“น---นี่ นี่มัน...”
เถ้าแก่อ้วนพึมพำเสียงสั่นคล้ายยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เขาลูบคลำสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้นอย่างเลอะเลือน ท่าทางคล้ายจะลืมไปเสียแล้วว่าสมุนไพรเหล่านี้เป็นของเด็กน้อยตรงหน้าหาใช่ของตนไม่ ชายชรารีบร้องเรียกบ่าวในร้านให้มาจัดเก็บสมุนไพรเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จนเด็กชายต้องรีบขัดขึ้นว่า
“เถ้าแก่! ท่านยังไม่ได้จ่ายเงินให้แก่ข้าแล้วจะเอาสมุนไพรไปเก็บได้อย่างไร?”
“เพ้ย! ที่นี่เป็นร้านของข้า เจ้ามีสิทธิ์มาว่าข้างั้นรึ?”
เถ้าแก่ตวาดลั่น เขาไม่สนใจว่าเด็กน้อยจะเรียกร้องอะไร นี่เป็นร้านยาของเขา เขาจะทำอะไรก็ย่อมได้ ยิ่งไปกว่านั้นร้านยาแห่งนี้ยังมีอิทธิพลยิ่งแม้แต่เจ้าเมืองก็ไม่กล้าว่ากล่าว แล้วนับประสาอะไรกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง
ทว่าชายชราคงคิดไปไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่ดูไร้พิษสงผู้นี้จะเตรียมวิธีรับมือเอาไว้ก่อนแล้ว
“ต---แต่สมุนไพรเหล่านั้น เป็น...เป็นผู้อื่นฝากข้ามาขายนะขอรับ ถ---ถ้าข้าไม่ได้เงินกลับไป ผู้อาวุโสจะต้องโกรธมากแน่ๆ เถ้าแก่ ท่านคงไม่อยากให้ข้าตกตายใช่หรือไม่?”
หมิงชูแสร้งสะอึกสะอื้นตัวโยน น้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ใบหน้าเล็กๆ บิดเบี้ยวด้วยอารมณ์ที่สับสน น้ำตาเอ่อล้นเบ้าตาและหยาดหยดลงข้างแก้ม ไหลรินราวกับน้ำตก กลายเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
“เรื่องของเจ้า ไสหัวออกไปจากร้านของข้าซะ!”
แต่ภาพเด็กน้อยน่าสงสารนั่นก็ไม่สามารถสั่นสะเทือนหัวใจของเถ้าแก่ได้เลยแม้แต่องคุลีเดียว
‘ตาเฒ่าใจดำ!’
เด็กน้อยก่นด่าเถ้าแก่อ้วนในใจ แต่ก็ยังแสดงละครต่อไปอย่างแนบเนียน เขาบีบน้ำตาออกมาอีกหยดหนึ่ง สะอึกสะอื้นชี้หน้าเถ้าแก่อย่างไม่เกรงกลัว
“ฮึก! ก็ได้ ข้าจะไปบอกผู้อาวุโสว่าท่านขโมยของผู้อาวุโส ทีนี้พอผู้อาวุโสออกจากการฝึกตน ผู้อาวุโสจะได้มาคิดบัญชีกับพวกท่าน!”
กล่าวแล้วเด็กชายก็สะอื้นหนักขึ้น หันหลังวิ่งออกจากร้านไป ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่วิ่งไปฟ้องบิดาเพราะถูกกลั่นแกล้ง ผิดกันเพียงว่ามุมปากของเด็กชายกำลังยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
เบื้องหลังของเด็กชายคือภาพของชายชราร่างอ้วนที่กำลังยืนนิ่ง ร่างกายแข็งค้างราวกับหินสลัก เหงื่อเย็นหลั่งเต็มแผ่นหลัง เถ้าแก่ร้านขายโอสถรู้สึกตงิดใจในคำพูดของเด็กชายเป็นยิ่งนัก ทีแรกเขาไม่ได้นึกเอะใจอะไรกับคำว่า “ผู้อาวุโส” ที่เด็กน้อยพูดออกมา แต่คำว่า “การฝึกตน” นั้นหาใช่คำที่จะฟังผ่านหูไปได้โดยง่าย
‘ไม่แน่ว่าบางที…บางทีเด็กนี่อาจถูกจอมยุทธ์ท่านใดใช้ให้มาทำธุระแทนตนก็เป็นได้’
ยิ่งคิดใบหน้าของชายชราก็ยิ่งซีดเผือด แม้เส้นสายอิทธิพลในเมืองหลงซานของเขาจะกว้างขวางเพียงใด ก็ไม่อาจดูแคลนอารมณ์ร้ายของผู้ฝึกยุทธ์ได้ คนพวกนั้นไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง พวกเขายึดถือเพียงกฎง่ายๆ ที่ว่าผู้ใดแข็งแกร่งผู้นั้นถูกต้อง หากเขาล่วงเกินจอมยุทธ์ด้อยฝีมือย่อมไม่เป็นปัญหาใดๆ เพราะบ่าวคุ้มภัยที่เขาจ้างมาแต่ละคนก็ล้วนมีฝีมือด้วยกันทั้งนั้น แต่เด็กน้อยนั่นเรียกขานคนผู้นั้นว่า “ผู้อาวุโส” อีกทั้งสมุนไพรที่นำมาก็มิใช่ชั่ว มูลค่าของมันรวมแล้วคงไม่ต่ำกว่าร้อยเหรียญเงิน แล้วคนประเภทใดกันที่จะยอมให้เด็กน้อยผู้หนึ่งดูแลของล้ำค่าถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่คนบ้าก็ย่อมต้องเป็นผู้ที่สูงส่งจนไม่เห็นเงินจำนวนเท่านี้อยู่ในสายตา น่ากลัวว่าคนผู้นั้นอาจจะเป็นจอมยุทธ์เร้นกายที่ไม่อาจล่วงเกินได้
“พวกเจ้ารีบไปตามเด็กนั่นกลับมาเร็ว!”
ทันทีที่คิดได้เถ้าแก่ร้านขายโอสถก็รีบสั่งการอย่างลนลาน ที่คิดจะยึดสมุนไพรทั้งหมดมาเป็นของตัวพลันมลายหายไปจนสิ้น ฝ่ายบ่าวไพร่พอได้ยินเช่นนั้นก็ทราบดีว่าเงาหัวกำลังจะหาย พวกเขารีบกรูกันออกไปตามตัวเจ้าเด็กน้อยผู้นั้นกลับมา
ทางด้านหมิงชู พอวิ่งออกจากร้านยามาแล้วเขาก็ชะลอฝีเท้าลง สองมือน้อยๆ ยกขึ้นขยี้ตาราวเด็กขี้แยผู้หนึ่ง เด็กชายเดินไปไม่นานก็มีบ่าวจากร้านขายโอสถมาตามตัวกลับไป ใบหน้าของแต่ละคนนั้นซีดขาวราวกับหวาดกลัวบางสิ่ง มองเพียงปราดเดียวเด็กชายก็ทราบได้ทันทีว่าคนในร้านขายโอสถคงจะหลงเชื่อในการแสดงของตนอย่างไร้ข้อกังขาแล้วเป็นแน่
หมิงชูลอบยิ้มในใจ เขาแสดงละครมาแต่เล็ก มีหรือที่จะทำได้ไม่แนบเนียน?
ตั้งแต่อายุได้สามขวบเทียนหมิงชูก็ตระหนักว่าตนเองนั้นแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ ในขณะที่เด็กคนอื่นเอาแต่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ หมิงชูกลับเรียนรู้ที่จะใช้เหตุผล ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจดจำคำศัพท์มากมายในชีวิตประจำวัน หมิงชูกลับพบว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลย เช่นเดียวกันกับตัวอักษรที่พอเห็นเพียงครั้งเดียวเด็กชายก็จดจำได้ขึ้นใจ หมิงชูยังจำได้ดีว่าเขาตกใจแค่ไหนเมื่อรู้ตัวว่าสามารถจดจำเนื้อหาของหนังสือทั้งเล่มที่ลองเปิดดูแบบผ่านๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อครั้งที่บิดาพาไปสถานศึกษาประจำหมู่บ้าน
ในครานั้นแม้เขาจะยังมีอายุน้อยแต่ด้วยความคิดที่โตกว่าเด็กในวัยเดียวกันทำให้เทียนหมิงชูตัดสินใจว่าจะปกปิด “ความแปลกประหลาด” ของตนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นภูตผีปีศาจที่จำแลงกายมาเป็นมนุษย์ เขาแสร้งทำตัวเลียนแบบเด็กในวัยเดียวกัน แม้จะไม่เหมือนไปเสียทั้งหมด แต่ก็สามารถทำให้ใครต่อใครเชื่อว่าเขาเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่มีความกตัญญูรู้จักช่วยงานบิดามารดาแต่เล็กเท่านั้น
การแสดงของหมิงชูหลอกลวงสายตาผู้คนได้อย่างแนบเนียนมานานหลายปี แล้วจะนับประสาอะไรกับคนในร้านขายโอสถร้านหนึ่ง