เมื่อสามีเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย ปองรักจึงจัดการเสื้อผ้าที่อยู่ในมือลงตะกร้า ระหว่างนั้นเสียงอะไรสักอย่าง หล่นกระแทกดังมาจากภายในห้องน้ำ “คุณราชิต?!” ตากลมโตเปิดกว้าง พร้อมหันขวับไปยังประตูห้องน้ำ หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ เท้าเรียววิ่งไปยังประตู เธอภาวนาอย่าได้เกิดเรื่องอันใดร้ายๆขึ้น
ก๊อก ก๊อก “คุณราชิต คุณราชิตคะ...”
เงียบ!ใจเริ่มสั่น มือเรียวกำเข้าหากัน “คุณราชิต เกิดอะไรขึ้นตอบหน่อยสิคะ” ความหวาดหวั่นเข้ามาเกาะกุมหัวใจแต่ก็ไม่คิดผลีผลามเข้าไป ด้วยความไม่น่าใจว่าเป็นเสียงอะไรแน่ หากแต่คอยไปก็ได้ความเงียบเป็นการยืนยัน
ปองรักเอามือทาบอก หัวใจเริ่มเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอกลัว! ดวงตาหรี่แคบจับจ้องบานประตู มือเรียวค่อยๆยื่นจับลูกปิดแล้วผลักเข้าไป โดยไม่รอฟังเสียงอะไรอีกแล้ว สายตาค่อยๆสอดส่ายหาความจริงด้านใน
“คุ คุณราชิต!” ภาพที่เห็นทำเอาปองรักถึงกับเข่าอ่อน ก่อนจะค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอดสองสามครั้ง เธอกลัว เรื่องในอดีตกับการศูนย์เสียครั้งในอดีตผุดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ไม่!”ใบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อผุดพรายสั่นศีรษะไปมา พยายามลบภาพในอดีตทิ้งไป แล้วรีบดึงสติกลับมา เท้าเรียวก้าวตรงไปหาร่างหนา ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องน้ำทั้งชุดเสื้อคลุม
“ไม่นะ คุณราชิตอย่าเป็นอะไรไปนะ...” เสียงแหลมร้องบอก จ้องมองร่างหนาที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่ง “รักจะตามคนมาช่วย” เสียงสั่นพล่าบอกคนที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่งอีกครั้ง แล้วผลุนผันวิ่งออกไปด้วยสีหน้าตื่นกลัว
ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกพร้อมนายแพทย์วัยกลางคนเดินออกมา ปองรักที่เพิ่งหย่อนก้นลงนั่งเพราะเดินวนไปวนมาหลายรอบจนโดมห้ามไว้ ผุดลุกขึ้นอีกครั้ง “คุณ ราชิตเป็นไงบ้างคะ” น้ำเสียงและสีหน้าร้อนรนเอ่ยถาม แพทย์ท่าทางใจดียิ้มบางๆอย่างให้กำลังใจ
“ตอนนี้คุณราชิตปลอดภัยดี... แต่ทางเราเพิ่งตรวจพบว่าคุณราชิตมีอาการอื่นแทรกซ้อน นอกจากความดันและเบาหวานแล้ว ทางเรายังตรวจพบว่าผู้ป่วย มีอาการเส้นเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้นอีกโรคครับ” น้ำเสียงนั้นเอ่ยฟังเหมือนไม่ได้ถึงขั้นอันตรายมาก หากแต่ความห่วงใยปนกลัว ทำเอาคนฟังเหงื่อแตกพลั่ก จนเรียบเรียงคำพูดผิดๆถูกๆ ณ เวลานี้ เธออยากให้น้องสาวมายื่นอยู่ตรงนี้ เพื่อช่วยกันคิดแก้ไขปัญหา เธอกลัว...
“แล้ว...ยังไง เราจะ รักษา เอ่อ ทำยังไง”
นายแพทย์ยิ้มรับ อย่างไมตรี รู้ว่าญาติผู้ป่วยนักธุรกิจดัง กำลังสับสน “กรณีของคุณราชิต ถึงมือหมอ ได้ตั้งแต่เพิ่งแสดงอาการ ทางเราต้องให้การรักษาทางยาก่อนเป็นอันดับแรก หากอาการไม่ทุเลา หรือรุนแรงกว่านั้นหรือไม่ดีขึ้น จึงใช้วิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน แต่ถ้าไม่สามารถใช้วิธีการรักษาทางยาและขยายหลอดเลือดได้ แพทย์จึงจะพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ แต่กรณีหลังต้องดูอาการก่อน” ปองรักพยักหน้ารับทราบนายแพทย์จึงขอตัวไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
“เอ่อ โทร.หาคุณราเชนทร์มั้ยคะ”
“อย่ายุ่งกับมันเลย ปล่อยให้มันอยู่ของมันอย่างนั้นแหละ” สีหน้าของคนสูงวัยขื่นขม เมื่อเอ่ยถึงลูกชาย กี่ครั้งที่ไม่สบาย ลูกชายไม่เคยอยู่ใกล้ ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาป่วยต้องนอนโรงพยาบาล โดมโทร.เพื่อจะบอกอาการ หากลูกชายตัวดีกลับพูดตอกหน้าหงาย ทั้งที่โดมยังพูดไม่ทันจบประโยค
โดมรอสายไม่นานนักก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยกรอกเข้ามา “ว่าไง?” เสียงนั้นฟังดูว่าไม่พอใจ แต่โดมเตรียมใจไว้แต่แล้ว จึงพูดต่อ ด้วยความตั้งใจเดิม
“คุณราเชนทร์ว่างป่าวครับ ผมขอคุยธุระหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร”
เสียงนั้นตึงขึ้นกว่าเดิม โดมถอนหายใจหนักๆแล้วกลั้นใจเอ่ยออกไป “เรื่องคุณท่าน ที่...”
