แต่สิ่งที่จีรมลตอบหลานสาวก็คือ
“ น้าทำแล้ว สำเร็จอยู่หรอก นังเชอรี่มันล้มเลิกความตั้งใจที่จะสนใจปลัดอนุตรแล้วล่ะ ฝีมือชั้นเซียนยังยอมแพ้อย่างบัวของน้ามีหรือ จะไม่ทำให้ทั้งคู่แตกคอกัน บัวทำได้ดีที่สุดจ๊ะ แต่น้ายังไม่แน่ใจปลัดอนุตรของบัว ว่ายังรักแม่นั่นมากมายขนาดไหน”
“นั่นสิคะ นี่คือตัวปัญหาที่สุด”
หลานสาวของจีรมลพูดด้วยความคลางแคลงใจและหวั่นหวาดกลัว ผู้ชายที่หล่อนอยากประกาศปาวๆบอกกับใคร ว่านั่นคือผัวหล่อนจะเอาโซ่มาล่ามติดป้ายบอกเอาไว้ด้วยถ้าหากว่าใยบัวทำได้ขนาดนั้น
พร้อมกันนั้นจีรมลอดแค้นเคืองในเรื่องเก่าๆไม่ได้ ที่ตอนนี้วธุกาญจน์ทำท่าจะรู้ความจริง นอกจากเริ่มสงสัย
“ ตอนนี้มันเริ่มจะรู้ตัวแล้วล่ะ สองสามวันมานี่มันไม่พูดจากับน้าเลย น้าเห็นทีจะเข้าถึงตัวมันยากสักหน่อย”
จีรมลเอ่ยถึงสิ่งที่กังวลใจให้หลานสาวจอมร้ายกาจฟังด้วย ใยบัวถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว มันรู้ตัวแล้วหรือคะนี่ แผนจะพังมั๊ยคะ”
ใยบัวอดจะหวั่นใจไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวจ๊ะ บัวหลานของน้าแค่รู้ตัวแต่มันก็จับผิดอะไรน้าไม่ได้หรอก ฝีมือมันคนละชั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เมื่อไหร่นังเชอรี่จะปล่อยคุณปลัดง่ายหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูมา น้าว่า มันรักและหลงปลัดอนุตรมากพอสมควร เคยเป็นแฟนเก่ากันนี่ แต่ลองบัวหลานของน้าทำตามแผนมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เชื่อแน่เถอะ ว่าจะต้องสำเร็จลูกเดียวจ๊ะ”
จีรมลเชื่อมั่นในฝีมือหลานสาว
“ขอให้สมพรปากตามที่คุณน้าให้เถอะคะ บัวจะสมนาคุณให้คุณน้าอย่างงามเลย”
ใยบัวเริ่มมีสีหน้ารื่นเริงผิดไปจากเดิมราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่องานนี้มีน้าสาวคอยหนุนหลังให้ทุกอย่างง่ายดายขึ้น ใยบัวก็ไม่ต้องหวั่นหวาดกลัวใดๆอีกแล้ว
แม้ว่าจะหวั่นกลัวหญิงสาวที่มีฐานะกว่าคนนั้นก็ตาม หล่อนไม่เคยเห็นวธุกาญจน์แม้แต่สักครั้ง ที่น้าสาวพูดว่าสวยสะเหมือนลูกผู้ดี จะสวยขนาดไหน ใยบัวจะต้องมาให้เห็นกับตา สิ่งที่สำคัญของเธอคือปลัดอนุตร เขาจะยอมเลือกใครระหว่างหล่อนกับแม่นางฟ้าผู้ดีของเขา
เทียนทัชชาเป็นน้องสาวแท้ๆของอนุตรนี่เอง น้องสาวอย่างเธอจึงแปลกใจที่เมื่อพี่ชายเข้ามาถึงบ้านแล้ว เขากลับมีอาการเหมือนคนอกหัก ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ ไม่รู้ไปแบกอะไรไว้ในสมองนักหนา เทียนทัชชายังนึกหมั่นไส้อยู่เลย
“ถ้าเป็นแบบนี้ คงจะงอนพี่เชอรี่แน่นอนเลย พี่เชอรี่ทำอะไรให้โกรธหรือค่ะ หรือว่าพี่นุตรทำให้พี่เชอรี่โกรธเสียเอง ”
น้องสาวคนนี้ช่างรู้ไปหมด ทำให้อนุตรหน้าตึงขึ้นมาทันที ออกไปไล่น้องสาวทันที
“เธอไม่ควรมายุ่งเรื่องของพี่ เป็นน้องเป็นนุ่ง นี่เรื่องของผู้ใหญ่”
สีหน้าของเทียนทัชชาผู้เป็นน้องสาวบูดบึ้งซ้ำหน้าหงิกหน้างอที่ถูกพี่ชายออกปากไล่แรงๆอย่างนั้น เธอไม่เข้าใจ
อารมณ์ของพี่ปลัดเลยเหมือนคนคุ้มดีคุ้มร้าย แต่ก็หาทางเถียงขึ้นจนได้ ประสาเด็กสาวที่ครอบครัวเคยตามใจมาแล้ว อีกอย่างเป็นน้องเล็กของครอบครัวด้วย
“ พูดแค่นี้ก็หาว่าเด็ก รู้ไหมค่ะพี่นุตร เทียนอายุสิบหกแล้วนะคะ ปีหน้าก็จะสิบเจ็ด เป็นสาวมากขึ้นกว่าเดิม”
ถ้อยคำที่น้องสาวเถียงเขาแสนจะเอือมระอา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ อนุตรได้ดีมีงานทำไปอยู่ทางอื่นอย่างนี้รู้สึก
สบายใจดี จริงสิ เขาเหมือนคนไปอยู่ทางโน้นแล้วลืมทางบ้าน และไม่ได้ส่งข่าวคราวมาเลย พ่อกับแม่จึงคิดถึง
อย่างมาก
เขากลับมาถึงบ้านแล้วในเมืองกรุง โดยไม่ได้บอกใครแม้แต่สักนิด แม้แต่หญิงสาวคนที่รักมากที่สุดก็ตาม แต่หัวใจตั้งมั่นและปรารถนาแล้ว กากรที่เขาขึ้นมากรุงเทพอีกครั้ง ถ้าหากไม่กลับเข้าบ้านของตนเองแล้วขึ้นมาหาหญิงสาวที่เขารักด้วย แล้วเขาจะขึ้นมาทำไม แล้วเพื่อหลบหลักปัญหาของหญิงสาวที่ตามมาวุ่นวายจงใจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย
หล่อนคิดจะจับเขาโดยที่เขาคิดว่า หล่อนเป็นเพียงผู้หญิงที่รักสนุกเท่านั้น แต่ผู้หญิงที่รักสนุกอย่างใยบัวก็เป็นเด็กสาวอันตรายที่เขาอยากจะลองเล่นได้
แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เขาไม่ได้คิดว่าใยบัวเป็นอย่างอื่น และที่เขาพลาดล่วงเกินเลยถลำมันเป็นการจงใจยั่วของหล่อนชัดๆ ผู้หญิงเอาเหล้ามามอมแล้วทำให้เคลิ้มพิษสุราที่ทำให้เขาขาดสติตนเองไม่รู้สึกอะไรบวกกับความเหงาและคิดถึงคนรักเป็นอย่างมาก ทำให้เขาคิดว่าหล่อนเป็นวธุกาญจน์ด้วยซ้ำ
นี่แหละคือเรื่องที่มันค้างคา ในหัวสมองของเขาจำเป็นต้องมาปรึกษาใครสักคนแล้วก็จัดการให้เสร็จสรรพเป็นเรื่องราว เขาไม่อยากจะดินพอกหางหมู ค้างคาเอาไว้ให้มันพันกันยุ่งเหยิง ตัวเขาเองนับว่ามีงานที่ต้องรับผิดชอบเยอะ นี่เขาขอลาก่อนล่วงหน้าตามกฎระเบียบของราชการที่กำหนดให้แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น
เขาจะทำให้หนึ่งอาทิตย์ครั้งนี้มีคุณค่ามากที่สุดด้วยการตามหาหัวใจของตนเองด้วย หลังจากที่เขาบ่นตำหนิใส่เทียนทัชชาน้องสาวที่พอจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขาพอสมควร
ยายเทียนก็พอจะรู้จักวธุกาญจน์พอสมควร ทำไมเขาไม่หาทางติดต่อไปกับน้องสาวล่ะเพราะเพื่อนของวธุกาญจน์คนหนึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของวธุกาญจน์ จะได้รู้สาเหตุใหญ่อย่างแท้จริงว่าที่วธุกาญจน์ง้องอนเขาอยู่นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เขาไม่อยากให้เธอมองเขาในสายตาผิดๆไปอีกโดยที่เขาไม่ได้กล่าวแก้สักนิด
“ เทียนเธอช่วยบอกพี่ได้ไหม ผู้หญิงเวลาที่เขาทะเลาะกับแฟนสมมุติว่าเป็นพี่ก็แล้วกัน จะทำยังไงให้เขาหายโกรธดีแล้วยอมคืนดีด้วย”
เทียนทัชชาอดขำไม่ได้ พี่ชายของตัวเองลงทุนยอมง้อสาวแล้ว นึกไปถึงวธุกาญจน์ที่ใจแข็งชะมัด
“นี่ก็ต้องถามผู้ชายคนนั้นดูก่อนค่ะว่าทำความผิดอะไรลหุโทษหรือว่าชนิดร้ายแรงที่ไม่ให้อภัยกันได้ ”
ฟังเทียนทัชชาน้องสาวพูดแล้ว อนุตรใจสั่น ทั้งๆที่เป็นชายอกสามศอกแท้ เขาต้องมาหวั่นไหวกับเรื่องความรัก
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเอง
“พี่ผิดมากมายขนาดนั้นถึงขนาดเขาไม่ยอมให้อภัยเลยหรือไงเทียน”
เทียนทัชชาฟังคำพูดที่ตอบของพี่ชายเหมือนคนที่คิดหาทางออกไม่ได้กำลังจะจนมุม จึงได้สารภาพออกมาใน
ที่สุด
“จะให้เทียนตอบได้ยังไงคะ เทียนไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่เทียนจะขอแนะนำในฐานะที่เป็นน้องสาวนะคะ ผู้หญิงเขาชอบความโรแมนติค ถ้าคนที่ตัวเองรักแล้วคิดสำนึกได้บุกเข้าไปหามีของฝากสักกำมือ ดอกไม้สวยๆสักช่อเลยก็ได้”
เขาคิดว่าความคิดของน้องสาวเข้าท่า อย่างน้อยหล่อนก็ช่วยแนะนำพี่ชายคนนี้ให้พบทางสว่าง หาทางออกจนเจอ
หลังจากที่อยู่กับความมืดมานมนาน
“ แจ๋วจริงน้องรักขอบคุณความคิดของเธอมาก ไอเดียดีๆอย่างนี้น่าจะบอกกับพี่ตั้งนาน ”
อนุตรเอ่ยชมน้องสาว แต่เทียนทัชชาค้อนประหลับประเหลือกใส่หมั่นไส้พี่ชายแท้ๆตัวเองด้วย
“ก็ไม่เห็นมาถามนี่คะ เอาแต่กินเหล้าจมปลักอยู่ในห้อง ”
มันจริงอย่างที่เทียนทัชชาพูด ก็คนอย่างเขามันหาทางออกไม่เจอนี่ แล้วก็ยังสับสนมึนงง เหมือนคนหลงทางเคว้งคว้าง พอได้สิ่งดีๆแนะนำปลอบใจ ก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นและคิดเองได้ด้วย
“พี่ขอบใจเธอมากนะเทียน จะลองเอาไอเดียของเธอไปง้อคุณเชอรี่เขา งอนพี่มาหลายเดือนแล้ว เห็นทีคราวนี้พี่ต้องตั้งใจขยันทำคะแนนให้เธอรู้บ้างว่า พี่คิดกับเธอยังไง ”
แม้พี่ชายของเธอไม่ได้พูดตรงๆ เทียนทัชชาก็พอจะรู้ ทั้งคู่ถือว่าเป็นคู่รักที่รักกันมายาวนาน มาห่างเหินเอาตอนที่พี่ชายของเธอเดินทางไปรับราชการที่ต่างจังหวัด เป็นปลัดอำเภอ
เทียนทัชชายังเคยพุดกับพี่ชายว่า ถ้าไม่มีเวลาให้วธุกาญจน์ ไม่แน่วันหนึ่งวธุกาญจน์อาจเปลี่ยนไป หรือไม่งั้นพี่ชายของเธอนั่นแหละเปลี่ยน
เหตุนี้กระมังที่ทำให้อนุตรปริวิตกกลัวคนรักจะถูกคนอื่นคว้าแย่งไปครอง ถ้าทำงานแบบนี้พี่ชายของเธอจะมีความสุขได้อย่างไร อยู่กันห่างเหิน จนเทียนทัชชาและสมาชิกในบ้านอยากจะตัดสินใจให้เขาลาออกจากงานข้าราชการนะ ออกไปทำงานที่บริษัทของญาติ ซึ่งต้องการตัวของเขาไปเป็นผู้บริหารเสียด้วย ในบริษัทเอกชน แต่ว่าอนุตรยังลังเล ไม่รู้ว่าจะเอาหรือไม่เอายังตัดสินใจไม่แน่นอน
“ถ้าพี่นุตรมัวแต่คิดหนักอย่างนี้ จะตัดสินใจหาทางเดินของตัวเองไม่ได้นะคะ แต่ที่เทียนอยากให้พี่นุตรตัดสินให้พี่นุตรเลือกในทางที่คิดว่าตัวเองชอบมากที่สุด แล้วถ้ามีความรักกับใครสักคนก็ต้องทุ่มและมีเวลาให้เขาด้วยค่ะ ”
เทียนทัชชาบังอาจสอนให้พี่ชายรู้ในบางครั้ง เขาก็เข้าใจ และไม่ได้ว่าอะไร แม้เขาจะดุและเอาเรื่องในบางครั้ง แต่เขาก็ยอมยอมเพราะมีเหตุผลมารองรับ ไม่ใช่นึกจู่ๆน้องสาวจะให้ร้ายหรือด่าพี่ชายของตนเองออกมาดื้อๆ แบบนี้เทียนทัชชาเคยโดนพี่ชายตนเองกำหราบและตอกกลับมาแล้ว
พี่ชายของเธอบทจะร้ายก็ร้าย บทจะดีก็ดีใจหายตามไม่ค่อยทันหรอก แต่เรื่องปลิ้นปล้อนกะล่อนปลาไหลนี่ มีอยู่หรอก แต่เขารู้วิธีซ่อนปกปิดไม่ให้ใครรู้ เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดีเจ้าเสน่ห์สาวๆที่ไหนเห็นมักจะเหลียวมอง ให้ความสนใจ แต่มันดีอยู่ที่ว่าพี่ชายของเธอนั้นรักใครยาก เขาไม่ได้คิดแค่พอเจอใครที่ถูกใจก็สวาปามเหมือนคนที่ตะกละตะกลามเรื่องผู้หญิง
คนอย่างพี่ชายของเธอ น้ำนิ่งไหลลึก ไม่มีใครเข้าใจจิตใจของเขาได้มากกว่าตัวเขาเองหรอก
“พี่อยากให้เธอช่วยจัดการเรื่องคุณเชอรี่ให้พี่ด้วย เพราะยังไงเสียเธออยู่กรุงเทพมาตลอด คงจะรู้เรื่องราวคุณเชอรี่มากกว่าพี่ อย่างน้อยเธอต้องเคยพบเจอเขา แล้วช่วยเล่าอะไรให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม ว่ามีผู้ชายคนไหนเข้ามาสนใจวอแวกับคุณเชอรี่หรือเปล่า ถ้ามีก็บอกนะ พี่จะได้ไปจัดการกับมันเอง”
แบบนี้เกิดอาหารหึงขึ้นหน้านี่พี่ชายเธอ เทียนทัชชาอดอมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ ที่พี่ชายอารมณ์ร้อนคราวนี้เพราะหึงแฟนสาวคนสวย เธอก็เลยยั่วพี่ชายผสมเข้าไปอีก
“ก็จริงนี่คะพี่นุตรพี่เชอรี่ออกจะสวยคล่องแคล่วเป็นสาวทันสมัยอย่างนั้น สวยๆอย่างนี้ไม่มีมดตัวไหนมาตอมน้ำตาลที่สวยมีคุณสมบัติครบครันไปหมดอย่างนี้ก็ถือว่าตาไม่ถึงแล้วล่ะคะ ”
สีหน้าของอนุตรเข้มจัดเครียดด้วยที่น้องสาวพูดเรื่องนี้เข้าหูเข้าสมองของเขา จึงทำสีหน้าตึงใส่น้องสาว
“ นี่เธออย่ามาคิดปรักปรำคุณเชอรี่เลย ห่วงแต่ตัวเธอเถอะ เรื่อง นเรนทรว่ายังไง เขามีท่าทีลงเอยกับเธอ แล้วหรือยัง หรือมัวแต่เกี่ยงติดงานเหมือนพี่ชายของเธอ”
อนุตรว่าเข้าไปที่ว่าที่น้องเขย ซึ่งเทียนทัชชานั้นเมินเฉย
แล้วก็เอ่ยเปรยๆออกมาว่า
“แหม ผู้ชายนี่ช่างเหมือนกันหมดทุกคนเลยนะคะ เดี๋ยวอ้างโน่นเดี๋ยวอ้างนี่ ติดประชุมติดงาน ติดสารพัด แต่ถ้าให้จับได้ว่าติดผู้หญิงอีหนูล่ะก้อ น่าดูเลย”
เขาไม่ยอมใช้ความสามารถของตนเองออกมาเลย เทียนทัชชาอดบ่นตามหลังไม่ได้ นี่หรือน้ำยาพี่ชายของหล่อน จะง้อสาวทั้งที แต่เทียนทัชชาคิดว่าเขาอาจจะแกล้งฟอร์มไปก็ได้มั้ง เสน่ห์คำพูดคารมคมคายของพี่ชายเธอ ในสมัยหนุ่มๆวัยรุ่นใหม่เขาจับสาวเก่งจะตาย จีบทีเดียวสามสี่คน
เทียนทัชชาจึงคิดว่า เรื่องนี้พี่อนุตรต้องทำสำเร็จ อย่างไรเสียคุณเชอรี่เป็นแฟนที่ดีด้วย ที่พี่อนุตรชวดหรือปล่อยหล่อนทิ้งไป ก็น่าเสียดายอยู่หรอก คิดไปถึงพี่ชาย
เทียนทัชชานึกเซ็งไปถึงคนรักเหมือนกัน นี่เขาไม่ติดต่อกลับมาหาเธอสองสามวัน คอยดูเถอะ เจอหน้าเมื่อไหร่จะงอนใส่เป็นเดือนเลย ผู้ชายไม่มีสัจจะ เคยพูดอะไรไว้กับเธอ เทียนทัชชาเป็นคนที่จดจำอะไรแม่นยำเสียด้วยสิ
คุณปานนิตตาเป็นน้าสาวของวธุกาญจน์ เธออยู่ในชนชั้นผู้ดี อย่างเช่นหลานสาว จึงแวะเวียนมาหาที่บ้านของพี่ชาย นักธุรกิจหมื่นล้านและเจ้าสัวชื่อดังของประเทศ นาย โภคินัย อัศวภาดรกุล
ณคฤหาสถ์หลังงาม บ้านกลางชล และพบว่า วธุกาญจน์กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอไม่คิดจะรบกวนหลานสาวมานานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาจากที่ทำงานแล้วหรือยัง เพราะหลานสาวเป็นคนที่มุหนักเอากับงานเหมือนกัน จนแทบไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องส่วนตัว
ที่มาที่นี่ก็แค่เยี่ยมเยียนครอบครัวพี่ชายด้วยความคิดถึง และมาอยู่พบหน้าหลานสาวก็ดี จะได้ถามไถ่ไปถึงความคืบหน้าของหน้าที่การงาน ว่าเป็นยังไงบ้าง งานธุรกิจของตัวเอง ไม่ชอบบริหาร กลับไปทำให้คนอื่น
คุณปานนิตตา รู้สึกในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับพี่ชายนั่นแหละ มีใจปรารถนาหวังดีให้กับสายตระกูลของตนเอง เพื่อการดำรงคงอยู่และสืบสานธุรกิจ ต่อจากพี่ชายของเธอ วธุกาญจน์ยังมีพี่ชายอีกสองคน ที่ร่ำเรียนหนังสืออยู่ที่ต่างประเทศ เดชปฏล กับ คลทวิช
ไม่ทราบว่าข่าวคราวเป็นเช่นไร มาคราวนี้ จึงอยากจะเอ่ยถามถึงหลานชายทั้งคู่ ที่เรียนต่อปริญญาเอก กับปริญญาโท มีวี่แววว่าจะกลับเมืองไทย เมื่อไหร่ หรือ มัวแต่หลงใหลลุ่มหลงเสน่ห์สาวผมทองนัยน์ตาสีฟ้า จนหลงลืมบ้านเกิดเมืองนอนเสียแล้ว
“สวัสดี ค่ะ คุณพี่ พี่เลอ คิดถึง น่ะคะ จึงแวะมาหา ”
โภคินัยทักทายน้องสาวเช่นเดียวกับภรรยา คุณเลอลักษณ์ที่ทักทายน้องสาวสามี ซึ่งไม่ค่อยจะแวะเวียนมาหา เป็นเพราะทุกคนมัวแต่วุ่นยุ่งอยู่กับงานการและธุรกิจของตนเอง จนไม่มีเวลาไปหาหาสู่เหมือนเมื่อก่อน
“ยาย เชอรี่ กลับมาแล้วหรือยังคะ พี่เลอ ”
ปานนิตตาเอ่ยถามถึงหลานสาวก่อน เลอลักษณ์จึงเอ่ยตอบ
“มาแล้ว จ๊ะ น้องปาน เห็นเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง หมู่นี้จะเป็นแบบนี้บ่อย ไม่รู้เป็นอะไรของเขา แล้วไม่ค่อยลงมาทานข้าวด้วย พี่ นี้ก็นึกห่วงกลัวลูกจะไม่สบาย”
“แก คร่ำ อยู่กับงานมากเกินไป หรือเปล่าคะ คุณพี่ ดูซิเนี่ย มัวแต่ทำงานให้คนอื่น จนสุขภาพตัวเองไม่ได้ดูแลเลย ปาน ว่าแบบนี้ก็ไม่ไหวนะคะ คุณพี่ ทำให้คนอื่น เขามีแต่ได้กับได้ ปาน ไม่เข้าใจยายเชอรี่เลยคะ ว่าทำไม หลานถึงได้ชอบงานแบบนี้ ”
ปานนิตตาบ่นออกมาให้พี่สะใภ้ฟัง เลอลักษณ์ก็เพียงแต่ฟังคำพูดของน้องสามี แต่เพราะรู้จักอุปนิสัยของลูกสาวดีว่า วธุกาญจน์ นั้นชอบงาน แบบที่ตัวเองถนัด คุณปานนิตตาน้าสาวก็มาเห็นหลายครั้ง การไม่พูดก็ดี หรือไม่พูดก็ดี เก็บไว้เรื่องมันก็เงียบไป แต่คุณปานนิตาก็ อยากจะฉุดดึงหลานสาวให้ไปไกลกว่างานที่เธอประเมินดูแล้ว มันจะไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่
เงินเดือนก็งั้นๆ แม้จะเป็นงานที่ตนเองชอบ ปานนิตตาอยากจะปลูกฝังทัศนคติความคิดใหม่แก่หลานสาว แต่เห็นทีคงจะยาก ดูจากท่าทีแล้วเพราะยายเชอรี่ ไม่ใช่คนที่เธอจะเสี้ยมสอน หรือพูดเป่าใส่หัวได้ง่าย ถ้าไม่เพราะปานนิตตาหวังดีกับหลานๆจริง หล่อนคงไม่นึกที่จะทำอย่างนี้หรอก แต่กลับกลายเอาว่า ความดีของหล่อนถูกบรรดาหลานมองข้ามผ่านไปเฉย อย่างนี้มันควรน่าจะน้อยใจมากไหมล่ะ
ปานนิตตาก็เลยพูดเปรยๆให้พี่ชายและพี่สะใภ้ซึ่งเป็นพ่อแม่ของเด็กให้ได้ยินอีกครั้ง
“อย่างนี้นะคะคุณพี่ น่าจะให้ยายเชอรี่เรียนต่อที่เมืองนอก หรือ ไม่ก็จับให้แต่งงานแต่งการเสียเลย เพราะไหนๆอีกหน่อยก็ต้องแต่งแล้วนี่คะ ถ้าน้องพูดอะไรเกินเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ นี่เป็นเพราะความหวังดีของน้องจริงแท้เลยเทียว ”
คุณเลอลักษณ์คิดว่า น้องสาวของสามีชักจะเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของพี่ชาย มากเกินไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ถือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา พูดตอบโต้หรือว่าอะไรกลับไป ยังคงรักษามารยาทที่ดี เหมือนความเป็นผู้ดีนั้นอยู่ในสายเลือด อยู่ในจิตใจของเธอนั่นเอง
บางครั้งในคำพูดของปานนิตตาหลุดคำออกมา มีคำพูดที่ฟังแล้วระคายหูของเธอไม่น้อย บางครั้งเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมเลย แต่คุณเลอลักษณ์ยังเก็บอาการและกริยานิ่ง เป็นเพราะการเกรงใจสามีด้วยนั่นเอง อันที่จริงแต่ไหนแต่ไรมา คุณโภคินัยผู้เป็นสามี นั้นก็ไม่เคยก้าวก่าย มายุ่มย่ามในเรื่องบรรดาญาติพี่น้องของครอบครัวคุณเลอลักษณ์ ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือปัจจุบัน
และอุปนิสัยก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหมือนไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันออกมาจากท้องแม่เดียวกัน หรือว่าข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบอยู่ที่เพศ เพราะปานนิตตาเป็นผู้หญิง จึงมีกิริยาท่าทาง อยากรู้อยากเห็น ขณะที่สามีเป็นผู้ชาย ความแตกต่างมันอาจจะอยู่ที่ข้อนี้
เธอคิดว่า น่าจะหยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้ว คิดไป ปวดหัวเปล่าๆ วธุกาญจน์ลูกสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงมาข้างล่างเสียที นางเองในฐานะผู้เป็นแม่ก็นึกห่วงใยไม่น้อย หรือว่า ยาย เชอรี่อาจนึกรำคาญน้าสาว ก็เลยไม่อยากจะลงมา ส่วนทางด้าน ปานนิตตาก็อดรนทนไม่ได้เหมือนกัน ที่การทำตัวแบบเจ้ากี้เจ้าการของเธอไมได้ผล
ทางด้านพี่ชายแท้ๆของตนเองก็เช่นกัน ทำท่าจะไม่รับรู้รับทราบ ทำไมทำตัวซื่อบื้อ ไปกันหมดอย่างนี้ ทั้งๆที่น้องสาวอย่างเธอเข้ามาแนะนำด้วยความหวังดีแท้ๆ ความกรุ่นโกรธในใจเป็นอย่างนี้เอง
เลยทำให้คุณปานนิตตาต้องรีบผลุนผลันเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ก่อนจะล้วงกุญแจแลไขสตาร์ทพุ่งขับออกจากในเรือนและผ่านรั้วประตูหน้าบ้าน ด้วยท่าทีค่อนข้างประชด นอกจากขับรวดเร็วเหมือนกับพายุ ยังบีบแตรไล่ เหมือนคนไม่มีมารยาท
แม้แต่คนใช้ที่เปิดประตูให้อย่างน้อมจิตก็ยังค่อนว่าน้องสาวของนายผู้ชายลับหลังเลย
“แก่แล้ว ขับรถเหมือนคนไม่ได้รับการอบรมมารยาท หรือว่า เลือดลมเดินไม่สะดวก จึงคุ้มดีคุ้มร้ายอย่างนี้ คุณนิตตา เจ้าประคู้น ขอให้ขับรถกลับถึงบ้านเถอะ นึกสงสาร สังเวชใจแทน ”
น้อมแอบค่อนว่าไปตามหลังอีกหน จนกระทั่งว่าเสียงแผดดังของเครื่องยนต์ ที่เร่งเครื่องอย่างนึกประชดและน่ารำคาญห่างออกไปไกลจากรั้วบ้าน น้อมจิตจึงรีบปิดประตูรั้วใหญ่กลับเข้าหากันตามเดิม
เพราะเสียงรถที่แล่นออกจากเขตบริเวณบ้านนั่นแหละ ไปเสียได้ก็ดี วธุกาญจน์เดินมาชะโงกมองที่หน้าต่าง เหตุที่ยังไม่ได้ลงไป เพราะหญิงสาวมีอาการปวดศีรษะปวดตุบๆอยู่ที่บริเวณท้ายทอย ศีรษะนี่ปวดเหมือนจะเป็นไมเกรน
ยิ่งมีเรื่องต้องคิดมากมาย สักครู่หญิงสาวก็เดินลงไปหยิบขวดยาข้างล่าง ซึ่งอยู่ภายในห้องพักผ่อนนั่งเล่นของครอบครัว ตู้ยาสามัญประจำบ้าน มีจำพวกยาทาแผลสด ยาแก้ปวดหัว แก้แผลพุพองลวกไหม้จากไฟบางครั้งวธุกาญจน์ก็จะใช้คนใช้ให้หยิบมาให้
เขามีหัวใจที่พลุ่งพล่าน เดินย้อนไปมาหมุนตัวเวียนวนอยู่ในห้องพักเหมือนเสือติดจั่น เขากลับไม่มีงอนง้อเราเลย หรือว่า ผู้หญิงคนนั้นตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะเลิกราจากเรา มันรู้ว่าสึกว่าง่ายเหลือเกินแค่ความคิด
ขณะนี้ปลัดหนุ่มเกิดความรู้สึกที่ตัวเขาเองทนไม่ได้ ความรู้เช่นนี้มันเกิดขึ้นกับเขาหลายครั้ง แล้ว และก็ยากที่เขาจะใส่ใจ แต่ทว่าครั้งนี้มันรุนแรงกว่าเดิม
เขาแคร์ เขาแคร์มาก แคร์ผู้หญิงคนนี้ จะให้ตอกย้ำกันอีกกี่สิบรอบสิบตลบ เขาก็ยังยืนยันคำนั้น จึงพยายามอย่างมาก ที่จะพยายามสลัดความขี้ขลาดตาขาว ไปพ้นจากใจตนเอง
คิ้วหนาเป็นปื้นทิ้งใจอยู่กับความครุ่นคิดใบหน้าคมคายที่มองดูสักกี่หนก็มีเสน่ห์น่ามอง เขาทำพลาดไปเรื่องหนึ่ง ข้อนี้รู้อยู่กับตัวเอง และรู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร
แต่ฝ่ายหญิงเป็นคนเริ่มต้นก่อน เริ่มต้นยั่วยวน จนมันเตลิดเลยไปสู่การถลำ เขากลับมาคิดได้ภายหลังนี่เอง คนเรา เมื่อใครพบเจอเรื่องแบบนั้นในสถานการณ์อย่างนั้น