย ถึงจะอย่างนั้นความสุขก็มลายหายไปเมื่อประตูหน้าเปิดออก คิดว่าคงสำรวจเสร็จแล้วผมหันไปมองคนที่เดินออกมา “คุณลูแอล” ผมถึงกับงงว่าทำไมลูแอลถึงออกมาข้างนอก มาตามพวกผมเหรอ...ไม่มั้ง เขาเป็นคนเงียบแต่ใช่ว่าจะฟังคำสั่งใครโดนเฉพาะกับเอร่อนด้วยแล้ว เมื่อเช้ายังแทบจะตีกันอยู่เลย “นั่งด้วยได้ไหม” “ห้ะ...ออ...อ้อ ได้ ๆ” ผมเขยิบชิดบิลที่มองลูแอลตาไม่กระพริบ ลูแอลเดินมานั่งข้างผมเงียบ ๆ ก่อนตัวเขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกับบิลมองหน้ากัน บิลยักไหล่ ผมก็...เออชั่งมัน “ดูคุณเบื่อ ๆ นะฮะ” บิลทำลายความเงียบคนแรก หลังจากเขามาทุกอย่างก็เงียบถึงสิบนาที สิบนาทีแบบอึดอัดด้วย ต้องมีคนเปิดประเด็นมั่งแหละ “ฉันเบื่อคนปากปีจอ” ‘ครับผม...ขอบคุณที่อุตส่าห์พูดตรง ๆ นะ’ “เรื่องใหญ่หรือครับ” “ก็ไม่” เขาตอบแค่นั้น ผมก็เลยมองหน้าเขานิ่งจนลูแอลวางมือถือแล้วถอนหายใจ “แล้ว” “ก็ไม่” ผมยิ้มนิด ๆ “อย่างน้อยพวกนายก็พูดน้อยดี” ว่าจบเขาก็เล่นมือถือเขาต่อ ผมมองบิลที่ยิ้มน้อย ๆ ผมเอนตัวพิงผนักเก้าอี้ “ไหนบอกว่าจะเล่นเกมด้วยกันไง ไหนถึงไปนั่งข้างนอกแล้วปล่อยให้พวกเราทำงานงก ๆ เห็นแก่ตัวไปมั่งลูแอล” หลังผ่านไปเกือบสามชั่วโมงพวกเอร่อนก็สำรวจห้องที่เหลือที่เจ้าของห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไป ดูเหมือนตอนที่พวกเขากำลังสำรวจกัน พวกเขาจะทะเลาะกันจนลูแอลรำคาญ เจ้าตัวเลยออกไปข้างนอก ยิ่งเขาเป็นเงียบ ๆ ด้วยแล้ว เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยมีใครคอยสังเกต แต่ถึงขนาดต้องว่ากันขนาดนี้เลยเหรอ “ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว” “ลู” ฟาคัลสะกิดแขนเพื่อนรัก “ฉัน...ฉันเหรอเห็นแก่ตัว” เอร่อนมองหน้าแต่ละคน “ใครว่าฉันเห็นแก่ตัวมั่ง มีไหม!” ทุกคนเงียบมีก็แต่นังตัวดีทีเรียน่าที่ชอบตามน้ำเอร่อนเสมอ “นั่นสิใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว นายชอบทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีใครอยากคบด้วย บุญแค่ไหนแล้วที่เรายอมเป็นเพื่อนกับนาย” “ฮึแล้ว...ใครกันนะที่พูดเองเออเองแต่แรกว่าให้มาที่นี่ หรือไปที่ไหนก็ ใครกันแน่ที่กำหนดชัดเจน พอเพื่อนคนไหนไม่ไปด้วยก็เอาเรื่องฉาวของคน ๆ นั้นไปป่าวประกาศทั่ว ทำตัวเป็นผู้นำทั้งที่ตัวเองก็เป็นได้ไอหน้าด้านที่ชอบแอบใต้กระโปรงผู้หญิง” ลูแอลแทบจะมองทะลุเอร่อน “หมาที่ได้แต่เห่า ไม่กล้ากัดชาวบ้าน เป็นได้แค่ไอขี้ขลาดเท่านั้นแหละ” “โอเคพอได้แล้ว” แอนนาเดินมาคั่นระหว่างทั้งคู่ “ทนฟังไม่ได้ จะทะเลาะอะไรกันนักหนาทำตัวเป็นเด็กกันไปได้ คนหนึ่งก็ตัวทำกร่างไปทั่ว คนหนึ่งก็ปากจัด ถ้าขี้เกียจจะมองหน้ากันก็ต่างคนต่างแยกย้ายจบไหม” “เธอพูดถูกแอนนา ฉันจะเข้าห้องฉันแล้ว...