เป็นเบอร์โทรคนอื่น เป็นเสียงผู้หญิงสูงวัยตอบรับ
ไม่ใช่หล่อนเลย แล้วทำไมหล่อนไม่บอกเขาบ้าง แล้วนี่เขาจะทำยังไง ถึงได้เจอหล่อน ไปหาที่บ้านไหม? ใช้ความใจกล้าของตนเองให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ อนุตร
แล้วก็สบายใจอย่างบอกไม่ถูก นี่แหละบ้านของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ตามไปอยู่ที่แห่งอื่น เมื่อกลับมาที่บ้านของตนเอง มักจะเห็นข้อเปรียบเทียบได้อย่างเด่นชัด
คือไม่มีความสุขไหนเท่ากับบ้านของตัวเอง จะได้ปล่อยใจ คิดล่องลอยไป กับเหตุการณ์ในอดีต มันฝังใจ ชวนน่าขบคิดและจดจำออก
ถึงวีรกรรมในสมัยเด็กอย่างวันที่ผ่านมาเนิ่นนานนั้นพูดแล้วนึกคิดแล้ว ที่มุมริมฝีปากของอนุตร ยังอดยิ้มไม่ได้เลย เขาควรจะไปหาวธุกาญจน์เดี๋ยวนี้
สมองและหัวใจของเขาสั่ง ดึกอย่างนี้หรือ หล่อนคงต้อนรับตอบรับเขาหรอก เขาคงไม่รับและเจอข้อหารบกวน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านคนอื่นที่เขาจะนอนหลับพักผ่อน
เผลอๆเรื่องที่ง่ายกลายลุกลาม เป็นเรื่องยากเสียอีก เพราะบัดนี้เขารู้ดีว่า วธุกาญจน์เมินหมางต่อเขาเป็นอย่างมาก หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้ มาก่อนเลยนี่นา ใครกันที่ทำให้หล่อนเปลี่ยนแปลง
เขาพยายามเตือนตัวเอง น้องสาวต่อว่า เขาขี้ขลาด เขาจึงอยากแสดงความกล้าหาญรับผิดชอบเอง อันที่จริง เทียนทัชชา น้องสาวของเขา พูดขึ้นมา ก็มีเหตุผล
อนุตรแน่วแน่ในใจแล้วว่า ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องบุกเข้าไปหาวธุกาญจน์ที่หน้าบ้าน เพื่อสอบถามความจริง อย่างน้อย เพราะถึงอย่างไร เขาก็เคยเข้าอออกบ้านของวธุกาญจน์ เมื่อก่อนหลายหน จนคนทางนั้นสนิทใจ แล้วว่า ยังไงเขาจะต้องมาเป็นของเขยบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน
และอนุตรก็ไม่ทราบจริงเหมือนกัน ว่าคนในบ้านใหญ่หลังนี้ จะต้อนรับเขา มากแค่ไหนกัน
ไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว ที่เขาจะวางไว้ในฐานะภรรยา นอกจากวธุกาญจน์เท่านั้น ใยบัวหรือ เลิกคิดไปได้เลย ไม่ว่าตั้งแต่คราวแรก หนที่สองหรือปัจจุบัน ครั้งนับไม่ถ้วน เขาก็ไม่เคยยกให้ใยบัวมาเทียบเคียงวธุกาญจน์ และเขาป้องกันตัวเองทุกครั้งที่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น
วธุกาญจน์เปรียบเหมือนดอกบัวที่เขาหยิบดอกช่อมาปักไว้ที่แจกันบูชาพระบนหิ้งเสมอ ถ้าใยบัวยังขืนจะดื้อรั้นดันทุรังอีก หล่อนก็ได้รับแต่คำว่าว่าเสียใจ เพราะหล่อนดิ้นรนของหล่อนเอง เขาไม่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้นแล้ว
