เสือชาติเสือ

1152 คำ
เมื่อถึงเวลานัดหมายสามสาวรีบลงมาชั้นล่างของโรงแรม เมื่อเดินออกมาจากช่องลิฟต์ก็พบว่าสองหนุ่มก้าวออกมาจากลิฟต์อีกตัวโดยทั้งคู่อยู่ในชุดลำลองสบายๆทั้งหมดหยุดมองแล้วยิ้มทักทาย ก่อนจะแนะนำตัว อย่างเป็นทางการ โดยที่ณดาหรือแพมเป็นคนแนะนำเพื่อนๆและตัวเธอเองให้อีกฝ่ายรู้จักก่อน โดยที่ฝ่ายชายได้แต่พยักหน้ายิ้มรับด้วยมิตรไมตรีและขจรเป็นคนเอ่ยแนะนำเพื่อนชายและตัวเขาให้ฝ่ายสาวๆได้รู้ชื่ออย่างเป็นทางการเช่นกัน             “อันที่จริงหากผมแค่แนะนำตัวเอง โดยไม่ต้องแนะนำเพื่อนผม ผมคิดว่าพวกคุณก็คงรู้จักดี” ขจรเอ่ยทีเล่นทีจริง หากแต่สามสาวยิ้มรับ             “ค่ะ ก็เพื่อนคุณขึ้นหน้าปกคอลัมน์เกือบทุกสัปดาห์ทำไมพวกเราจะไม่รู้จักละคะ” แพมเอ่ยสีหน้าปลื้มปริ่ม โดยมีการพยักหน้าของเพื่อนสาวเป็นลูกคู่             บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ดูเหมือนการผูกมิตรของหนุ่มสาวเป็นไปในทางที่ดี การพูดคุยและซักถามเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ราเชนทร์อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ เหตุใดครั้งนี้ เขามองว่าผู้หญิงพวกนี้ไม่จุ้นจ้านน่าเบื่อ หรือจะเป็นการพูดคุยอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบังการทำงานที่เป็น เรซควีนหรือพริตตี้*(พริตตี้ที่เป็นลูกทีมของทีมแข่งรถ เช่น ทีมแข่งฟอร์มูลาวัน  และการแข่งรถบางรายการอนุญาตให้มีเรซควีนยืนอยู่ข้างรถแข่งของทีมได้ในช่วงก่อนเริ่มการแข่งขัน บางครั้งมีเรซควีนในการจัดแสดงรถแข่ง เช่นในมอเตอร์โชว์ด้วย)             หรือจะเป็นเพราะเขารู้มาว่าพวกหล่อนต้องดิ้นรนทำงาน แม้สังคมอาจมองว่าไม่งามด้วยการแต่งชุดนุ่งน้อยห่มน้อยแต่ก็ไม่ได้ง้อมืองอเท้าหรือรอราชรถมาเกย อย่างที่พวกผู้หญิงบางคนทำกัน แล้วใบหน้าหญิงสาว ‘สวย’ สองนางลอยเข้ามาในมโนภาพจนรีบสลัดทิ้ง เพื่อไม่ให้บรรยากาศ ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเสียไป ตุ๊กตาหุ่นบาดใจ!             “แม่มด” เสียงเปล่งออกมาเบาๆเมื่อใจไม่สงบ ขจรเอียงหน้ามองเพื่อนรัก เหมือนไม่แน่ใจหากเห็นคนเอ่ยทำเฉย จึงเฉยเสีย หันไปสนใจสามสาวที่นำคุยอย่างเข้าขา เหมือนผีเจาะปากมาพูดอย่างไรอย่างนั้น               “ฮะ ฮะ ฮัดชิ้ว!” มือเรียวยกขึ้นขยี้ปลายจมูก ใจหวั่น หากเป็นหวัดตอนนี้ไม่ดีแน่ไม่แน่ใจเมื่อต้องทำงานพบปะผู้คน แต่เธอไม่มีอาการนั่น!             “แพ้อากาศหรอ มียานะ เอาไหม” น้ำเสียงห่วงใยของคนเพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่ชั่วโมง หันมาถามคนด้านหลัง ใจปองยิ้มรับในความมีน้ำใจอีกฝ่าย พร้อมตอบกลับเสียงนุ่ม             “ขอบคุณ คุณนิคมมากค่ะ แต่ปองไม่เป็นไร” เธอปฏิเสธเสียงแผ่ว หนุ่มคนเดียวในทีมยิ้มบางๆแล้วหันกลับไปยังทิศทางเดิม             “ทำไมละ กันไว้ก่อนก็ดีนะ” คนนั่งคู่กันมาหลายชั่วโมงถามด้วยความสงสัย พร้อมประโยคท้าย จริงจัง             “ก็ ไม่ได้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอะไรเลยนะ”             “อ้าวแล้วกัน” ปานทิพย์แปลกใจยิ่งขึ้น เมื่ออาการที่เห็นถูกปฏิเสธ จึงสาดสายตาไปรอบๆตัว พร้อมทำจมูกฟุตฟิต “ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆเลยนิ นั่งมาตั้งนาน” คนเป็นห่วงเพื่อนใหม่ คิ้วขมวดมุ่นแปลกใจ เมื่อไม่มีอะไรที่จะทำให้ผิดกลิ่น จนเป็นสาเหตุการจามครั้งนี้ของเพื่อนใหม่ได้             “หรือจะมีคนคิดถึง ไม่สิ คนนินทาแน่เลย” ปานทิพย์ว่าหน้าตื่น แล้วยิ้มขำกับความคิดของตัวเอง คนถูกเดาจากอาการ ยิ้มหน้าเจื่อน ไม่คิดค้านหรือแก้ไขความเชื่อ เฮ้อ ว่าไปนั้น!แล้วก็อดคิดตามไม่ได้             สายตากลมโตเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ระยะทางพาตัวไกลห่าง แต่หัวใจและไออุ่นเหมือนพี่สาวอยู่ข้างกายไม่ได้ห่างไปไหน คิดถึง และเธอเชื่อว่าพี่สาว ก็คงคิดถึงเธอเช่นกัน หากแต่...ใครกัน ที่นินทา?  วันที่สามก่อนการแข่งขัน ราเชนทร์ลงไปอุ่นสนามเพื่อความคุ้นชิน ด้วยรถคู่ใจซูเปอร์ไบค์*( Sport Bike คือรถBigbikeที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันทางเรียบเนื่องจากรถประเภทนี้จะมีสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างสูงมากกว่ารถBigbikeประเภทอื่นๆ ซึ่งรถประเภทนี้มีท่วงท่าในการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและทรงตัวในการใช้ความเร็วสูงๆและควบคุมอาการของรถ ในการเข้าโค้งได้เต็มประสิทธิภาพ) เอพริลเลีย รุ่น RSV4 R เสียงกระหึมดังเป็นจังหวะโดยมีขจรและบรรดาสาวสวย ที่ถูกว่าจ้างให้มาเป็นพริตตี้ในการแข่งขันของทีมลงแข่งอีกทีม เดินทางมาก่อนงานเริ่ม นั่งเชียร์อยู่บนขอบสนามใกล้กัน หากดูเผินๆใครๆก็คงคิดว่าสาวสวยทั้งสามคงเป็นกองเชียร์หนุ่มหล่อที่โชว์ลีลาอยู่ในสนามแน่นอน น้ำเสียงหวีดว้ายสีหน้าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ยามรถคันงามโดยมีเจ้าของหนุ่มหล่อ นั่งบังคับการวิ่ง เข้าโค้งและละโค้งจนน่าเสียวไส้ หากแต่เป็นภาพที่ดูแล้วพลิ้วสวยเหมือนปลาแหวกว่ายในสายน้ำอย่างมีชั้นเชิง             ในทุกนาที มีให้คนบนขอบสนามได้หัวใจกระตุก เมื่อจับจ้องเครื่องยนต์ที่วิ่งเร็วแรง ของเครื่องยนต์ แบบควบคุมการหมุนล้อ 3ระดับ ควบคุมแรงเหวี่ยง3แบบ ระบบควิกชิฟต์เปลี่ยนเกียร์ทั้ง6 สปีดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปลี่ยนคลัตซ์ และด้วยความชำนาญของคนขับ ทำให้ภาพพวกนั้นดูพลิ้วกลมกลืนเข้าด้วยกัน เพลิน เหมือนอยู่อีกมุมหนึ่งของความเพ้อฝันที่เต็มไปด้วยความจริง นาทีเพลิดเพลิน บางอย่างในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือน ขจรขยับเพื่อให้สะดวก หากแต่สายตาจับจ้องบนสนามที่มีความเร็วอยู่ในเลนส์สายตาตลอดเวลา “ใครวะ ยุ่งฉิบ” ปากบ่นแต่มือรีบล้วงสิ่งนั้นออกมา โดยไม่ได้มองหน้าจอ “ฮัลโหล ครับ”             “ฮัลโหล คุณราเชนทร์หรือครับ คุณราเชนทร์...” น้ำเสียงละล่ำละลักของปลายสาย ทำเอาขจรหน้าคิ้วขมวด เบนสายตามองสิ่งที่แนบอยู่บนใบหูและรีบดักเอาไว้ แปลก?             “ปะ เปล่าไม่ใช่ผมขจรเพื่อนราเชนทร์ครับ”             “อ้าว คุณขจรหรอกหรือครับ แล้วคุณราเชนทร์ละครับ อยู่แถวนั้นหรือป่าว” คำถามนั้นทำให้ขจรผันหน้าลงไปในสนาม เงียบ และไม่ต้องบอกเมื่อเสียงรถที่ดังกระหึมอยู่นั้น ทำหน้าที่ตอบไปในสายเรียบร้อยแล้ว และอีกฝ่ายก็เข้าใจดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม