ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “คุณ! เอ่อ ผมเอาเสื้อผ้ามาให้น่ะ วางอยู่ตรงโต๊ะหน้าห้องนี้นะ” เขาเคาะและตะโกนบอกก่อนจะวางเสื้อผ้าเอาไว้ เพราะคิดว่าเธอคงไม่กล้าเปิดออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่อะไรแล้วเจอเขาหรอก
“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว” เขาบอกอีกครั้ง ทว่าไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจเดินเข้าห้องตัวเอง เมื่อเธอได้ยินเขาเปิดประตูเข้าห้องแล้ว จึงได้เปิดประตูห้องน้ำออกมา แง้มดูเล็กน้อยก็เห็นว่าเสื้อผ้าวางอยู่ จึงได้หยิบเข้าไปใส่ในห้องน้ำอีกครั้ง ชุดที่ได้มาก็เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มนั่นเอง ตอนนี้จันทรภายืนมองตัวเองในกระจก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเมื่อล้างเครื่องสำอางออก แต่ดวงตาบวมและแดงก่ำ จมูกก็แดงดูไม่ได้เลย
“เข้มแข็งก่อนนะเจ้าขา” เธอบอกกับตัวเอง แต่น้ำเสียงยังสั่นเครือ และภาพที่เห็นมันทำให้เธอสั่นไม่หายเลย คิดแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมกับกำมันเอาไว้แน่น แต่ไม่กล้าเปิดดูคลิปที่ถ่ายเอาไว้
“แกมันโง่” เธอว่าให้ตัวเอง ก่อนจะรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วออกจากห้องน้ำ ย่องเบาๆ เมื่อรู้สติแล้ว ว่าอยู่ในบ้านของคนแปลกหน้า แต่ดันเป็นจังหวะที่เขาเปิดประตูห้องออกมาประจันหน้ากับเธอพอดี ทั้งสองมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เขาอึ้งและจังงังไปกับใบหน้าสวยสดงดงาม แบบไร้เครื่องสำอางของเธออีกรอบ ส่วนเธอก็อึ้งเพราะเพิ่งสังเกตหน้าเขาชัดๆ และต้องรีบหลบสายตาจากกันอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ หิวหรือเปล่า” คเชนทร์เป็นฝ่ายถามก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน กินอะไรไม่ลง” สิ้นคำ เสียงท้องก็พยศและร้องซะเสียงดังเชียว
“อุ้ย! เอ่อ”
“ไปนั่งรอนะตรงโต๊ะญี่ปุ่นห้องนั่งเล่นน่ะ เดี๋ยวผมหาอะไรมารองท้องให้” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าครัว
แต่ไม่มีข้าวในหม้อ เพราะเพิ่งไปรับประทานกับพ่อเลี้ยงมา จึงมีแต่อาหารแห้งและอาหารสดในตู้เย็น
“หน้าตาคุณหนู กินมาม่าได้ไหมเนี่ย” เขาบ่นลอยๆ ก่อนจะหยิบมาม่าออกมาหนึ่งซองต้มน้ำ พร้อมกับนำผักมาหั่น และใส่ไข่ลงไปหนึ่งฟอง จะได้มี ประโยชย์และอิ่มท้องอีกต่างหาก นี่แหละเขา ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็เรียบร้อย แล้วยกออกไปเสิร์ฟจันทรภาที่ห้องรับแขก กลิ่นหอมของมาม่าโชยเข้าจมูกจนทำให้ท้องร้องอีกรอบ และยิ่งหิวหนักเข้าไปอีก
“หอมอะไรเบอร์นั้น” จันทรภาคิดขณะที่ชามมาม่า ถูกนำมาวางเอาไว้ตรงโต๊ะญี่ปุ่นแบบนั่งพื้น พอเห็นครบเครื่องขนาดนี้ ก็ถึงกับทำให้ประหลาดใจมากเลยทีเดียว
“น่ากินจังค่ะ ทำไมครบเครื่อง” เธอออกปากชมและยิ้มออกมาเพราะความลืมตัว และถ้าเป็นเธอคงไม่ใส่อะไรเลย
“มาม่าเปล่าๆ มันไม่มีประโยชน์นี่ ผู้ใหญ่สอนมาแบบเนี่ย ไม่รู้จะกินได้ไหมนะ” เขาตอบพลางทำสีหน้ายียวนเล็กน้อย น้ำเสียงก็กวนๆ เหมือนนักเลงเชียว เธอคิด
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับความเศร้าในแววตา เขารู้ว่าเธอพยายามมากที่จะไม่ฟูมฟาย
“ขอบคุณก็กินซะ จะได้นอนพักเอาแรง” เขาบอก และจะไม่ถามอะไรในเวลานี้อย่างแน่นอน คงต้องรอให้เธอใจเย็นลงให้มากกว่านี้ก่อน และเมื่อเขาสั่งเสร็จ เธอก็ก้มลงรับประทานบะหมี่ด้วยความจำใจ แม้จะไม่หิวแต่ท้องมันต้องการ ทว่ากินไปน้ำตาเจ้ากรรมก็ยังคงไหลออกมา ทั้งที่ไม่ได้ร้องไห้ คเชนทร์ได้แต่ถอนใจ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองให้เธอรู้สึกแย่
“ตามสบายนะ ผมจะไปดูที่นอนเอาไว้ให้คุณนอนน่ะ” สิ้นคำเขาก็ไม่รอให้เธอตอบ ก็ลุกจากไปเพื่อกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เปลี่ยนเครื่องนอนเสียใหม่ เพื่อให้เธอเข้ามานอนในห้องนี้แทน มันเป็นความจำเป็นเพราะบ้านทั้งหลังมีเพียงหนึ่งห้อง เนื่องจากเป็นบ้านหนุ่มโสด ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วด้วยความเคยชิน ส่วนเขาคงต้องนอนที่ห้องนั่งเล่นนั่นแหละ ครั้นจะให้เธอนอนข้างนอกก็คงจะไม่ใช่