เด็กสาววัยรุ่น อายุของหล่อนน้อยนัก แต่ร้อนฉ่าเหมือนไฟ เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ หล่อนอาจจะเสียมานักต่อนักให้ใครต่อใคร มากกว่าแล้วก็ได้ แค่พบเจอหน้าตา เนื้อตัว นัยน์ตาของหล่อนก็ทำท่าว่าฟิตปั๋ง พร้อมจะออกศึกเรื่องแบบนั้นทันที
พอไกลจากหล่อน นี่เป็นบ้านของเขาเอง บ้านที่เขาจะมีแต่วธุกาญจน์ เขาไม่คิดเรื่องบ้านนอกชนบทนั่นอีก เขาเลยรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองก็คราวนี้
ความห่างเหินของเขาเกิดขึ้น เมื่อเขาแยกตัวไปทำงานที่ต่างจังหวัด ปกติทุกคนก็พอจะรู้ว่านั่นคือหน้าที่ของเขา เขาเป็นข้าราชการ เขารักอาชีพนี้มาก
เขาต้องไป เขาต้องเลือกระหว่างวธุกาญจน์กับงาน แต่ตอนนั้นเขาพูดให้หล่อนเข้าใจแล้ว และวธุกาญจน์มีทีท่าว่าเข้าใจเป็นอย่างมาก
เมื่อหล่อนเข้าใจเขาอย่างนั้นแล้ว เขาจะเคลือบแคลงสงสัยไปทำไม และหล่อนเองก็บอกเองว่า ให้ติดต่อคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้ หล่อนเองยังตกลง
ยังรักเขามาก เขาคิด ขณะนั้นวธุกาญจน์มีใจให้เขามากมายนัก ห่วงใย เขาสารพัด พยายามที่จะโทรมาหาเขาในช่วงตอนเย็น
และเขาได้พูดคุยกับหล่อน เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ ให้หล่อนฟัง ซึ่งมันเป็นความสุขใจของเขา ที่หญิงสาวคนรัก ห่วงใย ถามว่า เขาทำงานเหนื่อยไหม? ห่วงสุขภาพบ้างนะ มีอะไรเป็นอุปสรรค? ขอให้อดทนอย่าท้อแท้ จะขอเป็นกำลังใจให้
นั่นคือคำพูดของหล่อน หล่อนจริงใจอย่างมากเขาคิดอย่างนั้น
มันทำให้เขาเชื่อมั่นว่า วธุกาญจน์รักเขามากที่สุด หล่อนไม่มีผู้ชายคนอื่น แล้วต่อจากนั้น อนุตรก็ได้ไปอยู่ต่างจังหวัด
งานข้าราชการเขาเลือกไม่ได้ เมื่อถูกส่งไป เขาก็ต้องยอมรับ เขาเคยคิดว่า จะทำให้หล่อนคิดมากไหม? เพราะอยู่ไกลกันเหลือเกิน
แต่การที่พบปะพูดคุยกันทางโทรศัพท์ตอนเย็นและบางครั้งช่วงหัวค่ำ ก่อนเข้านอนทำให้เขาเลิกคิด เขาไม่เคยหวั่นระแวงว่า วธุกาญจน์จะเป็นอื่น
แต่ในวันนี้เขาชักจะไม่แน่ใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในใจของเขาสับสน การตอบรับ หรือข่าวสารของหล่อนหายเงียบฉี่
เพราะเทียนทัชชากระตุ้นให้เขาต้องมาตามหาความจริง ไม่งั้นเขาอาจจะสูญเสียวธุกาญจน์
เพราะหล่อนเองทำงานอยู่ในกรุงเทพ มีโอกาสพบปะผู้คนมากมาย โดยเฉพาะชายหนุ่มหล่อเหลา มีชาติตระกูลเช่นเดียวกัน ฐานะทางสังคมชนชั้นเทียบเคียงกัน ยิ่งหล่อนเป็นคนสวย ฉลาด เขาจึงชักหวงเธอขึ้นมา
เขาตัดสินใจแล้วว่า จะต้องพบวธุกาญจน์ให้ได้ในเวลาเจ็ดโมงเช้า อนุตรตัดสินใจนำรถที่บ้านขับออกไป เทียนทัชชาเห็นพี่ชายเหมือนกัน รู้สึกแปลกใจจึงเดินมาถาม
“พี่นุตร ค่ะ เอารถไปไหนตั้งแต่เช้ากัน พี่เพิ่งกลับมาเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือคะ”
วันนี้อนุตรตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยง่วง อีกอย่างกลางวันเมื่อวานนี้เขาคงจะหลับพักผ่อนเต็มที่ แต่วันนี้
เขาฝัน ฝันร้ายด้วย ทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่น ไม่อยากจะนอนอีก ฝันว่าตนเองถูกปลายกระบอกปืนที่กระสุนพุ่งออกมาตัดทะลุเข้าที่ขั้วหัวใจ
มันเป็นฝันร้าย แต่ไม่แน่นะ ฝันร้าย อาจจะกลายเป็นดี ก็ได้อย่างที่โบราณบอก แล้วเขาก็เลยตื่นตั้งแต่นั้นมา
ความรู้สึกกระตุ้นเตือนให้ไปเยี่ยมอาการไข้ของมารดาที่โรงพยาบาล เมื่อแวะผ่านตลาด นึกได้ก็เข้าไปซื้อข้าวต้มโจ๊ก กับผลไม้ประเภทส้มเขียวหวานกับแอปเปิ้ลให้ท่านประมาณสองกิโล ซื้อมากกว่านี้กลัวมารดาทานไม่หมด จากนั้นพอไปเยี่ยมเสร็จถามไถ่อาการ มารดามีอาการดีขึ้นกว่าวันก่อนมาก กระปรี้กระเปร่าสดชื่น มีทีท่าว่าอยากจะออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านเต็มแก่ เพราะเบื่อ อึดอัด และเหม็นฉุนกลิ่นยาที่โรงพยาบาล บ่นว่าอยากกลับมาพักผ่อนที่บ้าน
จากนั้นก็กลับบ้าน ความรู้สึกที่คอยหลอกหลอนจากฝันร้าย แต่เดิมนั้นหายไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้คิด เรื่องหวาดกลัวนั่นเอง มันจึงไม่มีอะไร
แต่ความรู้สึกที่ปลุกใจเขาขึ้นมา อยากพบหน้าวธุกาญจน์ ไปหาหล่อนให้ได้ วันนี้เป็นไงเป็นกัน มันต้องได้เรื่องซักอย่างสิน่า เขาไม่คิดว่าหล่อนจะปิดบังและปิดโอกาสแก่เขา
ในเมื่อเทียนทัชชาน้องสาวของเขาก็เคยเตือน บอกแก่เขาว่า ให้ทำใจกล้าหาญ ไปพบไปเจอให้เห็นกับตา เขาจะสบายใจเอง แล้วพอเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นตามมา เขาก็ยังพอที่จะแก้ไขได้ทัน เทียนทัชชาปักใจมั่นใจในฝีมือของพี่ชายนัก ทั้งๆที่เมื่อก่อนหน้านี้ น้องสาวไม่ได้คิดกับเขาแบบนี้เลย
อีกนานที่เขาจะตอบน้องสาวเหมือนยืนบื้ออยู่ตรงนั้น เทียนทัชชาน้องสาวก็จ้องตาเหมือนจะรอคำตอบ เขารู้สึกว่าตัวเองเก้อไป ก็เลยแกล้งรู้สึกตัว ทั้งๆที่เขาทำเฉยเมย ไม่อยากให้หล่อนรู้ตัว
“ อ้าว ยายเทียน ”
เขาทำเหมือนเพิ่งได้มาเห็นหล่อนนั่นแหละ เทียนทัชชานึกตำหนิพี่ชาย เขายังไม่ตอบคำถามที่เทียนทัชชาโผล่มา
ตอนนี้ ไม่อยากให้น้องสาวรู้เท่านั้นเอง
แต่ความจริงแล้วนั่น เทียนทัชชารู้ จึงได้แต่อมยิ้มอยู่ในใจ ไม่โกรธแต่นึกเคืองพี่ชาย ที่มัวแต่ทำอะไรหลบซ่อน เดี๋ยวคนอื่นเขาก็คว้าไปหรอก ตัวเองทำอะไรไม่ทันเขา ไล่ไม่ทันเขา เพราะมัวแต่งมโข่งอยู่นี่เอง
แปลกใจอีกครั้งที่ พี่ชายไม่ตอบคำถาม
“ เทียน ถามว่า พี่นุตรจะเอารถไปไหนคะ ทำไม ไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้น้องรอ”
เขาหันขวับมาทางน้องสาว อนุตรแต่งตัวดีด้วย เทียนทัชชาเพิ่งมองไปที่ชุดแต่งกายของพี่ชาย เนี๊ยบหรูที่ดี เป็นเสื้อโปโลมียี่ห้อสีอ่อน น่าจะไปในงานที่พิเศษและมีความสำคัญ เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีอิฐไปด้วยวางอยู่ที่มือซ้ายของเขา
“ อ้าว หรือ เธอมีธุระจะใช้รถเหรอ เอ้อ พี่ลืมไป เอ้า กุญแจ ”
เขาทำท่าจะแกล้งไก๋ใส่หล่อนอีกแล้ว มันไม่ตลกเลย
เทียนทัชชายิ่งงงและแปลกใจ พี่ชายของหล่อนเป็นอะไร ทำไม แค่ถามดีๆ เขาไม่ยอมตอบ
“รถ เอารถไปทำไมคะ รถของเทียนก็มี อยู่อีกคัน ไม่ได้เสียสักหน่อย อีกประเดี๋ยวเทียนก็จะออกไป”
“ พี่นึกว่า รถของเธอเสีย”
เขาแก้ตัวไปอย่างนั้น แต่แรกก็คิดอย่างนั้น เพราะในบ้านมีสามคัน คันหนึ่งคนขับรถเพิ่งไปส่งบิดาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเยียนดูแลคุณแม่
อนุตรก็เลยพูดไม่ออก แล้วก็ขอกุญแจน้องสาวคืน เทียนทัชชามองดูกิริยาของพี่ชายที่ทำตัวแปลกๆอีกครั้ง
“บอกเทียนมาตามตรงเถอะว่า ไปหา พี่เชอรี่ เรื่องแค่นี้ใครจะว่า ดีออกค่ะ พี่จะได้ค้นพบความจริงไง เทียนอยากให้พี่นุตรเป็นคนกล้าหาญ ”
เทียนทัชชาพูดแค่นี้ก็เดินเลยผ่านหน้าของพี่ชายไป แล้วผลุบเข้าไปในบ้าน
อนุตรทำสีหน้าเคร่งขึ้น ไม่อยากให้น้องสาวว่ากระทบหรือเตือนอะไรอีก มันเหมือนกับเขาไม่มีสมอง
เขาเป็นพี่ชายของเทียนทัชชาแท้ๆ เรื่องอะไรจะมาให้น้องสาวสอน ทั้งรู้สึกฉุน แล้วก็รีบขับรถคันหรูนั้นออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังถนนสายนั้น ทิศทางที่เป็นบ้านพักหลังโอ่อ่าของครอบครัววธุกาญจน์
ซึ่งเขาจำได้ ไม่ลืมหรอกว่า อยู่ตรงไหน เขาขอภาวนาว่า หล่อนอย่าเพิ่งออกไปทำงานในเวลานี้เลย เพราะเขาไม่รู้ว่า วธุกาญจน์ทำงานอยู่ที่ไหน
เขาไม่เคยไปที่นั่นสักครั้ง เทียนทัชชาทำให้เขาคิดอะไรได้มาก น้องสาวคนนี้รู้ดี ขณะที่มือกำพวงมาลัยแน่นอยู่ด้านนอกอย่างนี้ ใจเขายังเลื่อนลอยหัวใจล่องลอยไปยังหล่อน วธุกาญจน์ หวังว่าคุณยังคงอยู่ที่บ้าน
เขามีวิธีการของเขา ปรับความเข้าใจหล่อน ยายน้องสาวจอมยุ่ง อดคิดถึงเทียนทัชชาไม่ได้ เมื่อนึกแล้วก็อยากจะโมโหตนเองและน้องสาวไม่สร่างหาย
อันที่จริงลืมไป ลืมถาม เทียนทัชชาว่า รู้จักที่อยู่ ที่ทำงานของวธุกาญจน์ไหม?
เขาพลาดไปสนิทข้อนี้เอง โง่จริงๆเรา ไม่ยอมถามน้องสาวเรื่องนี้ก่อนจะมา แต่เมื่อตัดสินใจมาแล้วก็ดาหน้ามา เข้ามาที่บ้านนี่แหละ เป็นไงเป็นกัน จะได้เห็นดำเห็นแดง เห็นหล่อนที่บ้าน
เขานึกตำหนิตนเองที่ทำหยิ่ง ปั้นปึ่งใส่น้อง ทั้งๆที่จริงๆ มีเรื่องพึ่งพาน้องสาวอีกตั้งมากมาย ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ เขามันคนหัวแข็ง
ชอบทำอะไรตามใจตนเอง สมควรที่น้องสาวค่อนพูดไว้ว่า เรียนจบมาก็สูง แต่ใช้ปัญญาแก้ปัญหาไม่เป็น หล่อนคงจะหาว่าเขาโง่แล้วยังอวดฉลาด
เรื่องความรัก เขาแก้ปัญหาไม่เป็นจริงๆ ก็ใครเล่าจะแก้ปัญหาเป็น ตัวเขาเองไม่มีประสบการณ์ ด้านความ
รักความใคร่มาก่อนนี่ โดยเฉพาะในกรณีผิดใจกับคนรัก ยายน้องสาวจอมแก่แดดเอ๋ย ช่างรู้อะไรมากจริงๆ
พิเศก เขาทำให้หล่อนว้าวุ่นใจนัก จีรมลคิด ทำไม เขาไม่มาหาหล่อนตามสัญญาอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องอีกครั้ง ที่จีรมลกระวนกระวาย หลังจากฝันถึงรสรักที่จะได้รับจากเขา ผู้ชายกล้ามเป็นมัด ล่ำสัน อกกว้างเต็มไปด้วยไรขนดูเซ็กซี่ มีแรงพลังดุจช้างสาร ที่ผูกใจหล่อนอยู่ด้วยกระบวนการเสน่หา ที่เขารัดรึงตรึงใจหล่อนอยู่
หล่อนอดอยากปากแห้งมาหลายอาทิตย์แล้ว พ่อโฉมพธูของหล่อนไม่มีวี่แววเลย แบบนี้จะให้จีรมล ทนนิ่งเฉย ได้อย่างไรกัน
ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้ารูปเข้ารอยหมดแล้ว ที่หล่อนวางแผนให้หลานสาวก็ทำท่าว่าจะสำเร็จด้วยดี เหลือแต่อนุตร ยอมกลับไปคืนดี และรับขวัญใยบัวที่บ้านนอก และอยู่กับใยบัวที่นั่น
โดยไม่หวนคิดถึงตัดสวาทสายสัมพันธ์กับแม่นางฟ้าไฮโซผู้ดีอย่างวธุกาญจน์ ตอนนี้หล่อนเขี่ยวธุกาญจน์ให้กระเด็นได้แล้ว สะใจหล่อนนัก โง่ ไม่ทันเกมส์หล่อน
จีรมลรู้ดีว่า หล่อนปิดเรื่องนี้เงียบ โดยวธุกาญจน์ไม่เคยรู้มาก่อนว่า คนที่ล้วงความลับ เป็นเพื่อนสนิทคนใกล้ชิดนี่เอง
จีรมลฉลาดพอที่จะไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาทั้งสิ้น ผัว หล่อน หายตัวไป นี่หล่อนแทบจะคลุ้มคลั่งเป็นบ้าเป็นบอ เพราะเขานี่แหละ ทำไม เขาไม่คิดถึงหล่อน
หล่อนนั้นโหยหารสสัมผัส อยากให้เขาอยู่ใกล้ ทั้งแสนจะอาทรพิศวาสเขานักหนา อย่าให้หล่อนจับได้ก็แล้วกันว่า ผัวหนุ่มคนนี้ของหล่อน เขาคิดไม่ซื่อกับหล่อน ไม่อย่างนั้นล่ะ หล่อนจะไปอาละวาดเขาให้บ้านพังเลย
ว่าเขากำลังกกกอดอยู่กับอีนังคนไหน จีรมลพล่านไปหมด หล่อนอดรนทนอยู่ไม่ได้ แม้ว่า หล่อนเพิ่งจะโทร.ไปบอกหลานสาวถึงเรื่องฉลองแผนการที่ทำสำเร็จ
เพราะสร้างเรื่องปั่นป่วนใจให้แก่วธุกาญจน์ได้สำเร็จ โดยเฉพาะหลักฐานชิ้นงาม ที่เขียนจดหมายมาก่อกวน สารภาพ เพื่อให้วธุกาญจน์เห็นแก่มโนธรรม เลิกยุ่งเกี่ยวกับปลัดอนุตรคนนั้น โดยไว
หล่อนเชื่อแน่ วธุกาญจน์จะต้องเกลียด และขยะแขยงในพฤติกรรมของปลัดหนุ่ม รวมทั้งพยายามหลบหนี แล้วก็เลิกรากันในที่สุด