“หากบริษัทพ่อขาดทุนหรือใกล้ล่ม ค่อยโทรมานะโดม ฉันจะลงแข่งแล้ว!”
คำตอบที่ได้ครานั้นยังจำฝังใจไม่เคยลืม คำสั่งห้ามทุกคนในคฤหาสน์ จึงเกิดขึ้น ‘หากฉันไม่ตาย ไม่ต้องโทร.หามัน’
“จะดีหรือคะ” เมื่อคนป่วยถูกย้ายเข้าห้องพักพิเศษเพื่อรอดูอาการ ปองรักคิดว่ากำลังใจที่ดีคือคนในครอบครัว หากแต่คนป่วยไม่ต้องการเธอจึงเงียบเสีย
ใบหน้าหวานมีแววกังวลเจืออยู่ หันมองโดมที่ยืนอยู่ใกล้เตียงผู้ป่วยที่นอนผันหลังให้ เป็นการตัดบทสนทนา เธออยากได้คนช่วยคิดหากแต่โดมเหมือนจะเห็นด้วยกับคนบนเตียง เมื่อเธอส่งสายตาเป็นเชิงถาม แต่อีกฝ่ายกับไขว่ไหล่แล้วผันหน้ามองออกไปด้านนอกกระจกสะอย่างงั้น
“เฮ้อ” แล้วงี้เธอจะช่วยสองพ่อลูกผูกไมตรีกันได้อย่างไรเล่า!
เมื่อถึงที่หมายราเชนทร์เลือกพักโรงแรมห้าดาวที่อยู่ใกล้สนาม เพื่อฝึกซ้อมเครื่องสี่สูบคู่กายไปพลางๆ ตอนนี้เขาเห็นว่า มีนักแข่งแนวหน้าหลายคนเปิดห้องพักบ้างแล้ว ห่างแต่ไม่มีใครสนใจว่าใครเป็นใคร
“อะ อุ้ย!”
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร เอ่อ...แพมต้องเป็นฝ่ายขอโทษคุณซิคะ ไม่ดูทางและต้องขอบคุณคุณด้วย” สายตาคมวาววาบส่งผ่านราเชนทร์รับรู้ได้ เหมือนหล่อนกำลังท้าทายให้เขาเดินเข้าหา “ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยไม่ให้แพมลงไปนอนหมดท่าไปบนพื้น” ใบหน้าคมเข้มยิ้มรับเพื่อมารยาททั้งที่ราเชนทร์รู้อยู่ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หากอีกฝ่ายไม่แสร้งเดินมากระแทกเขาทั้งที่ ทางเดินออกกว้าง
“...” ขจรมองดูภาพอย่างนึกขัน โดยความคิดของเขาและเพื่อนชายไม่ต่างกันเมื่อสายตาเหลือบมาสบกันอย่างตั้งใจ ‘ก็คนมันมีออร่าสะขนาดนั้น’ ราเชนทร์ค้อนขอดเพื่อน หากเขามีสาวสวยมาอ่อยให้แบบนั้นคงหวานคอใช่น้อย
เพื่อนสาวหน้าและรูปร่างดีที่เดินเคียงกันมาก้าวเข้าไป ทำทีตกอกตกใจ “ไปไงบ้าง บอกแล้วว่าให้กินข้าวเยอะๆ เห็นไหมว่าเริ่มขาดสารอาหารแล้วนะ” เสียงแผ่วคลายตำหนิดังแทรกเข้ามา เพื่อนสาววงการเดียวกันคิ้วขมวด ก่อนจะก้าวออกจากวงแขนเมื่อชายหนุ่มที่สละวงแขนดันร่างเธอออกห่าง เพื่อให้เธอทรงตัวได้ด้วยตนเอง เป็นการแสดงออกมาว่าเขาไม่ได้คิดแต๋ะอั๋งหรือลวนลามเธอ ไม่ว่าทางสายตาหรือชะลอเวลาให้ช้าออกไป แม้เนื้อนุ่มนิ่มและเนินหน้าอกที่โผล่พ้นเนื้อผ้าโชว์หราตรงระดับสายตาพอดิบพอดี ผู้ชายยังเฉยได้อีก