ถ้าต้องการอะไรก็ไปหาฉันที่ห้องแล้วกัน” ไม่พูดเปล่าลูแอลเดินขึ้นไปจริง ๆ ‘การมาที่นี่เป็นนรกดี ๆ นี่เอง’ “ลูแอล!” เอร่อนตะโกนไล่หลัง แต่มีหรือที่ลูแอลผู้หยิ่งผยองคนนั้นจะหันกลับมามองเมื่อพูดแล้ว เขาไม่เคยคืนคำ ไม่เหมือนใครบางคน “ไอ้...” “เอร่อนพอได้แล้วน่า” ผมห้ามเจ้าพี่ชายตัวแสบ “นายก็เอากับมันด้วยเหรอ ออใช่สิเพราะฉันแย่งแฟนนายมาใช่ไหม พอใครต่อต้านฉันนายก็เข้าร่วมกับพวกมันแล้วหันมาแทงฉันล่ะสิ” “นี่ฟังให้ดีนะ...ฉันไม่สนว่านายกับลูแอลหรือกับใครก็ตาม เชิญทะเลาะกันตามสบาย แต่อย่ามาพาลใส่เพราะตัวเองทะเลาะกับใครไม่ชนะ มองโลกความเป็นจริงบ้างว่านายไม่ได้ใหญ่หรือวิเศษวิโสมาจากไหน ฉันพูดผิดหรือเปล่า” “งั้นเชิญนายกลับขึ้นห้องไปเลย...” “ได้” เรื่องอะไรจะอยู่เป็นเครื่องระบายอารมณ์ของคนไม่มีเหตุผลแบบนาย ฝันไปเถอะ “มาเหอะบิล เราไปเล่นเกมของเราดีกว่ามันส์กว่าแบบนี้ตั้งเยอะ” “เฮ้นี่เย็นแล้วนะ ลงล่างกันฉันหิวแล้ว” ผมละสายตาจากมือถือ จริงด้วยเย็นมากแล้ว ผมเด้งตัวลุกขึ้นก่อนไปตามคำชวนของบิลแต่ไม่ทันจะลุกไปไหนเสียงเคาะประตูก็ดังซะก่อน ผมรีบลุกไปเปิด “พี่แอนนา” “ลงไปกินข้าวกันกัน ฟาคัลเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว” “ฮะ แล้ว...” “พี่นายกับนังนั่น ถ้าพวกเขารู้ว่าต้องทำยังไง เดี๋ยวก็มากันเองแหละ” ผมเรียกบิลให้ไปด้วยกันแล้วเดินตามแอนนาไปที่ห้องครัว “ห้องครัวจริงเหรอ ผมนึกว่าห้องโถงโรงแรมมากกว่า” โครตเจ๋ง! ห้องครัวที่ไม่เหมือนห้องครัว ต้องรวยขนาดไหนถึงทำห้องครัวให้เหมือนห้องโถงโรงแรมได้ เพียงแค่ย่อส่วนลงมาให้เหลือแค่ขนาดห้องครัวก็เท่านั้นเอง “เจ้าของคนก่อนรวยแค่ไหนเนี่ย” ผมแหงนเพดานที่ประดับไปด้วยรูปภาพวิจิตรงดงาม ผนังรอบห้องสีทองแท้กลมกลืนไปกับเนื้อไม้เนื้อดี “คุณลูแอลล่ะฮะ” “เธอไม่ได้ไปตามมันมาเหรอ” “ตอนขึ้นไปหาเจ้าพวกนี้ก็เคาะประตูเรียกเขาแล้วนะ” แอนหันมามองผม “นายช่วยไปตามเขาลงมาหน่อยได้ไหม” ผมพยักหน้าก่อนรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน ถ้าจำไม่ผิดอยู่ริมเลยสินะ ผมเดินไปเคาะประตูห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับออกมา ผมกำลังจะเคาะอีกครั้งถึงกับสะดุ้ง จู่ ๆ ประตูก็เปิด คนตรงหน้าเนื้อตัวและผมเปียกไปหมด และ...ยังดีที่เขาใส่กางเกงแล้ว... “ขอโทษครับไม่นึกว่า...” “เข้ามารอด้านในก่อน ขอฉันแต่งตัวแปป” ผมพยักหน้างง ๆ ‘ให้เข้าห้องเนี่ยนะ ไม่เข้าใจพี่แกจริง ๆ’ แต่ว่านี่ห้องนอนเขาเหรอดูหรูกว่าห้องผมอีกนะ ผมหมุนรอบตัวเองจนไปชนกับลูแอลที่ยืนถือหวีผมกำลังมองรูปภาพบนผนังห้อง “โทษฮะ คุณดูใจจดใจจ่อกับภาพนี้จัง” “มันให้ความรู้สึกสงบดี สมัยนี้ที่อะไร ๆ ก็เทคโนโลยีแม้แต่ภาพวาดก็ยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย อาชีพนักวาดภาพอิสระเริ่มน้อยขึ้นทุกที ภาพวาดจากจิตกรดัง ๆ ถูกขายในตลาดมืดทั้งของแท้และไม่ หลังเจ้าของกลับมาฉันว่าจะถามเขาว่าขอซื้อภาพได้ไหม” ภาพที่เราดูกันอยู่เป็นภาพที่เป็นป่าทึบมีแต่ต้นไม้เรียงราย ภาพเป็นขาวดำมีเพียงแสงสีขาวสาดส่องที่ทำให้เห็นว่านี่คืออะไร “รีบไปกันดีกว่าเดี๋ยวพี่แอนนาจะโมโหขึ้นมา” โชคดีที่อาหารค่ำไม่ได้มีเรื่องคอขาดบาดตาย ก็หลังจากที่ผมกับลูแอลกำลังเดินไปห้องครัวเผอิญเจอเอร่อนกับทีเรียน่าพอดี เอร่อนขอโทษลูแอลที่พูดไม่ดีใส่ ทีเรียน่าแสดงท่าทีโจ่งแจ้งว่าหล่อนไม่ได้ทำไรผิด เพราะงั้นขอโทษไม่จำเป็น ลูแอลเองก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกแค่ว่าเรื่องแล้วก็แล้วไปแต่อย่าก่อเรื่องอีกเป็นอันพอ ดูเป็นผู้ใหญ่จังแหะ “กินกันเสร็จแล้วหวังว่าทุกคนจะกลับเข้าห้องกันนะ และอย่าทะเลาะกันอีกล่ะ” “เฮ้ไหน ๆ เราก็คืนดีกันแล้วฉันเจอนี้ในห้องนั่งเล่นตรงตู้ยาว” ฟาคัลหยิบไพ่สำรับหนึ่งวางบนโต๊ะ “คลายเครียดกันหน่อยพวกก่อนเจ้าบ้านจะกลับมา” “ก็ดีเหมือนกัน” เอร่อนพูดสบาย ๆ พลางเล่นปอยผมแฟนสาว “นายล่ะ” คนที่โดนถามคือลูแอลที่นั่งดูอะไรสักอย่างในมือถือเงยหน้ามองแต่ละคน และทำสิ่งที่เจ้าตัวชอบทำคือถอนหายใจ “เล่นก็เล่น” ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เกิดกลาหนวุ่นวายยกใหญ่ไปหมดไหนงานที่สั่งสมมากขึ้น ไหนจะนายท่านลูซิเฟอร์ที่อยู่ ๆ ก็ส่งของมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีก ทำไมชีวิตถึงได้บัดซบเช่นนี้ นึกอุตส่าห์ดีใจที่จะได้หยุดยาวแต่ไหงเป็นอีหร่อมเดิมอีกเนี่ย! “เฮ้อ ทำไมงานมันถึงได้เยอะขึ้นทุกวัน ๆ น่า” ว่าจบมันก็หยิบกระดาษขึ้นมาจากกองหนึ่งขีดเขียนหยัก ๆ ก่อนวางไปที่อีกกองหนึ่ง “พี่เวร แล้งไหงบอกว่างานใกล้เสร็จ ใกล้เสร็จยังไงให้งานมาเยอะขึ้นวะ” ทำปากเบ้ “ชิ! หวังว่าพวกนั้นจะไม่พังคฤหาสน์ก่อนนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม