Chapter 3 พลีกายใช้หนี้
นางโกรธ! อยากจะกัดริมฝีปากของเขาให้เลือดออก อยากจะยกเท้าขึ้นถีบถองให้ชายผู้นี้เจ็บปวดจนหน้าเขียว แต่นางทำได้เพียงแค่คิด ด้วยชีวิตของคนในครอบครัวอันเป็นที่รักตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของชายรูปงามใจโฉดผู้นี้
ทว่าความโกรธของนางที่พยายามกระพือโหมให้ลุกฮือ เพื่อกางกั้นความรู้สึกประหลาดที่ผุดขึ้นในใจกลับมอดดับไม่เป็นท่า เมื่อวงแขนแข็งแกร่งโอบกระชับเรือนร่างของนางให้เข้าไปแนบชิดเรือนกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มือข้างหนึ่งโอบกระหวัดรัดรอบเอวบาง ในขณะที่มือหนาสากอีกข้างกอบกุมสะโพกงามงอนของนางเอาไว้เต็มมือ แล้วบีบแรงจนนางผวาสะท้านไปทั้งร่าง
“อะ...อื้อ”
นางเผลอครางออกมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ซึ่งจังหวะนั้นเองเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้แทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากสีกุหลาบอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กแล้วควานไปทั่วเพื่อดื่มกินความหอมหวานราวกับน้ำผึ้งจากเทือกเขาคุนเหม่ย
หัวใจดวงน้อยร่วงตกจากที่สูงซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางรู้สึกหวิวโหวงในหัวใจจนชาวาบราวกับในร่างกายสิ้นไร้เลือดฝาด เรี่ยวแรงที่ควรมีกลับเหือดหาย มือที่ควรจะผลักไสกลับตกลงข้างลำตัว ราวกับยินยอมให้เขาทวงหนี้บนเรือนกายได้ตามอำเภอใจ
“อื้อ”
นางครางเสียงสั่นเมื่อมือที่โอบเอวเลื่อนขึ้นมารองบริเวณท้ายทอย นิ้วเรียวยาวสอดแทรกเข้าไปตามเรือนผมสลวยแล้วดันให้ศีรษะของนางแหงนเงยเพื่อรับจูบร้อนแรง
จังหวะจูบที่เนิบช้าส่งผลให้หัวใจหวิวไหว ทว่าจังหวะจูบที่ร้อนแรงราวกับจะบดขยี้ริมฝีปากให้บวมช้ำกลับส่งผลให้นางเสียวแปลบแล่นไปยังแก่นกลางกาย
รับรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างในร่างกายผิดแปลกไป ในช่องแคบของนางชื้นแฉะอีกทั้งยังมีน้ำใสไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนง่ามขา
ชะ...ช่างน่าละอายเหลือเกิน
นี่ร่างกายของนางกำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสของคหบดีหยาง เจ้าหนี้แสนเลวทำร้ายครอบครัวของนางอย่างนั้นหรือ
ไม่นะ! ไม่!
“อื้อ...อะ...อ๊ะ...อื้อ”
แม้ใจจะร่ำร้องด่าทอทว่าเมื่อเขาเบียดต้นขาแข็งแหร่งแทรกผ่านเรียวขาของนางทั้งสองข้าง แล้วถูไถเสียดสีโหนกบุปผาไปมาก็ถึงกับทำให้นางส่งเสียงครางแทบไม่เป็นภาษา
มือสากเลื่อนมากอบกุมทรวงอกสล้าง เขาฟอนเฟ้นหนักเบาจนทำให้นางถึงกับผวาหายใจสะดุด รู้สึกราวกับกำลังสะบัดร้อนสะบัดหนาวคล้ายจะเป็นไข้ มันวูบวาบหวามไหวจนหัวสมองขาวโพลนไม่อาจคิดอ่านสิ่งใด
เวลานี้สติของนางกระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับ รสสัมผัสซ่านเสียวทำให้นางลืมสิ้นซึ่งความอายและความโกรธแค้นที่กำลังถูกเขากระทำย่ำยี
นั่นเพราะสัมผัสของเขาเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ ราวกับสุราดอกท้อชั้นดีที่ทำให้คนดื่มมัวเมาจนลืมสิ้นซึ่งความสมประดี นางห่อไหล่เมื่อเขาปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ แล้วเลื่อนไปตามลำคอระหง
จูบไซ้ที่ต้นคอจนเกิดรอยแดงราวกับต้องการตีตราประทับว่านางคือ ‘ดอกเบี้ย’ และ ‘หนี้’ ที่เขากำลังกอบโกยด้วยแรงกามา
แต่แล้วจู่ๆ เขากลับผละออกจากเรือนร่างของนาง ส่งผลให้คนตัวเล็กถึงกับทรุดฮวบลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างสิ้นท่า นางก้มหน้างุด อับอายและอดสูใจจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
“ท่านมันเลวทราม!”
นางเค้นเสียงลอดไรฟันด่าทอ ทว่าเขากลับโน้มกายลงมาแล้วบีบปลายคางดันใบหน้าให้แหงนเงย ก่อนจะก้มลงจูบจ้วงดุดันราวกับจะปล้นปลิดลมหายใจของนางให้ขาดห้วง
หัวใจของนางเต้นแรงแทบจะกระโจนออกมานอกอก แล้วจู่ๆ ร่างเล็กก็ถูกอุ้มจนตัวลอย กว่าจะรู้ตัวอีกทีนางก็นอนระทวยอ่อนอยู่บนเตียงกว้างเสียแล้ว
นางหยัดกายจะลุกทว่าเขากลับกดทับด้วยเรือนกายแข็งแกร่ง ดุนดันความแข็งแกร่งของบุรุษเพศให้ถูไถบนต้นขาของหญิงสาวจนนางรู้สึกร้อนวูบวาบราวกับถูกไฟตัณหาโลมไล้ไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
“อะ...”
หลี่ซืออี้รู้สึกราวกับผืนแผ่นดินพลิกกลับด้านเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากโลมไล้ลงต่ำวนเวียนที่ทรวงอกอิ่มสล้าง ใช้ปลายลิ้นดุนดันตวัดปลายถันที่ชูชัน ก่อนจะอ้าปากครอบครองเต้านมเต็มปาก ดูดแรงแล้วตวัดลิ้นไปพร้อมๆ กันจนนางถึงกับผวาเฮือก
“อะ...อาห์”
สองมือเล็กเผลอยกขึ้นจับศีรษะของเขาเอาไว้ พยายามดันออกด้วยความเสียว ทว่าบางครากลับกดศีรษะของเขาให้ซุกไซ้ไปกับสองเต้า
นางเสียวสะท้านจนช่องสวรรค์เปียกแฉะไปหมด เผลอกระดกสะโพกร่อนสูงอย่างลืมตัว เวลานี้นางต้องการให้เขาสัมผัสจุดที่นางอ่อนไหวที่สุด จุดที่จะทำให้นางเสียวจนลืมความทุกข์ตรมและความน่าอัปยศในครั้งนี้
คหบดีหนุ่มเลื่อนริมฝีปากลงต่ำ...ต่ำลงไป...ต่ำลงไปอีก จนกระทั่งลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณหน้าท้องแบนราบของหลี่ซืออี้ แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่นางไม่คาดคิดมาก่อน นั่นก็คือ...
เจ้าหนี้หนุ่มใช้ริมฝีปากค่อยๆ ดึงเชือกที่ผูกบริเวณสะโพกออกอย่างเชื้องช้า ก่อนจะคาบผ้าแดงผืนน้อยที่ปิดโหนกบุปผาด้วยปาก แล้วโยนมันทิ้งไว้ข้างเตียงอย่างไม่ยี่หระ
บัดนี้เนินอวบอูมขาวผ่องปรากฏแก่สายตาของคหบดีหนุ่ม เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ ซึ่งทุกการกระทำของเขาส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
เสน่ห์และความเร่าร้อนของชายหนุ่มทำให้หัวใจของนางกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า นางไม่อาจปฏิเสธเลยว่าสัมผัสจากเขาทำให้นางกำลังคลุ้มคลั่งราวกับเสพสิ่งมึนเมา
“อะ....อาห์”
แหงนเงยใบหน้าแล้วส่งเสียงครางออกมาจนสุดเสียง เมื่อจู่ๆ เขาก็ซุกใบหน้าซบลงบนโหนกนูน แล้วใช้ปลายลิ้นลากผ่านรอยแยกของกลีบดอกไม้จนทำให้นางถึงกับต้องสะบัดหน้าแรงๆ หลายครั้ง ด้วยไม่คิดว่าการสัมผัสจุดนั้นด้วยปลายลิ้นจะทำให้นางถึงกับแดดิ้น
“ยะ...อย่า!”
น้องร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเขาละเลงปลายลิ้นไปทั่วกลีบ จากนั้นห่อปลายลิ้นให้แข็งแล้วดุนดันตวัดลงไปยังเมล็ดสวรรค์สีชมพูระเรื่อ